คุณจะรู้สึกแปลกๆ บ้างไหม หากเสียงของ "โนบิตะ" ที่คุณได้ยิน วันหนึ่งเกิดไม่ใช่เสียงของ คุณศันสนีย์ วัฒนานุกูล ที่คุณแสนจะคุ้นชินหู หรือคุณจะจินตนาการออกบ้างไหมว่า เสียงของ "ไจแอนท์" ที่คุณได้ยิน จู่ๆ เกิดไม่ใช่เสียงของ น้าต๋อย เซมเบ้ หรือ คุณนิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ ขึ้นมา
คราวนี้ลองจินตนาการกันใหม่ดู ว่าหาก "คุณ" เห็นใบหน้าของนักแสดงตลกมากบุคลิกอย่าง "อู๋ม่งต๊ะ" ลอยเด่นขึ้นมา...
เสียงที่ "คุณ" เคยได้ยินจนขำก๊ากลั่นโรงภาพยนตร์หรือหน้าจอโทรทัศน์ในสมัยก่อน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ คือ เสียงแบบไหน...ใช่เสียงแบบนี้ไหม?
"ผมว่า...ผมรักเขานะ ผมไม่ชอบหรอก แต่ผมรักเขา ผมรักในการแสดงของเขา รวมทั้งการรับบทบาทในแต่ละบทบาทของเขา ผมรักเลยล่ะ"
คำอุทิศถึง...นักแสดงมากฝีมือที่ไม่รู้จักก็เหมือนรู้จัก โทษฐานที่เห็นหน้าและทำหน้าที่เป็นเสียงให้กับ "อู๋ม่งต๊ะ" มาเนิ่นนานหลายสิบปี ของ คุณเกรียงศักดิ์ เหรียญทอง นักพากย์และนักแสดงที่ "คุณ" อาจรู้จักน้ำเสียงมากกว่าหน้าตาที่แท้จริงเสียอีก
อะไรคือ ที่มา...ที่ทำให้คุณอาเกรียงศักดิ์หลุดคำว่า "รัก" ให้กับนักแสดงที่เขาทำหน้าที่ไม่ต่างจากล่ามภาษาไทยส่วนตัวให้กับ "อู๋ม่งต๊ะ" มาเกือบตลอดชีวิตการแสดง
...
"เกรียง เอ็งพากย์ตัวนี้แล้วกัน มันเป็นตัวตามพระเอก มันจะเล่นออกขำๆ ตลกนิดๆ มันเป็นผู้ร้ายแนวๆ ไม่ค่อยเต็มสักเท่าไร ก็ลองดู เดี๋ยวลองฟังเสียงมันดู"
นี่คือโจทย์แรกที่ได้รับ หลังได้รับมอบหมายจากหัวหน้าทีมพากย์อินทรี ให้เตรียมพากย์เสียงภาษาไทยให้กับนักแสดงฮ่องกงร่างท้วมในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน
"อู๋ม่งต๊ะเวลาพูดจาในหนังนี่ เขาไม่ใช่คนพูดจานิ่มนวลนะ ออกจะแหบๆ แห้งๆ โฮกฮากๆ หน่อยๆ ด้วยซ้ำไป" คุณอาเกรียงศักดิ์ รื้อฟื้นความหลังถึงวันแรกๆ ที่ได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงของ "อู๋ม่งต๊ะ" นักแสดงผู้ล่วงลับ เพื่อเตรียมการสำหรับการออกแบบเสียงให้กับนักแสดงมากฝีมือคนนี้
"เออ...เอาเสียงแบบนี้แหละ" พี่หัวหน้าทีมงานพากย์อินทรีบอกกับผมเมื่อหลายสิบปีก่อน
ทำอย่างไรถึงได้เสียงที่ "คลิก" กับการแสดงของอู๋ม่งต๊ะ?
