การซ้อมรบครั้งใหญ่รอบไต้หวันของจีน หลัง “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทเปต้องการสื่อถึงอะไร? การลูบคมพญามังกรที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามมีอะไรอยู่เบื้องหลัง? และ mindset ของสหรัฐฯ ที่ว่ากองทัพจะต้องทำการรบได้อย่างน้อย 2 พื้นที่ในโลกได้พร้อมๆ กัน ทำให้ วอชิงตัน ไม่ได้ยี่หระทั้งจีนและรัสเซีย ทั้งหมดนี้จะมาจากมุมมองที่น่าสนใจของ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้เคยวิเคราะห์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ให้กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มาแล้ว ฉะนั้น ในวันนี้ “เรา” ลองไปร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ที่ทำให้ชาวโลกต้องร่วมลุ้นระทึกกันอย่างรอบด้านในบรรทัดจากนี้ต่อไปกันดู
...
ทำไม แนนซี เพโลซี ต้องไปไต้หวัน :
“ทำไม แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ต้องเดินทางไปเยือนไต้หวัน แม้รู้ดีว่าจะทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจ คำตอบนี้มีเพียงคำตอบเดียวเลยคือ ศักดิ์ศรี ยิ่งเมื่อปักกิ่งพยายามแสดงท่าทีข่มขู่ แนนซี เพโลซี ยิ่งต้องไป เพราะสหรัฐฯ จะไม่มีวันให้ชาวโลกเห็นสหรัฐฯ ยอมจำนนให้กับคำขู่ของจีนอย่างเด็ดขาด เพราะสหรัฐอเมริกาก็คือสหรัฐอเมริกา ไม่มีวันยอมเป็นที่สองรองใครแน่นอน”
ความสำคัญของไต้หวันที่มีต่อสหรัฐฯ :
ไต้หวันคือผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของโลกที่สหรัฐฯ ต้องพึ่งพา และเป็นอีกหนึ่งผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ รวมถึงยังเป็นพันธมิตรอันแนบแน่นของสหรัฐฯในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกด้วย หากแต่สิ่งที่ไต้หวันมีความสำคัญต่อสหรัฐฯ มากไปกว่านั้น คือ การที่ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งไพ่ใบสำคัญของวอชิงตันสำหรับ “ถ่วงดุลอำนาจจีน” ในเรื่องการแข่งขันเรื่องผลประโยชน์ทางการค้าและเกมการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อที่สหรัฐฯ จะได้รักษาความเป็นประเทศอภิมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกเอาไว้ต่อไป
เกมการต่อรองและการเจรจาเบื้องหลัง :
“การยอมบินอ้อมโดยไม่บินตรงจากมาเลเซียไปยังไต้หวัน เอาละเหตุผลหลักอาจจะบอกได้ว่า เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย หรือพยายามแสดงลวง มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่หากถามว่า จีนจะไม่รู้เลยจริงๆ หรือ ว่าจุดหมายปลายทางที่แท้จริงในเที่ยวบินนั้นของ แนนซี เพโลซี คือที่ใด? อยากฝากให้พวกเราได้ลองไปคิดเล่นๆ กัน
นอกจากนี้ ในความเห็นส่วนตัวผม คิดว่า การเลือกที่จะไม่บินตรงจากมาเลเซียไปไต้หวัน ก็ถือเป็นการให้เกียรติฝ่ายจีนนะ ขณะเดียวกันในเบื้องหลังของการเดินทางครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะมีการต่อสายพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ทำให้เกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลาย เพราะนี่คือเกมการเมืองระหว่างประเทศ เกมที่จะไม่ทำให้ใครต้องเสียหน้าจนกระทั่งหมดศักดิ์ศรีไปเสียเลย”
การซ้อมรบครั้งใหญ่ของกองทัพจีนรอบไต้หวัน :
“การซ้อมรบครั้งใหญ่ด้วยกระสุนจริงรอบไต้หวันของจีน มีเป้าประสงค์สำคัญคือเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี เพราะการกระทำดังกล่าว เป็นสิ่งที่ทางปักกิ่ง ออกแถลงการณ์เตือนเรื่องนี้อย่างจริงจังมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ฉะนั้นสิ่งที่สหรัฐฯ ทำภาษาบ้านๆเรามันก็คือ การไปลูบคมจีนเข้านั่นแหละ!”
