กลับมามีสัมพันธ์อันดีอีกครั้ง สำหรับประเทศไทย และซาอุดีอาระเบีย หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้เดินทางไปเยือนตามคำเชิญของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
การเดินทางไปเยือนครั้งนี้ของ “ผู้นำไทย” ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับ “แรงงานไทย” ได้ไปขุดทอง ทำมาหากินยังประเทศซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง โดยทางซาอุฯ ประกาศว่า ต้องการแรงงานต่างชาติถึง 8 ล้านคน คำถามคือ แรงงานที่ต้องการ มี “อาชีพ” อะไรบ้างที่ แรงงานไทยน่าไปขุดทองอีกครั้ง ค่าแรงรายวัน หรือขั้นต่ำเป็นอย่างไร วันนี้ “ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” มีคำตอบทุกเรื่อง
ย้อน 32 ปี แรงงานไทยแห่ขุดทอง “ซาอุฯ” เพราะรายได้ดีกว่าเมืองไทยเท่าตัว! ส่งเงินกลับปีละ 14,000 ล้าน
นายโอวาท ทองบ่อมะกรูด ผอ.กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน บอกว่า เมื่อก่อน คนไทยนิยมไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย เพราะเมื่อ 32 ปีก่อน คนไทยได้รับค่าแรงขั้นต่ำ แค่ 100 กว่าบาท ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับค่าเงินที่ไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย หากเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำในเวลานั้น ได้เงินประมาณเดือนละ 3,000-4,000 กว่าบาท เงินเดือนข้าราชการประมาณ 5,000 กว่าบาท แต่ทำงานที่ซาอุฯ ในระดับแรงงานไร้ฝีมือ ได้เงินเกือบ 8,000 บาท/เดือน โดยเขามีสวัสดิการเรื่องอาหารและที่อยู่ด้วย งานที่เข้าไปทำเวลานั้น ส่วนมากจะเป็น กรรมกรก่อสร้าง ช่างซ่อมอุปกรณ์ งานบริการ
...
ทำไมต้องทำงานที่ซาอุฯ คำตอบของคำถามนี้ นายโอวาท อธิบายว่า เพราะตอนนั้นซาอุฯ เขาเปิดประเทศ และเขามีความต้องการในการพัฒนาประเทศ เร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่างๆ โดยมีแรงงานจากประเทศต่างๆ เข้าไปจำนวนมาก นอกจากประเทศ ก็ยังมีจากประเทศ อินเดีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน อียิปต์ เป็นต้น ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มประเทศอิสลามด้วยกัน
“ต่อมา แรงงานไทยได้ทยอยเดินทางไปทำงานที่ซาอุฯ เริ่มตั้งแต่ ปี 2520 ประมาณ 2 พันกว่าคน จากนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปี 2521 เดินทางไปกว่า 8 พันคน และจุดพีกสูงสุด คือ ในปี 2525-2532 มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ซาอุฯ เฉลี่ยต่อปี มากกว่า 6 หมื่นคน หากตีรวมๆ ค่าเฉลี่ย เงินเดือน 2 หมื่นบาท ก็จะมีเงินเข้าประเทศปีละ 14,000 ล้าน
รอยบาดหมาง กับโอกาสเส้นทางแรงงานไทย
หลังเกิดคดีเรื่อง “เพชรซาอุ” แรงงานไทยก็เริ่มลดน้อยลง จนกระทั่งปัจจุบัน เหลืออยู่ประมาณหลักร้อยถึงพันคนเท่านั้น คนไทยกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่ทำงานตั้งแต่ก่อนเกิดปัญหา ส่วนใหญ่จะยึดตำแหน่งในระดับ “หัวหน้างาน” ช่างเจียระไนที่ฝีมือ หรือ อาชีพเชฟที่ทำงานในวัง กลุ่มคนเหล่านี้เวลานี้อายุ กว่า 50 ปีแล้วทั้งนั้น ยังมีเดินทางเข้าออกบ้าง ซึ่งคนที่จะเข้าซาอุฯ ได้ต้องเป็นคนที่เคยไปทำงาน ส่วนแรงงานใหม่ๆ เขาไม่รับเลย ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเขามองว่าเป็นบุคลากรสำคัญของเขา บางส่วนก็อาจจะได้สัญชาติก็มี..
ผอ.กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ เผยต่อว่า ปัจจุบัน ซาอุฯ ใช้แรงงานต่างชาติประมาณ 7 ล้านคน แรงงานส่วนใหญ่คือ กลุ่มอินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา หรือ ฟิลิปปินส์ เหตุเพราะ หากเป็นงานหนัก หรือเสี่ยงอันตราย เขาจะไม่ทำ เป็นเหตุผลที่ยังใช้แรงงานต่างชาติ
“แต่...ลึกๆ เขาชอบ “แรงงานไทย” มากกว่าชาติอื่น เพราะกลุ่มแรงงานไทย อดทน ซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และบางครั้งก็ไม่คิดเล็กคิดน้อย เช่น กรณีเลิกงานแล้ว เขาก็กลับบ้านทันที โดยไม่ช่วยนายจ้างเก็บของ แต่คนไทย ก็ช่วยเก็บให้โดยไม่ได้คิดอะไร และที่สำคัญ คือ ทักษะในเชิงงานช่าง เราไม่แพ้ชาติอื่นๆ ซึ่งเขาพอใจงานประเภทนี้ แต่..เราก็มีจุดอ่อนในด้านภาษา สู้ประเทศฟิลิปปินส์ไม่ได้”นายโอวาท กล่าว
เปิดค่าแรงในซาอุฯ แรงงานไร้ฝีมือเดือน 2000 Riyal แต่สวัสดิการดีกว่า
อย่างไรก็ดี วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม รมว.แรงงาน เดินทางไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเปิดโอกาสให้แรงงานไทยเข้าไปทำงานที่ซาอุฯ อีกครั้ง แต่...ค่าแรงก็ไม่ได้ “หอมหวาน” ดังเดิม
...
นายโอวาท เผยว่า เท่าที่เช็กข้อมูลค่าตอบแทนที่ประเทศซาอุฯ กับแรงงานไร้ฝีมือจะมีรายได้เดือนละประมาณ 2,000 Riyal หรือ 17,800 บาท(1 Riyal = 8.80 บาท เทียบอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26/01/65) หรือเต็มที่ก็ได้ที่ 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งแรงงานไทยหากขยันก็สามารถหาได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแรงงานฝีมือก็น่าจะได้ประมาณ 30,000 กว่าบาทเท่านั้น แต่ข้อดีของการทำงานในซาอุฯ คือ เรื่องสวัสดิการ เขาจะมีที่พักให้ฟรี มีประกันสุขภาพ มีอาหารตามที่ตกลงกัน (บางมื้อ) (แต่ประเทศ UAE อาจจะมีอาหารให้กิน 3 มื้อ)
“มันจะมีความแตกต่างกับอีกหลายๆ ประเทศ ที่แรงงานไทยเลือกไป เช่น ประเทศอิสราเอล คนไทยไปเป็นเกษตรกร ได้เงินเดือนประมาณ 53,000 บาท ส่วนประเทศเกาหลี งานเกษตร ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม จะมีรายได้เดือนละมากกว่า 50,000 บาท แต่สำหรับประเทศซาอุฯ หากเขาเปิดรับจริงๆ ก็ถือเป็นโอกาสและทางเลือกทางหนึ่งของแรงงานไทย แม้จะรายได้ไม่สูงนัก แต่สวัสดิการดี อาจจะมีเหลือเก็บและส่งกลับมาได้”
นอกเรื่องนิด อันนี้ผู้เขียนอยากรู้จึงถามว่า เพราะอะไร เกษตรกรรมของเกาหลี ถึงรายได้ดี นายโอวาท ตอบว่า เพราะธุรกิจเกษตรเขาค่อนข้างเติบโตไประดับโลก มีการส่งออกไปทั่วโลก ที่สำคัญคือ คนเกาหลี เลือกที่จะไม่ทำงานเกษตร คือ ใช้แรงงานเขาก็จะไม่ทำ เพราะเหตุนี้ “ผีน้อย” (คนไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานที่เกาหลี) ถึงเยอะ ส่วนหนึ่งเขาเองชอบแรงงานไทย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ถือเป็นงานพื้นฐาน
อาชีพที่ต้องการในซาอุดีอาระเบีย
ถ้าจะไป “ซาอุฯ” ควรไปทำอะไร จะได้เงินเดือนดี.. นายโอวาท จึงเปิดเผยรายชื่ออาชีพที่ต้องการ ประกอบไปด้วย แรงงานฝีมือ ระดับ “หัวหน้างาน” เช่น
- วิศวกร
- ช่างก่อสร้าง
- ช่างไฟฟ้า
- ผู้จัดการ
- ผู้เชี่ยวชาญด้านงานคอมพิวเตอร์
- พ่อครัว หรือ เชฟ
- พนักงานโรงแรม
- ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า
- ผู้ควบคุมงานด้านโลจิสติกส์
- ช่างเจียระไน
- พนักงานขับรถบรรทุก
เป็นต้น
...