"จริงๆ แล้ว อู๋ม่งต๊ะนี่มีหลายคนที่เคยพากย์เสียงเขามาก่อนหน้าผมอีกนะ แต่เมื่อผมได้โอกาสในการพากย์เสียงของเขา แรกๆ ก็คิดกันว่า ควรจะวางเสียงยังไง ให้เสียงแบบนี้ดีไหม แต่กรณีของอู๋ม่งต๊ะ มันมาจบตรงที่ผมสังเกตเห็นว่า เขาเป็นนักแสดงที่มีรายละเอียดในการแสดงมาก หรือพูดง่ายๆ คือ มีไลเซนส์ประจำตัว"
▸ จอมขโมยซีน ภาพลักษณ์ที่เด่นชัดของตัวประกอบทองคำ
ทุกๆ ครั้งที่ "อู๋ม่งต๊ะ" ปรากฏตัวในแต่ละซีน ไม่ว่าจะประกบคู่อยู่กับพระเอกหรือตัวร้าย จะมีหรือไม่มีบทพูดในซีนนั้น เขาจะเล่นแบบไม่มีการปล่อยให้ตัวเองตายคาจอ นี่คือความพิเศษที่คุณอาเกรียงศักดิ์เห็น
"อู๋ม่งต๊ะนี่เขาฉลาดเล่น เขาจะไม่ออกเสียง แต่เขาจะแสดงกิริยา เช่น เวลาพระเอกกำลังพูดจีบนางเอก เขาจะ "ตอด" (เล่นส่ง) ให้กับนักแสดงร่วมซีน หากลองไปสังเกตดูดีๆ ในหนังแต่ละเรื่องนี่จะเห็นได้ชัดเลยว่า เขาจะไม่เคยหยุดนิ่งเวลาที่ปรากฏตัว เล่นหน้า เล่นตา ยักหน้า งึกงักๆ แต่จะไม่มีเสียง"
...
เมื่อคุณอาเกรียงศักดิ์สังเกตเห็นจังหวะในการแสดงแบบนี้ จึงค่อยๆ หยอดมุกเสียงประกอบต่างๆ ลงไปเสริม เพื่อให้ตัวละครที่ "อู๋ม่งต๊ะ" เล่นอยู่ มีมิติตามการแสดงในซีนนั้นๆ เช่น เสียงกระแอมดังๆ บ้าง เสียงอุทานอี๋ อ๋า โอว อะไรไปตามเรื่องตามราว จนกระทั่งกลายเป็นเสน่ห์ที่สุดพิเศษให้กับนักแสดงประกอบอดทนแบบ "อู๋ม่งต๊ะ" ไปโดยปริยาย
โดยนักพากย์มากประสบการณ์มองว่า ตัวเองโชคดีที่สังเกตเห็นในจุดนี้ และนำไปปรับใช้ในการพากย์เสียงให้กับ "อู๋ม่งต๊ะ" มันจึงทำให้ตัวเองมีความรักในนักแสดงคนนี้มากกว่าคนอื่นๆ ที่เคยพากย์ รวมถึงมีความสุขในทุกๆ ครั้งเวลาที่ได้พากย์เป็นชายคนนี้
"เวลาที่พระเอกกำลังพูดกับนางเอกว่า ฉันรักเธอนะอาฉี หากมีอู๋ม่งต๊ะร่วมซีนอยู่ ผมก็จะใส่เสียงแบบแฮ่...ลงไป หรือหากตัวละครหลักพูดว่า ตกลงเธอจะแต่งงานกับฉันไหม แล้วมีอู๋ม่งต๊ะร่วมซีนอยู่ ผมก็จะใส่เสียงแห่มมม! ซึ่งมีความหมายประมาณฮั่นแหนะ...นี่พวกแกกำลังจีบกันอยู่ใช่ไหมเนี่ยลงไป เพื่อเสริมเติมรสชาติและสอดคล้องกับอากัปกิริยาที่อู๋ม่งต๊ะกำลังแสดงอยู่"
ด้วยเหตุนี้ ทุกๆ ตัวละครที่ "อู๋ม่งต๊ะ" แสดง จึงกลายเป็นตัวละครที่ไม่มีทางตายคาจอ และแน่นอน บางครั้งมันอาจถึงขั้นขโมยซีนจากนักแสดงหลักบางคนไปได้เลยทีเดียว ในมุมมองของคุณอาเกรียงศักดิ์
"เออพระเอกมันพูดแบบนี้ เดี๋ยวดูสิว่า อู๋ม่งต๊ะมันจะว่าไง? วลีนี้คือวลีที่ผมมักจะได้ยินจากแฟนๆ หนังจีนอยู่เสมอๆ" สุดยอดนักพากย์ของเมืองไทยกล่าวยืนยัน
▸ ผู้จับปรุงกลิ่นการแสดงของ "อู๋ม่งต๊ะ" ให้กลายเป็นดาราที่คนไทยหลงรัก
การแสดงของ "อู๋ม่งต๊ะ" ในทัศนะของคุณอาเกรียงศักดิ์?
"แม้ว่าผมจะเคยพากย์ตัวละครในภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่เสียงตอบรับจากคนดูที่ให้ความชื่นชอบกับการพากย์ของผมที่สุด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คือ ตัวละครที่อู๋ม่งต๊ะแสดง ซึ่งเพื่อนร่วมทีมพากย์เองก็มักจะพูดถึงอยู่เสมอๆ ว่า พี่เกรียงพากย์เป็นคนนี้ดีว่ะ ชอบๆ
...
แต่หากถามผมว่า การแสดงของอู๋ม่งต๊ะนี่ตลกไหม? เอาจริงๆ เลยนะ ไม่ฮาเลยนะ ผมขอพูดตรงๆ!
นั่นเป็นเพราะ...มุกตลกต่างๆ มันเป็นแบบมุกตลกในแบบฉบับที่คนจีนชอบ ฉะนั้น เมื่อนำมาฉายในเมืองไทย มันจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรุงรส เพื่อให้เข้ากับบริบทที่คนไทยเข้าใจและน่าจะชื่นชอบ"
▸ หน้าที่และความรับผิดชอบจะทำอย่างไร จึงจะทำให้คนดูหลงรักตัวละครที่พากย์
โดยปกติการพากย์เสียงจะต้องดูที่บุคลิกและการแสดงของตัวละครเป็นหลัก แต่สิ่งที่ห้ามมองข้ามอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะบรรดากลุ่มหนังตลก คือ มันต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เพื่อให้คนไทยเข้าใจว่า นักแสดงคนนั้นกำลังพยายามสื่อสารอะไรอยู่ เพราะสิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุด คือ ในเมื่อพากย์เสียงให้คนไทยดู ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า คนไทยชอบแบบไหน?
"มีอยู่ซีนหนึ่งที่ผมจำได้ แม้มันจะนานมากแล้วนะ อู๋ม่งต๊ะแกเดินร้องเพลงภาษาจีนมา ซึ่งมันยาวมากๆ ซึ่งหากคนจีนฟังก็คงขำ แต่คนไทยคงไม่ขำ ผมเลยตัดสินใจร้องเพลงตังเก ของคุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ที่ตอนนั้นกำลังดังมากๆ ใส่ลงไปแทน ที่ร้องว่า...อยากมีเรือสักลำ จะพาคนงามที่คิดจะแต่ง ลอยล่องลำนาวาให้ปลาอิจฉา เวลาคลื่นแรงงงง!
...
ปรากฏว่า...คนไทยขำกันกลิ้ง และเป็นที่พูดถึงกันมากในช่วงนั้น เพราะผมไม่ได้ร้องเป็นจริงเป็นจังหวังให้ไพเราะ แต่ต้องการสื่อถึงมุกที่อู๋ม่งต๊ะกำลังแสดง ณ เวลานั้นมากกว่า ตอนนั้นเพื่อนๆ นักพากย์ด้วยกันฟังยังขำ ในขณะที่ ตัวเองก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันนะว่า นี่เราทำแบบนี้ออกไปได้อย่างไรวะเนี่ย!" จากนั้นคุณอาเกรียงศักดิ์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
"เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมคำนึงเสมอ คือ บุคลิกของตัวละครที่ผมต้องใส่เสียงให้ตรงกับบุคลิกและการแสดงที่ดาราคนนั้นๆ แสดงออกมา เพื่อสื่อสารให้คนดูรู้สึกหลงรักตัวละครตัวนั้น เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่นักพากย์ทุกคนต้องรับผิดชอบ"
▸ มุกตลกต้องใช้ให้ถูกจังหวะ และเหมาะสมกับการแสดงของนักแสดง
"การสอดแทรกมุกตลก สำหรับอู๋ม่งต๊ะ มันต้องแล้วแต่จังหวะนะ...เพราะอู๋ม่งต๊ะมีความสามารถทางการแสดงที่หลากหลาย บทดราม่า เขาก็สามารถเล่นได้ดีมากๆ เล่นเอาบางครั้งน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงกันเลยทีเดียวล่ะ หรือในเวลาที่เขาเล่นบทดราม่า เราจะไปใส่เสียงตลกๆ กระโชกโฮกฮากไม่ได้ ผมจะดูบริบทในการแสดงเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะใช้เสียงเดียวเป็นหลักไปตลอดทั้งเรื่อง และที่สำคัญ การพากย์หนัง มันจะต้องไม่มีการทับไลน์กัน ถ้าคนโน้นก็พูด คนนี้ก็พูด มันจะฟังไม่รู้เรื่อง และที่สำคัญที่สุด การหยอดมุกในแต่ละครั้ง มันจะต้องไม่ไปเกะกะบทสนทนาหลัก (Dialog Main) อย่างเด็ดขาด!" คุณอาเกรียงศักดิ์ให้บทสรุปถึงที่มากว่าจะได้รสชาติที่กลมกล่อมสำหรับเสียงของ "อู๋ม่งต๊ะ"
▸ "อู๋ม่งต๊ะ" ในความทรงจำของคุณอาเกรียงศักดิ์และคนไทย
"คุณรู้ไหมว่า ในฮ่องกง อู๋ม่งต๊ะ แกก็ดังในระดับหนึ่งนะ แต่ในเมืองไทยนี่ อู๋ม่งต๊ะ เขาดังมากกว่าในฮ่องกงอีก!" คุณอาเกรียงศักดิ์เล่าด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความทรงจำที่มีต่อดาราผู้ล่วงลับ
"เพราะมันเคยมีเพื่อนในกองถ่ายหนังไทยเรื่องหนึ่ง ที่ยกกองกันไปถ่ายทำที่ฮ่องกง แล้วได้มีโอกาสเจออู๋ม่งต๊ะ ซึ่งตอนนั้นผมพากย์เสียงเขามาแล้วหลายเรื่อง เพื่อนคนนั้นบอกกับอู๋ม่งต๊ะไปว่า...คุณรู้ไหมที่เมืองไทยนี่คุณดังมากๆ เลยนะ คนไทยชอบคุณมากๆ ปรากฏว่า อู๋ม่งต๊ะเกิดอาการงงๆ ประมาณว่าเป็นไปได้ยังไง?
เพื่อนคนนั้นเลยเล่าให้อู๋ม่งต๊ะฟังว่า มีนักพากย์คนไทยคนหนึ่ง สามารถพากย์เสียงให้กับตัวละครของคุณได้แบบฮาเอามากๆ มีการเปลี่ยนบทสนทนาที่เป็นมุกต่างๆ ให้คนไทยเข้าใจได้ แถมยังช่วยเก็บรายละเอียดในการแสดงของคุณได้ครบทุกเม็ด จนกระทั่งคุณกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในเมืองไทย"
"แล้วเคยมีโอกาสพบกับอู๋ม่งต๊ะตัวเป็นๆ บ้างไหมครับ?" ผู้สื่อข่าวรีบยิงคำถามโดยพลัน
"ไม่เคยนะ แต่มีเฉียดอยู่ครั้งหนึ่งที่เกือบจะได้เจอเขาตัวเป็นๆ ตอนนั้นรู้สึกอู๋ม่งต๊ะจะมาเมืองไทย แล้วมีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งอยากเชิญให้ผมไปพบกับเขาในฐานะที่ให้เสียงพากย์กับเขามาเป็นเวลานาน แต่พอดีผมคิวไม่ว่าง เพราะติดถ่ายละครอยู่ เลยคลาดกันไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเห็นทางรายการโทรทัศน์รายการนั้นบอกว่า อู๋ม่งต๊ะอยากจะเจอผมอยู่เหมือนกัน หลังได้ฟังคำบอกเล่าจากกองถ่ายหนังไทยเรื่องนั้น"
หากมีโอกาสได้เจอ "อู๋ม่งต๊ะ" คุณอาเกรียงศักดิ์อยากจะพูดอะไรกับเขาไหมครับ?
"ก็คงบอกไปว่า ยินดีที่ได้พบกันนะ รู้จักคุณมานานมาแล้ว แต่คิดไปคิดมา บางที...เขาอาจจะงงๆ ก็ได้นะ หากได้ยินแบบนั้น แล้วในใจเขาก็คงคิดว่า เอ.. แล้ว _ู เคยไปรู้จักกับ _ึง ตอนไหน? จากนั้นคุณอาเกรียงศักดิ์ก็ระเบิดหัวเราะอีกชุดใหญ่ๆ ก่อนจะตบมุกตลกของตัวเองด้วยความชอบอกชอบใจว่า...
