• สร้างความทุกข์สาหัสให้กับชาวนาไทย จากสถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี ราคาต่อกิโลกรัมเหลือเพียง 5 บาทกว่าๆ จนเกิดวาทกรรมถูกกว่าราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซอง และราคามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เพราะข้าวนาปีล้นตลาด

  • ไม่เท่านั้นยังทำให้โรงสีข้าวประสบปัญหาขาดทุน ต้องรับภาระค่าบริหารจัดการ เนื่องจากข้าวในตลาดโลกโดยเฉพาะประเทศเวียดนามราคาลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้ข้าวไทยไม่สามารถแข่งขันได้

  • ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คาดการณ์ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% จะอยู่ที่ 7,350-7,430 บาท/ตัน และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 8,010-8,204 บาท/ตัน

จากการคาดการณ์ราคาข้าวโดย ธ.ก.ส. เมื่อคำนวณแล้วจะเห็นว่าราคาข้าว 1 กิโลกรัม อยู่ที่ 7-8 บาทกว่าๆ ไม่ได้ต่ำสุดอย่างที่เกิดเป็นประเด็นขึ้นมาในขณะนี้ หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร? “สุเทพ คงมาก” นายกกิตติมศักดิ์สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย บอกว่า สถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากโครงการประกันรายได้ ซึ่งมีการตั้งวงเงินเพิ่มจาก 2 หมื่นกว่าล้านบาทมาเป็น 4 หมื่นกว่าล้านบาท และปีนี้ตั้งวงเงินเพิ่มอีก 8 หมื่นกว่าล้านบาท นั่นแสดงว่ากระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงรัฐบาล ประเมินล่วงหน้าแล้วว่าราคาข้าวจะตกต่ำอีกอย่างแน่นอน

...

“ชาวนาได้เงินประกันรายได้ เป็นการชดเชยจากรัฐบาล แต่ไม่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาข้าวยิ่งตกต่ำไปอีก แม้ชาวนาได้ประโยชน์ก็จริง แต่รัฐบาลไม่ได้ช่วยดูแลตลาดและวางแผนการผลิต ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าวราคาจะตกต่ำ จากผลผลิตล้นตลาด อีกทั้งการปลูกข้าวจะต้องมีคุณภาพ ทางรัฐบาลต้องเข้ามาดูแล เพื่อให้ได้ข้าวมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด”

นอกจากนี้ราคาข้าวที่ขายได้ตันละ 6 พันกว่าบาท แต่ชาวนามีต้นทุนในการผลิต 5 พันกว่าบาท และการปลูกข้าว 1 ไร่ ได้ข้าวไม่ถึง 1 ตัน ซึ่งหลายพื้นที่ประสบอุทกภัยทำให้ขาดทุนหนัก โดยการปลูกข้าวควรพัฒนาให้มีคุณภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการวางแผนตลาด

ผลผลิตล้นตลาด รัฐแจกเงินอย่างเดียว ไม่เข้าไปดูแล

เมื่อข้าวไม่มีคุณภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ข้าวราคาตก และที่ผ่านมาเคยเสนอมานานเกือบ 10 ปี หลังโครงการจำนำข้าว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลในการเข้ามาดูแลในเรื่องอุปสงค์อุปทาน จนข้าวที่ปลูกทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจาก 58 ล้านไร่ มาเป็น 70 กว่าล้านไร่ ทำให้ผลผลิตต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 28 ล้านตัน มาเป็น 30 กว่าล้านตัน จนล้นตลาดเกินความต้องการ

ในขณะที่การส่งออกข้าวต้องยอมรับว่าไทยสูญเสียตลาดหลักต่อเนื่องมา 2 ปี จากเคยส่งออกปีละเกือบ 11 ล้านตัน แต่ขณะนี้เหลือ 6 ล้านตัน ซึ่งก็หืดขึ้นคอ เพราะตลาดโลกผลิตข้าวเพิ่มมากขึ้น และการทำงานของรัฐบาลไม่ได้เข้ามาดูแลข้าวทั้งระบบ มีแต่อนุมัติเงินอย่างเดียว

“กลายเป็นว่าเรื่องข้าว เป็นเรื่องของการเมือง ชาวนาตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด ไม่มีอำนาจต่อรอง และราคาข้าวเปลือกที่เป็นประเด็นในขณะนี้ว่าราคาตกต่ำกิโลกรัมละ 5 บาทถึง 6 บาท ไม่มีหรอก แต่เป็นข้าวไม่มีคุณภาพ เอาข้าวจมน้ำมาขาย จนมีการนำไปโพสต์ว่าขายข้าวได้กิโลละ 5 บาทกว่าๆ ถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถือเป็นวาทกรรมทางการเมือง เพราะอย่างไรแล้วชาวนาก็ขายข้าวได้ราคา ยกเว้นบางพื้นที่ เช่น อุตรดิตถ์ สุโขทัย ขายข้าวได้ตันละ 6 พันกว่าบาท เพราะเป็นข้าวมีความชื้น 80% แต่ถ้าความชื้น 15% ก็จะได้ราคามากกว่าตันละ 8 พันกว่าบาท และข้าวตอนนี้ชื้นเยอะจากฝนตก ชาวนารีบเกี่ยวข้าว ทั้งๆ ที่ยังไม่สุกดีไม่มีคุณภาพ รีบนำไปขาย จนถูกผู้ซื้อกดราคา”

...

ราคาข้าวเคยตกต่ำมากกว่านี้ อะไรคือต้นเหตุ

สถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำในขณะนี้ ไม่ใช่ตกต่ำมากสุดในรอบ 10 ปี แต่ราคาข้าวเคยตกต่ำมากกว่านี้เหลือตันละ 5 พันบาทเท่านั้น จากกลไกการบริหารของรัฐ และถ้าไม่มีโครงการประกันรายได้ คงมีชาวนาออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง และโดยส่วนตัวมองว่าโครงการประกันรายได้ มีส่วนทำให้ราคาข้าวตกต่ำ จากข้ออ้างของผู้รับซื้อ เพราะชาวนามีอำนาจต่อรองน้อยมาก ขณะที่การส่งออกข้าวพบว่าผู้ประกอบการยังคงมีกำไร แต่คนที่ขาดทุนคือชาวนา และน้อยมากที่โรงสีและพ่อค้าคนกลาง จะขาดทุน

ตั้งแต่ในอดีตชาวนาไม่มีสิทธิที่จะต่อรอง ทั้งราคาเมล็ดพันธุ์ข้าวกิโลกรัมละ 10-20 บาท และราคาปุ๋ยแพงขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับภาระ จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาปลูกข้าวแบบยั่งยืน โดยปีที่แล้วไทยเพิ่งได้พันธุ์ข้าวที่นุ่ม ถือว่าล่าช้ามาก เพราะรัฐบาลเอาแต่แจกเงิน ไม่ให้ความสำคัญในการวิจัยพันธุ์ข้าว แตกต่างกับประเทศเวียดนามที่ทุ่มงบประมาณในการวิจัย จนได้ข้าวมีคุณภาพ และในที่สุดไทยก็นำเมล็ดพันธุ์ข้าวจากเวียดนามไปปลูก

...

สาเหตุที่มองว่าโครงการประกันรายได้ ทำให้ข้าวราคาตกต่ำ เพราะรัฐบาลประกาศให้เงินรอบแรกล่าช้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และชาวนาจะได้เงินอีก 1 อาทิตย์ถัดไป จนราคาข้าวแกว่ง เพราะพ่อค้าที่รับซื้อรู้ว่าอย่างไรแล้วชาวนาต้องขายข้าว แทนที่จะประกาศในช่วงเดือน ส.ค.หรือ ก.ย. เพื่อทำให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพ

สำหรับราคาข้าวขณะนี้ลดลงไม่ถึง 1% โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และข้าวเปลือกเหนียว ราคาอยู่ที่ตันละ 7-8 พันบาท หรือกิโลกรัมละ 7-8 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ตันละ 1 หมื่นกว่าบาท หรือกิโลกรัมละ 11.50 บาท หากรัฐบาลบริหารจัดการอย่างเป็นระบบราคาข้าวไทยจะไม่ตกต่ำอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ควรมีการคาดการณ์ผลผลิตในแต่ละปี แต่ทุกวันนี้ไม่มีตัวเลขออกมาว่ากี่ล้านตัน และต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนในการปลูกข้าวของแต่ละพื้นที่ เพื่อการวางแผนไม่ให้ผลผลิตล้นตลาดอีกต่อไป.

ผู้เขียน : ปูรณิมา