“ทั้งนี้ คนซาอุฯ เขาไม่นิยมทำงานภาคเอกชน ฉะนั้น แรงงานเหล่านี้จึงขาดแคลน”
ถามว่า กลุ่มคนไทยที่ยึดอาชีพเหล่านี้ เข้าไปทำงานจะได้เงินเดือนแค่ไหน... นายโอวาท ยอมรับว่า ก็ไม่น่าจะสูงมาก เต็มที่ก็หลักหมื่นบาท แต่ไม่ถึงแสนบาท สาเหตุเพราะช่วงที่ผ่านมา เขาพยายามแก้กฎหมายเพื่อสนับสนุนให้คนในประเทศหันมาทำงานภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อลดการใช้แรงงานต่างชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงให้แรงจูงใจคนในประเทศด้วยการกำหนดค่าจ้างสูงกว่า คนต่างชาติมากกว่าเท่าตัว ยกตัวอย่าง หากเป็นแรงงานไร้ฝีมือ จะได้รับเงินเดือน 4,000 Riyal (ต่างชาติ ได้ 2,000 Riyal)
แนวคิดแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง คือ เขาพยายามดูแลคนในประเทศให้ดีที่สุด เพราะกลุ่มประเทศคนมีเงิน เฉกเช่นเดียวกับที่ “ดูไบ” ก็มีลักษณะเดียวกัน
เมื่อถามว่า “ความน่าดึงดูดใจ” ในการไปขุดทองใน “ซาอุฯ” ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว..
สิ่งที่ขาดแคลนที่สุด คือ แรงงานไร้ฝีมือ ซึ่งจากข่าวคือ ต้องการแรงงาน 8 ล้าน ซึ่งหมายความว่า “แรงงานต่างชาติ” ทั้งหมด ส่วนไทยจะเข้าไปได้แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ศักยภาพ ซึ่งตาม "วิสัยทัศน์" 2030 ที่เขาตั้งเป้าจะเป็นประเทศแห่ง “นวัตกรรม” มีการใช้ AI มาพัฒนาประเทศ เขาจึงต้องเร่งพัฒนาประเทศเตรียมความพร้อม จำเป็นต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติมากขึ้น ฉะนั้น แรงงานไทยที่คิดว่าจะไปทำงานที่ซาอุฯ ก็อาจจะมีโอกาสอยู่ เพราะ กลุ่มงาน 3D (Difficult : งานหนัก, Dirty : งานสกปรก และ Dangerous : งานอันตราย) คนในประเทศก็ยังไม่ทำ
...
อิสราเอล เกาหลีใต้ เป็นเกษตรกร รายได้ทะลุ 5 หมื่น
เมื่อถามว่า มีประเทศที่น่าสนใจ ไปทำงานบ้าง นายโอวาท กล่าวว่า แต่ละประเทศพยายามพัฒนาประเทศของตัวเอง และมีการปรับอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดันอยู่ คือ แรงงานทักษะฝีมือ ขณะที่ “แรงงานไร้ฝีมือ” เราสู้ฟิลิปปินส์ไม่ได้ รายได้หลักของประเทศเขามาจากการส่งแรงงานไปต่างประเทศ โดยเขาได้เปรียบเราในเรื่องภาษา ภาษาอังกฤษ เขาเก่งกว่า
“ความโชคดีของแรงงานไทย คือ เรามีงานด้านเกษตร ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษา และเป็นที่ต้องการของประเทศอิสราเอล ปีนี้เขาให้โควตา 6,800 คน รายได้เขาเฉลี่ย 53,000 บาท/เดือน”
เผย แรงงานไทยไปทำงานถูกกฎหมายทั่วโลก
ปัจจุบันแรงงานไทย ไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย รวม 104,904 คน กว่า 114 ประเทศ ประเทศที่ไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ไต้หวัน 49,451 คน อิสราเอล 20,044 คน เกาหลี 14,310 คน ญี่ปุ่น 4,347 คน สิงคโปร์ 1,784 คน
ส่วนในปี 2564 จำนวน 5 อันดับประเทศ ที่คนไทยเดินทางไปทำงานมากที่สุด คือ (ถูกกฎหมาย) ไต้หวัน 10,645 คน อิสราเอล 6,146 คน สวีเดน 5,292 คน ฟินแลนด์ 3367 คน และเกาหลีใต้ 2,002 คน โดยรวมประเทศอื่นๆ ปี 2564 มีทั้งสิ้น 41,030 คน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะมีการตั้งเป้าปีที่แล้วกว่า 1 แสน คน แต่ก็ติดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัวเลขพลาดเป้า
** หมายเหตุ ตัวเลข คนไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เก็บในช่วงเดือน ต.ค.63-ก.ย.64
ทั้งนี้ การเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรศึกษากฎหมายแต่ละประเทศให้ดีเสียก่อน และควรเดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหากมีปัญหาระหว่างการทำงาน ก็จะได้มีการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ผู้เขียน : อาสาม
กราฟิก : Anon Chantanant
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