"เอ้า ก็ _ู พากย์เสียง _ึง มาเกือบทุกเรื่องยังไงล่ะ ก็ต้องเจอ _ึง ทุกเรื่องน่ะสิ!" จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
▸ นักแสดงคนพิเศษที่จะไม่ยอมให้การพากย์เสียงผิดพลาดแม้แต่วินาทีเดียว!
"เดี๋ยวๆ หยุดๆ ขอเอาใหม่ๆ" คำพูดที่ชินปากของคุณอาเกรียงศักดิ์ เวลาพากย์เสียงให้กับ "อู๋ม่งต๊ะ"
"เพราะเขาคือ นักแสดงคนพิเศษของผม จะพูดแบบนั้นเลยก็ได้นะ ผมว่าผมรักเขานะ ผมไม่ชอบหรอก แต่ผมรักเขา ผมรักในการแสดงออกของเขา ในการรับบทบาทแต่ละบทบาทของเขา ผมรักเลยล่ะ!
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า...หากบทสนทนาไหนของเขาที่ผมพากย์เสียงของเขาแล้ว คิดว่ามันน่าจะยังไม่ดีพอ ผมจะขอพากย์ใหม่ทุกครั้ง ผมยอมเสียเวลาตรงนั้นประมาณ 3-4 วินาที แล้วถอยหลังกลับมาแก้ หรือเพิ่มอะไรอีกนิดนึง เพราะไม่อยากให้เสียงพากย์ที่ไม่ดีฝังอยู่ในซีนการแสดงของอู๋ม่งต๊ะไปตลอดชาติ เพราะไม่อย่างนั้น เกิดเปิดหนังมาดูทีไร แล้วเจอแบบนั้นขึ้นมา มันก็คงกลายเป็นตราบาปของผมไปตลอดว่า _ู ไม่น่าเลยๆ"
เมื่อถึงวัน..ที่จะไม่มี "อู๋ม่งต๊ะ" ให้พากย์เสียงอีกต่อไป?
"โอว...(ทอดน้ำเสียงและหยุดการสนทนาไปชั่วครู่) ผมว่า...ผมตอบคำถามนี้ได้ยาก เพราะผมน่าจะไม่ได้พากย์เสียงของอู๋ม่งต๊ะมานานมากแล้วนะ เพราะเขาไม่ได้เล่นหนังมานานเป็นสิบๆ ปีแล้ว เรื่องล่าสุดหากจำไม่ผิด น่าจะเป็นนักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (Shaolin Soccer) ในปี 2001 โน่นเลย
เดี๋ยว..ไม่ใช่สิ...ต้องเป็นปฏิบัติการฝ่าสุริยะ (The Wandering Earth) ปี 2019 เออใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เล่นอยู่ไม่กี่ซีนเองนะ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็ชอบบทบาทในการแสดงของเขาทุกเรื่อง ผมว่า...ทุกเรื่องเลยนะ เพราะผมมีความสุขในการพากย์เสียงของอู๋ม่งต๊ะมากๆ ส่วนหนึ่งมันน่าจะเป็นเพราะ...ผมรู้สึกว่า การแสดงของอู๋ม่งต๊ะมันเข้าปากในการที่ผมจะพากย์เสียงให้เป็นตัวของเขามากที่สุดนั่นแหละ!" สุดยอดนักพากย์ของเมืองไทยให้บทสรุปถึงนักแสดงคนโปรดที่แม้ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็ผูกพันราวกับเป็นเพื่อนคนสนิทมาช้านาน.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์
ข่าวน่าสนใจ:
- "อู๋ม่งต๊ะ - โจวซิงฉือ" แสงเงาของกันและกัน ที่ไม่มีวันแยกจากในโลกภาพยนตร์
- รอยร้าว GOT7 - JYP สัญญา 7 ปี กับกฎหมายที่เปิดช่องตีจาก
- ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ กับความลับ 7 ปี ป่วยพาร์กินสัน หัวเราะทั้งน้ำตาอำลาจอ
- แกะรอยอวสาน "ผ่าพิภพไททัน" จุดพีคดำมืด หรือ "เอเรน" คือบทสรุป
- รัฐประหารเมียนมา "พญาอินทรี" โฉบฉวย แผ่อิทธิพลกลืน "พญามังกร"