...
การซ้อมรบด้วยกระสุนจริงครั้งใหญ่ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือ (PLA) นั้น หากสังเกตดีๆ 6 พื้นที่รอบเกาะไต้หวันที่ประกาศเป็นพื้นที่การซ้อมรบนั้น แทบไม่ต่างอะไรกับการปิดล้อมไต้หวันจากทั้งทางอากาศและทางทะเล หรือถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ “เหมือนกำลังเอามือไปบีบจมูกไต้หวัน” เพราะในเกมแห่งอำนาจ จีนไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องแสดงออกถึงความแข็งกร้าวเช่นนี้เพื่อเป็นการตอบโต้การลูบคมจากฝ่ายสหรัฐฯ
“การตีกรอบ 6 กล่อง รอบไต้หวันในครั้งนี้ของกองทัพจีน มันคือการแสดงแสนยานุภาพ ที่เป็นอันว่ารู้กันว่า จีนกำลังจะบอกว่าพื้นที่ทั้งหมดนั้นห้ามใครเข้ามานะ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมทำให้ไต้หวันได้รับความลำบากพอสมควรทั้งในเรื่องเส้นทางการบินพาณิชย์และเส้นทางการเดินเรือ และในท้ายที่สุดมันก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณที่แรงตรงชัดไปยังไต้หวัน ที่หากเป็นภาษาชาวบ้านมันก็คือ ฉันมีกำลังรบมากพอจะกำราบนายได้อยู่หมัดเมื่อไหร่ก็ได้นะในทำนองนั้น เพราะคราวนี้ขนกำลังทหารชุดใหญ่มาประชิดติดรั้วกันเลย และนี่ยังไม่รู้อีกด้วยนะว่าจะมีก๊อกสองจากฝ่ายจีนออกมาอีกเมื่อไหร่?
...
แต่อย่างไรก็ดีในมุมของผมที่มองเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก อยากจะขอชื่นชมการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาลจีน ที่ไม่ได้พยายามเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น จนเกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทำสงครามในบั้นปลายได้”
ท่าทีของไต้หวัน :
“ไต้หวันเขาก็มีลิมิตของเขา เขาก็อยากจะเบ่งกล้าม แต่เบ่งแค่แขนเดียวพอ เพราะเขาจะไปหาเรื่องทำไมในเมื่อทุกวันนี้เศรษฐกิจของเขามันก็มั่นคงแข็งแรงและประชาชนก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ฉะนั้นไต้หวันจะไม่แหลมออกไปกรอบจนกระทั่งถูกบาดแน่นอน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ สิ่งที่ไต้หวันต้องเตรียมการหลังจากนี้ คือ การตั้งรับมาตรการตอบโต้ต่างๆจากจีน ที่คงจะมีการยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆ จากนี้เป็นต้นไป”
จีน รัสเซีย สหรัฐฯ :
การเลือกที่จะไม่ถอยให้กับจีนในประเด็น แนนซี เพโลซี ในอีกแง่มุมหนึ่งมันคือสิ่งที่สหรัฐฯ กำลังต้องการแสดงออกให้ชาวโลกได้เห็นว่า “โลกใบนี้สหรัฐฯ ยังคงเป็นคนคุมเกม” การติดพันกับรัสเซียในยูเครน ไม่ได้มีผลอะไรกับการที่จะเข้ามาดูแลภูมิภาคอินโดแปซิฟิกถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนั้น จะเท่ากับเป็นการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจอย่างจีนก็ตาม
“เท่าที่ผมได้เรียนที่โรงเรียนเสนาธิการในสหรัฐอเมริกามา เขาจะสอนย้ำๆ กันเลยกองทัพสหรัฐฯ จะต้องสามารถทำการรบอย่างน้อยสองพื้นที่ในโลกได้พร้อมๆ กัน และนี่คือ mindset ในแบบพญาอินทรีสหรัฐอเมริกา”
...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun , Sathit Chuephanngam, Anon Chantanant
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :