ตอนนี้ถือเป็นช่วงขยายผลคดี “ผับจินหลิง” ที่ใครๆ ตั้งฉายาว่าเป็น “ผับศูนย์เหรียญ” ที่มีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่ม พยายามเข้ามาขยายอิทธิพลในเมืองไทย ด้วยธุรกิจสถานบันเทิง พ่วงกับปัญหา “ยาเสพติด” ที่มีหลักฐานที่พบ “คาหนังคาเขา” และยังเชื่อมโยงกับ “บ่อนการพนัน”
จากการตรวจสอบ และขยายผล ตำรวจได้ขอศาล “อายัดทรัพย์” เครือข่ายดังกล่าวมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาทแล้ว ทั้งเงินสด รถหรู บ้าน คอนโดฯ หรือนาฬิกาแพง มีครบ
คำถามคือ “เครือข่ายทุน” ที่หากินมีหน้าฉาก ธุรกิจถูกกฎหมาย แต่หลังร้านพบสิ่งผิดสังเกตมากมาย เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร...และใครเป็น “ผู้นำพา” เข้ามา!
“เครือข่ายเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ 5 เสืออย่างที่พูดกัน แต่มันมีเป็นร้อยๆ”
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีตตำรวจฝีปากกล้า ที่เคยทำงานในฐานะผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เผยเบื้องหลังทุนจากต่างประเทศ ที่ทยอยเข้าสู่เมืองยิ้มของเราเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว และปัจจุบันทุนเหล่านี้ยังอยู่แถมมีมากและขยายอิทธิพลมากขึ้น!
...
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้การทางเศรษฐกิจฯ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เคยจับ “ของเลียนแบบ” ต่างๆ มันเริ่มต้นมาจากจีนทั้งนั้น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นคิดได้ 2 อย่าง...
1. ทุนจีนมาลงทุนอย่างถูกต้องเพียงลำพัง
2. ลูกมือหรือหุ้น หรือ “นอมินี” เป็นคนไทย
ผู้การวิสุทธิ์ พูดแบบฟันธงว่า ส่วนมากจะลงแบบข้อที่ 2 ทุนต่างชาติเหล่านี้จะใช้การวิธีซื้อใจคนไทย โดยให้เงินเดือนเยอะๆ หรือลงหุ้น ประมาณ 70/30 สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะต้องการใช้คนไทยมาทำหน้าที่ “เคลียร์!”
ก่อนหน้านี้ ทุนจีนบุกที่ไหน ถ้าเข้าได้ก็ฉลุย แต่มาเจอประเทศไทย ต้องถึงกับ “งง!”
“งงดิ!.... ทุนจีนบุกประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เคลียร์แค่หน่วยงานเดียวจบ แต่มาประเทศไทย ต้องเคลียร์ 20 กว่าหน่วยงาน” (ฮา...)
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวพลางหัวเราะ ก่อนจะอธิบายต่อว่า แหม!! (เสียงสูง) แค่ปัญหาลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า หลายหน่วยงานก็จับกุมได้ แม้แต่ตำรวจท่องเที่ยวยังจับได้ บางทีตำรวจรถไฟ ตำรวจน้ำ กองปราบ กองเศรษฐกิจ ก็จับ
นี่คือเรื่องปวดหัวของคนจีนที่มาเจอในประเทศไทย ในสมัยก่อน กับช่วงปัญหา “ของก๊อป” ระบาดหนักๆ ซึ่งสมัยนั้น เวลาขนของพวกนี้เข้ามา จะเลือกช่องทางเรือเป็นหลัก หากเป็นของดี มีค่าหน่อย อย่างเช่น นาฬิกาแพงๆ อาจจะมาทางคาร์โก้ เครื่องบิน
พวกนี้มันไปมาหมด ลาว กัมพูชา เมียนมา มีบางประเทศ ที่ “เคลียร์ยาก” เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ กลุ่มประเทศเหล่านี้ใช้เงินเคลียร์ไม่ได้...
“ของ Copy” สู่ธุรกิจสถานบันเทิง คนไทยพาเข้าหาผู้ใหญ่
อดีตตำรวจ จอมแฉ ยังบอกกับทีมข่าวว่า รากปัญหาที่เกิดขึ้นมาจาก “ข้าราชการฉ้อฉล” ที่มีปัญหาตั้งแต่อดีต ยันปัจจุบัน
“เมื่อมันรู้ว่าเมืองไทยใช้เงินฟาดหัวข้าราชการเลวๆ ได้ เกือบทุกหน่วยงาน มันก็หัวเราะเลย ขอแค่มีเงินเท่านั้นแหละไม่ว่าจะหน่วยงานไหนมันก็พยายามแทรกซึมซื้อ... เพื่อให้มันรอดนี่แหละ คือความ “เน่าเฟะ” สังคมไทย”
สิ่งที่ทำคือการ “หาเมีย” เพื่อซื้อคอนโดฯ (ต่างชาติซื้อได้) เมื่ออยู่แล้วก็รู้สึกดี เพราะทุกอย่างเสรีหมด อาหารการกินดี อยู่อย่างสะดวกสบาย ได้ไปกิน เที่ยว ผับ อาบอบนวด สักพักก็มีไอเดียว่า ทำไมต้องมาเสียตังค์เที่ยวอาบอบนวด ผับ จึงเป็นที่มาของ “ทุนต่างชาติ” เริ่มบุกธุรกิจ ผับ อาบอบนวด
...
โดยมีการระดมทุนมาลง จ้างคนไทย เป็นกัปตัน, ผู้จัดการ ให้เงินเดือนมากๆ พูดง่ายๆ เป็น “นอมินี” เพื่อมาเคลียร์ให้จบ ทำไปทำมา เริ่มรู้จักกับเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ หรือไปถึงนักการเมือง บ้างก็บริจาคเงินให้บ้าง
“พวกนี้ มันคือ “พ่อค้า” จิตใจของ “พ่อค้า” มีความคล้ายกับ “นักพนัน” สมมติว่าวันเกิดใครสักคนที่เป็นคนใหญ่คนโต คนทั่วไปจัดให้ 1 แสน แต่คนพวกนี้ให้ 5 แสน ถึงล้าน เอาแจกันดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี แต่ใต้แจกันนี่แบงก์พันหนาปึ้ก!”
เมื่อเหล่าคนใหญ่คนโต ได้แจกันกลับบ้าน ถึงกับต้องถาม “อาเหลียง” (นามสมมติ) นี่ใครพามันมาวะ!
ลักษณะการจ่ายของกลุ่มทุนมันเป็นแบบนี้ เมื่อสถานบริการเริ่มใหญ่ ก็เริ่มชักชวนแต่คนของมันเข้ามาเที่ยว (กลายเป็นผับศูนย์เหรียญ) เมื่อถึงเวลามีคนใหญ่คนโตประเทศตัวเองมา ก็มาจัดเลี้ยงต้อนรับ เพราะพวกทุนจีน มันต้องเชื่อมโยงเงิน มีการถ่ายโอนเงินกลับจีน สิงคโปร์บ้าง ฉะนั้นจำเป็นต้องมี “เส้น” ในทางบ้านเกิดตัวเองด้วย
ข้าราชการจากแผ่นดินใหญ่นั้น ทำอะไรแบบที่ไทยๆ ทำไม่ได้ แต่ก็ช่วย “อำนวยความสะดวก” ได้บ้างเท่านั้น เพราะกฎหมายจีนรุนแรงกว่าไทย และผู้นำเขาเด็ดขาดมากกว่า
จากธุรกิจบันเทิง สู่เบื้องหลังยาเสพติด บ่อนการพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผู้การวิสุทธิ์ เล่าเบื้องหลังต่อไปว่า เมื่อเริ่มขยายสถานบริการแล้ว ผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็ตามมาด้วยบ่อนการพนัน จากนั้นก็เข้าสู่ “ยาเสพติด”
“ยาบ้า มันไม่เสพกันนะ กระจอก สิ่งที่พวกมันเสพ เป็นยาเสพติดที่ถูกปรุงขึ้นมา โดยใช้ส่วนผสมมาจากยาเค ยาไอซ์ ซึ่งมันให้คนของมันปรุงขึ้นมา ซึ่งมีส่วนผสมต่างๆ จากยาเสพติดในเมืองไทยนี่แหละ...”
...
เมื่อเร็วๆ นี้ คนผสมยาเสพติด ก็ถูกจับไปแล้ว ยาเสพติดเมืองไทยมันหาง่าย เพียงแต่แค่ผสมให้ถูกส่วนเท่านั้น
“สาเหตุที่คนพวกนี้มันอยู่ได้ เพราะพวกมันใช้เงินซื้อข้าราชการเลวๆ ได้”
นอกจากธุรกิจสีเทาเหล่านั้นแล้ว ยังมีธุรกิจเถื่อน ที่มาใช้หลอกคนในประเทศตัวเอง ประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่คนไทย โดยใช้ทุนไม่มาก ก็คือ การตั้ง “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
ของเลียนแบบอาจจะต้องใช้ทุนเยอะ แต่การตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนไม่มาก สาเหตุที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาจากได้รับคำแนะนำจากพวก “ข้าราชการเลวๆ” แค่บอกว่า “เซิร์ฟเวอร์” อย่าเก็บในประเทศไทย แค่นั้นแหละก็หากินได้แล้ว
จะหลอกลวงคนไทย...ก็เกณฑ์คนไทยไปทำ
หลอกคนลาว เขมร กัมพูชา ก็เกณฑ์คนในประเทศนั้นๆ ไป
เมื่อถามว่า แสดงว่า “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่กำลังระบาดไปทั่วอาเซียนเวลานี้ ได้รับเงินจากแก๊งทุนจีนบางกลุ่มนี้? อดีตผู้การกองเศรษฐกิจฯ ตอบว่า “ใช่เลย...จีนทั้งนั้น บางส่วนก็มีพี่ไทยร่วมด้วย”
...
ก็เพราะราชการไทยมันซื้อได้ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ถูกซื้อจากตำรวจ ที่เพิ่งถูกจับ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ผู้การวิสุทธิ์ ยังแฉต่อไปว่า กลุ่มทุนพวกนี้มีเป็นร้อยๆ กลุ่ม ไม่ได้มีแค่ 5 เสือ อย่างที่พูดกัน บางกลุ่มมันใช้ “นอมินี” คนไทย ไปประมูลงานของรัฐด้วย
“ทุกอย่างมันซึมลึกเข้าไปหมด เพราะประเทศไทย อุดมสมบูรณ์ อยากทำอะไรก็ได้หมด เวลาดึกดื่นแค่ไหนก็มีของกิน ตี 3 ยังมีข้าวต้ม ผัดไทยให้กินถึงเช้า ประเทศอื่น แค่ค่ำก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่เมืองไทยมันเสรี ข้าราชการเลวๆ เฮงซวย มันถูกซื้อได้”
ถามว่า การสวมชื่อคนเป็น หรือคนตาย ในบัตรประชาชน ต้องจ่ายหน่วยงานไหน...ใช่เจ้าหน้าที่ (บางคน) ของฝ่ายปกครองหรือไม่? การจะมีบัตรประชาชนได้ จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์มากมาย ต้องทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ เช่น “โค้ชเช” กว่าจะได้บัตรประชาชน ใช้เวลากี่ปี?
“ข้าราชการ ไม่ทันเกมพวก 'พ่อค้า' หรอก การจ่ายส่วยออกไปแต่ละครั้ง มีการบวกลบคูณหารไว้หมดแล้ว”
ปัญหาฝังราก แก้ยาก ต้องรื้อระบบการแต่งตั้งบุคลากร
เมื่อถามว่า เราต้องแก้ปัญหานี้อย่างไร ผู้การวิสุทธิ์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องรื้อระบบ โดยเฉพาะการบริหารจัดการบุคลากร เราต้องคัดสรรคนดี ไม่โกงบ้าน ไม่รับสินบนเข้ามาทำหน้าที่ดูแลบ้านเมือง
คนที่มีเส้นเข้ามา...ก็ต้องไปตอบแทนบุญคุณ
ใครลงทุนเข้ามา...ก็ต้องถอนทุนคืน
นี่คือรากปัญหามาจาก “บุคลากร” และ “ระบบ” มันไม่ดี ถ้าแต่งตั้งคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มีเงินแค่ไหนก็ซื้อคนเหล่านี้ไม่ได้ การก้าวสู่ตำแหน่งมาจากศักดิ์และศรี คำถามคือ มันจะขายตำแหน่งไหม...
ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย้อนกลับไปสู่ระบบการแต่ตั้งบุคลากรและราชการ ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
ฉะนั้น ทางออก คือต้องรื้อระบบการแต่งตั้งบุคลากรใหม่ เพื่อให้คนดีๆ เข้ามามีอำนาจ ขจัดคนไม่ดี หรือเหลือบไรบางคนที่มาเกาะกินหน่วยงาน กอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง เพียงเพื่อเศษเงิน สินบน หรือ ส่วย ที่ชาวต่างชาติหยิบยื่นให้ และทำให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เดือดร้อน
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