การย้ายทีมของ “ชนาธิป สรงกระสินธ์” จาก คอนซาโดเล ซัปโปโร (Consadole Sapporo) ไปอยู่กับ มหาอำนาจที่กำลังครอบครองฟุตบอลเจลีกในปัจจุบัน อย่าง สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล (Kawasaki Frontale) สิ่งแรกที่น่าจะนำมาสู่การตั้งคำถาม คือ “เมสซีเจ” ของเรา ควรจะได้ลงเล่นในตำแหน่งไหน? กับทีมใหม่ของเขา
เพลย์เมกเกอร์ ตำแหน่งสุดโปรดที่ “ชนาคุง” เล่นได้ดีมาโดยตลอดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ หรือจะเป็นตำแหน่ง “ปีก” เพื่อให้เหมาะสมกับทั้งความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวที่มี
ในตอนที่ 2 ของ ชนาธิปเดอะซีรีส์นี้ “เรา” มาลองร่วมกันค่อยๆ พิจารณา “ความเหมาะสม” ให้กับ “ชนาธิป สรงกระสินธ์” จากรูปแบบการเล่น แท็กติก และขุมกำลังนักเตะที่ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ใช้ในการไล่ล่าคว้าแชมป์ J1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมากันดู!
อ่านตอนแรก : ชนาธิป กับความท้าทายใหม่ภายใต้ Kawasaki Frontale way
...
สโมสร : คาวาซากิ ฟรอนตาเล (Kawasaki Frontale)
ระบบการเล่น : 4-3-3
สไตล์การเล่น : เล่นเกมรุก เพรสซิ่ง เน้นการส่งบอลและเคลื่อนที่ โจมตีจากด้านข้าง
เกมบุกของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล จะเน้นไปที่การนำบอลโจมตีเข้าไปในพื้นที่ 6 หลา หน้ากรอบประตูเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการครอสบอลจากด้านข้าง หรือการจ่ายบอล Cut-Backs นอกจากนี้ ความโดดเด่นเรื่องการเข้าโจมตีของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ยังอยู่ที่คุณภาพในการผสมผสานทีมเวิร์ก การรับ-ส่งบอลในพื้นที่แคบๆ อย่างรวดเร็วเพื่อเจาะทะลุแดนกลาง หรือแม้กระทั่งการป้องกันที่แน่นหนาในกรอบเขตโทษเพื่อเข้าทำประตูอีกด้วย
โดยสิ่งที่สามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้คือ จากจำนวน 81 ประตูที่ทำได้ในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คาวาซากิ ฟรอนตาเล ได้ประตู จากการครอสบอลจากด้านข้างรวม 26 ประตู หรือคิดเป็น 32.10% (สูงที่สุดใน J1) ส่วนอีก 19 ประตู ได้ประตูจากการจ่ายบอลโจมตีระยะสั้นเข้าตามช่อง 23.46%
เติมเต็มช่องว่างการหายไปของ คาโอรุ มิโตมะ?
ในเมื่อเกมรุกเน้นการเข้าทำจากด้านข้าง “นักเตะริมเส้น” จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากสำหรับ “ทีมแชมป์เก่า J1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา” และบางที “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ของเรา อาจถูกได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อ “จุดเด่น” ที่สำคัญที่สุดของ “ชนาคุง” คือ เทคนิคการกระชากลากเลื้อยกินตัว และการควบไปกับลูกบอลที่รวดเร็วราวกับเสือชีตาห์!
โดยฤดูกาลที่ผ่านมา นักเตะริมเส้นที่พา ฟรอนตาเล โบยบิน ก็มีทั้ง “คาโอรุ มิโตมะ” (Kaoru Mitoma) ปีกซ้ายเจ้าของสถิติลงเล่นในลีก 20 นัด (1,227 นาที) ยิง 8 ประตู แอสซิสต์ 3 ครั้ง แต่หลังจาก คาโอรุ มิโตมะ ถูกสโมสรไบร์ทตัน ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษซื้อตัวไปร่วมทีมแล้ว ผู้ที่เข้ามารับผิดชอบแทนเกมรุกจากด้านข้างแทนในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง คือ มาร์ซินโญ (Marcinho) นักเตะบราซิล เจ้าสถิติลงเล่นในลีก 11 นัด (698 นาที) ยิง 1 ประตู แอสซิสต์ 3 ครั้ง) เพียงแต่ มาร์ซินโญ อยู่ทางด้านขวา เท่านั้น!
ส่วนผู้เล่นริมเส้นหลักๆ คนอื่นๆ ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ประกอบด้วย
อะคิฮิโระ เรนางะ (Akihiro Ienaga) อายุ 35 ปี ตำแหน่งปีกขวา สถิติลงเล่นในลีก 37 นัด (2,597 นาที) ยิง 8 ประตู แอสซิสต์ 4 ครั้ง
เทน มิยางิ (Ten Miyagi) อายุ 19 ปี ตำแหน่งปีกซ้าย อีกหนึ่งเด็กปั้นของสโมสรที่ได้รับการคาดการณ์ว่าน่าจะก้าวขึ้นมาทดแทน คาโอรุ มิโตมะ ได้ สถิติลงเล่นในลีก 14 นัด (452 นาที) ยิง 2 ประตู แอสซิสต์ 1 ครั้ง
ทัตสึยะ ฮาเซงาวะ (Tatsuya Hasegawa) ปีกซ้ายความเร็วสูง ลงเล่นในลีก 21 นัด (820 นาที) ยิง 0 ประตู แอสซิสต์ 1 ครั้ง ปัจจุบันย้ายไปอยู่กับ โยโกฮามา เอฟซี แล้ว
...
ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่ “ชนาธิป” อาจถูก โทรุ โอนิกิ (Toru Oniki) กุนซือคาวาซากิ ฟรอนตาเล จับไปเล่นริมเส้น จึงน่าจะมีความเป็นไปได้สูงหากพิจารณาทั้งในประเด็น จำนวนผู้เล่นชุดใหญ่ที่มี, การถมที่ว่างสำหรับการจากไปของ “คาโอรุ มิโตมะ” รวมถึง เกมรุกของทีมที่มุ่งเน้นการโจมตีทางด้านข้างเป็นหลัก
ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก?
ในแผงมิดฟิลด์ ต้องยอมรับว่า ความท้าทายสำหรับการแก่งแย่งลงตัวจริงสำหรับ “เมสซีเจ” ในทีม คาวาซากิ ฟรอนตาเล น่าจะสูงกว่า “ตำแหน่งริมเส้น” อย่างเห็นได้ชัด หากทีมยังยึดมั่นในระบบ 4-3-3
นั่นเป็นเพราะมีนักเตะตัวหลัก “ยึดตัวจริง” เอาไว้ได้เกือบจะแน่นอนแล้วคือ เรียวตะ โอชิมา (Ryota Oshima) อายุ 28 ปี กัปตันทีมผู้อยู่กับทีมมาแล้วรวม 8 ฤดูกาล อีกหนึ่งสตาร์ดังของเจลีก ที่ฝีเท้าสามารถไปเล่นยุโรปได้สบายๆ แต่เนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนัก จึงได้ลงเล่นในลีกไปเพียง 7 นัด (255 นาที) ยิง 1 ประตู แอสซิสต์ 0 ครั้ง
...
อีกคนคือ มิดฟิลด์จอมแกร่งผู้รับผิดชอบเกมรับให้กับทีม ชูเอา ชมิดท์ (Joao Schmidt) อายุ 27 ปี ลงเล่นในลีก 25 นัด (1,865 นาที) ยิง 0 ประตู แอสซิสต์ 2 ครั้ง
ในขณะที่อีกคนที่ร่วมผนึกเป็นแผงมิดฟิลด์อันแข็งแกร่ง คือ ยาสึโตะ วากิซากะ (Yasuto Wakizaka) อายุ 25 ปี รับหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกหลักของทีม สถิติลงเล่นในลีก 35 นัด (2,241 นาที) ยิง 3 ประตู แอสซิสต์ 4 ครั้ง
เรียกว่า...หากจะเบียดทั้ง 3 คนนี้ (จริงๆ น่าจะ 2 คนมากกว่า เพราะ ชูเอา ชมิดท์ มีหน้าที่รับผิดชอบในเกมรับ) โอกาสสำหรับการสอดแทรกเป็นตัวจริงสำหรับ “ชนาธิป” น่าจะค่อนข้างยากพอสมควรเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ ในแผงมิดฟิลด์ยังมีนักเตะกำลังเสริมคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น...
เคนโตะ ทาจิบานาดะ (Kento Tachibanada) อายุ 22 ปี ลงเล่นในลีก 29 นัด (1,586 นาที) ยิง 0 ประตู แอสซิสต์ 0 ครั้ง
ทาสุกิ เซย์โกะ (Tatsuki Seko) อายุ 24 ปี สถิติ ยิง 3 ประตู แอสซิสต์ 8 ครั้ง ที่เพิ่งย้ายมาจาก โยโกฮามา เอฟซี (Yokohama FC)
...
ไดยะ โทโนะ (Daiya Tono) อายุ 21 ปี สถิติ ลงเล่นในลีก 27 นัด (874 นาที) ยิง 6 ประตู แอสซิสต์ 3 ครั้ง นักเตะกองหน้าที่สามารถถอยลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกได้อีกคนด้วย
ด้วยเหตุนี้ ในเมื่อแผงมิดฟิลด์ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ซึ่งลงตัวอยู่แล้ว ทั้งในแง่ขุมกำลังนักเตะที่มีและเล่นเข้าขากันมาเนิ่นนาน อีกทั้งยังเน้นการใส่คนเข้าไปในการเล่นที่เป็นระบบที่พวกเขาสร้างขึ้น และที่สำคัญคือ มิดฟิลด์สไตล์ Box to Box ดูจะเข้ากันได้มากกว่าสำหรับฟุตบอลของมหาอำนาจแห่งญี่ปุ่นทีมนี้
“ชนาธิป” จึงน่าจะเหนื่อยหนักกว่าแน่นอนในตำแหน่งมิดฟิลด์ หากเทียบกับการลงไปเล่นในฐานะปีกซ้ายหรือปีกขวาให้กับทีม ซึ่งทั้งเหลือช่องว่างในแง่บุคคล และมีพื้นที่ในสนามเหมาะสมสำหรับการวาดลวดลายด้วยเทคนิกเฉพาะตัวอันล้นเหลือของ “เมสซีแห่งอาเซียน” ผู้นี้
หมายเหตุ : สำหรับสถิติการเล่นใน J1 ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ลงเล่นในลีก 23 นัด (1,846 นาที) ยิง 1 ประตู แอสซิสต์ 6 ครั้ง มีโอกาสยิงประตูรวม 39 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง เปิดบอลจากด้านข้างรวม 14 ครั้ง
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