ฟุตบอลโลก 2022 เปิดฉากนัดแรกด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าภาพกาตาร์ แต่ยังต้องจับตาการฟาดแข้งต่อจากนี้ ซึ่งแฟนบอลหรือโค้ชชาวไทย จะได้ศึกษาเกมการเล่น และนำมาพัฒนาเยาวชน เพื่อสร้างทีมชาติไทยให้แข็งแกร่ง เพราะในสายตาของ “ขงเบ้งบอลไทย” อย่าง “ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน” ฟุตบอลทีมชาติไทย จะต้องหันมาตั้งหลักใหม่ พร้อมกับวิเคราะห์บอลโลกครั้งนี้ไว้ด้วย 

“ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” เปิดประเด็นถึงปรากฏการณ์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 กับ “ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน” อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ได้วิเคราะห์บอลโลกว่า แฟนบอลที่ติดตามการแข่งขันในระดับโลก จะเห็นถึงสีสันอันประกอบด้วย

  • ทักษะนักฟุตบอลระดับโลกจะลดลง จากปัจจัยสภาพอากาศที่ร้อน ประกอบกับขณะนี้การแข่งขันในระดับสโมสรหลายประเทศอยู่ในช่วงพักฤดูกาล ทำให้นักเตะบางรายไม่ทุ่มเทกับการเล่นให้กับทีมชาติ เพราะกลัวอาการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อการเล่นในระดับสโมสร

    “การแข่งฟุตบอลโลกที่ผ่านมาจะเล่นกันช่วงปิดฤดูกาลของฟุตบอลลีก แต่ปีนี้มาแข่งในช่วงกลางฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักเตะ ทำให้มีความกังวลต่ออาการบาดเจ็บที่รบกวนในการเล่น ทำให้สีสันบางอย่างขาดหายไป”
  • จับตาความสามารถเฉพาะตัว โดยเฉพาะผู้เล่นที่เป็นดาวดวงใหม่ และวิเคราะห์เทคนิคการเล่นส่วนตัว ทักษะการเอาตัวรอดเพื่อศึกษานำมาปรับใช้กับการฝึกฝนนักฟุตบอลรุ่นใหม่ของไทย

  • วิเคราะห์การวางแผนการเล่นของโค้ชแบบเกมต่อเกม เนื่องจากเป็นบอลทัวร์นาเมนต์ ตัวอย่างเช่น คู่อิหร่านกับอังกฤษ ต้องจับตาดูการเล่นเกมรับของอิหร่านในฐานะบอลรองว่าจะมาตั้งรับแบบไหน เพื่อเอาชนะเกมบุกที่รวดเร็วของอังกฤษ รวมถึงการบีบพื้นที่ด้านข้างของอังกฤษ ไม่ให้เล่นบอลบุกได้ ซึ่งผู้อยากศึกษาการเล่นฟุตบอลสามารถตั้งสมมติฐาน เพื่อพัฒนาความรู้ของตัวเองได้ทุกนัด
  • ศักยภาพนักฟุตบอลยุคใหม่ การประกบตัวแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่สามารถหยุดคู่แข่งได้ ซึ่งคนที่ชอบศึกษาเกมรับของฟุตบอลสมัยใหม่ จะได้เห็นความหลากหลายของเกมรับในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้มากขึ้น

  • จับตาทีมม้ามืดจากโซนอเมริกาใต้และยุโรป ฟุตบอลในประเทศเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีทักษะการเล่นบอลที่ดี โดยเฉพาะอุรุกวัย เกมรับเหนียวแน่น และมีกองหน้าเด็ดขาด แต่ต้องคอยดูว่าจะสร้างสรรค์เกมให้มีความหลากหลายได้หรือไม่ 

...

มองฟุตบอลโลกผ่านการพัฒนาบอลไทย

มองกลับมาที่ฟุตบอลทีมชาติไทย “ดร.ชาญวิทย์” ให้ความเห็นว่า สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงคือ ทักษะเฉพาะตัวในระดับเอเชียของนักฟุตบอลไทย เห็นได้จากโอกาส การชนะทีมชั้นแนวหน้าของเอเชีย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ทีมชาติไทยมีโอกาสชนะน้อยกว่าในอดีตมาก

“ทักษะเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ฟุตบอลไทยต้องกลับมาทบทวน เพราะฟุตบอลระดับเยาวชน ขณะนี้เกือบทุกชุดแพ้เวียดนามหมด มันเห็นได้ชัดถึงความถดถอย เพราะ 6–7 ปีที่ผ่านมา ฟุตบอลไทยไปเน้นระบบมากกว่าความสามารถเฉพาะตัว เรามัวแต่จะเล่นบอลสวยงาม บอลจะถึงประตูคู่ต่อสู้อยู่แล้ว ยังส่งคืนหลัง ทำไมไม่ลากเลื้อยเข้าไปเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงต้องกลับมาทบทวนเบสิกนักฟุตบอลใหม่ ให้มีทักษะเทียบเท่าระดับเอเชีย”

สมาคมฟุตบอลฯ ไปเน้นบอลระบบ จนขณะนี้ความสามารถเฉพาะตัวของนักฟุตบอลรุ่นใหม่เหลือน้อยลง ตัวอย่างเช่น กองหลังที่ป้องกันลูกโหม่งเก่งๆ ในทีมชุดใหญ่แทบไม่มี ส่วนตำแหน่งกองหน้า ลูกเปิดมาจากด้านข้าง กองหน้าที่โหม่งทำประตูเก่งๆ แทบไม่มี หรือกองกลางที่ยิงไกลเฉียบขาดยุคนี้แทบไม่มีให้เห็น

“ผู้เล่นทีมชาติไทยยังขาดลูกเด็ดขาด หลายสโมสรในโลกจะซื้อตัวนักฟุตบอลด้วยความโดดเด่นของทักษะเฉพาะตัว และสามารถปรับการเล่นให้เข้ากับทีมได้ ไม่ใช่เล่นตามระบบเป็นอย่างเดียว สิ่งนี้ทำให้นักฟุตบอลไทยไม่สามารถไปเล่นในลีกอาชีพชั้นนำของเอเชียได้ ดังนั้นการที่ฟุตบอลไทยจะไปบอลโลกได้ ต้องมาตั้งหลักใหม่ หันมาพัฒนาความสามารถเฉพาะตัว เน้นพัฒนาเด็กให้ผ่านเข้ารอบไปเล่นในรายการเยาวชนโลกให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก” อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย ทิ้งท้ายถึงความหวัง.