วันที่ 18 มี.ค. 2025 เอกสารลับมากกว่า 80,000 หน้า ที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เมื่อปี 1963 ถูกเปิดเผยบนเว็บไซต์ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติและสำนักงานบริหารบันทึกแห่งชาติของสหรัฐฯ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากเอกสารกว่า 6 ล้านหน้าที่ถูกเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ (สหรัฐฯ เผยเอกสารการลอบสังหารเจเอฟเค กว่า 80,000 ไฟล์)
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการเลือกตั้ง เข้ารับตำแหน่งเมื่ออายุ 43 ปี และเป็นผู้นำในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง โดย JFK เป็นคนที่มีเสน่ห์และเป็นที่รักของชาวอเมริกัน และถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเปลี่ยนแปลง การสูญเสียเขาจากการลอบสังหารจึงสร้างความสะเทือนใจอย่างมาก ชาวอเมริกันหลายคนยังคงเชื่อว่าการตายของเขายังมีปริศนา เกิดเป็นทฤษฎีสมคบคิดมากมายที่ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
...
1. จอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ JFK ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐฯ ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 1963 ขณะนั่งรถลีมูซีนเปิดประทุน พบปะกับประชาชนในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ร่วมกับแจ็กเกอลีน เคนเนดี ภรรยาและผู้ว่าการรัฐเท็กซัส โดยเขาถูกยิงเข้าที่ลำคอและศีรษะ เสียชีวิตในวัย 46 ปี
2. ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยคือ ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกกล่าวหาว่ายิงลงมาจากชั้น 6 ของอาคาร Texas School Book Depository และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ซึ่งในวันเดียวกันนี้รองประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ได้สาบานตนขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี
3. จากนั้น 24 พ.ย. 1963 เพียง 2 วันหลังเกิดเหตุ ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ ถูกยิงที่ชั้นใต้ดินของสถานีตำรวจดัลลัส ขณะที่เขากำลังถูกคุมตัวไปเรือนจำ ก่อนที่จะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยมือปืนคือนายแจ็ค รูบี้ เจ้าของไนท์คลับในเมืองดัลลัส อ้างว่าก่อเหตุเนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบเพื่อปกป้องแจ็กเกอลีน เคนเนดีจากความทุกข์ใจ แต่ก็มีทฤษฎีสมคบคิดที่เชื่อว่า นี่อาจเป็นการฆ่าปิดปาก
4. วันที่ 29 พ.ย. 1963 ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน สั่งตั้งคณะกรรมการวอร์เรน เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี
5. วันที่ 24 ก.ย. 1964 คณะกรรมการวอร์เรน เสนอรายงานการสอบสวนต่อประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน โดยสรุปว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ เป็นผู้ลงมือสังหารแต่เพียงผู้เดียว และแจ็ค รูบี้ก็ลงมือเพียงลำพัง นอกจากนี้ก็ไม่มีหลักฐานตามทฤษฎีสมคบคิด
6. ผลการสอบสวนดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยจำนวนมาก เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ที่โด่งดังเช่น CIA อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร เนื่องจากไม่พอใจที่ JFK จะลดอำนาจของหน่วยข่าวกรอง และ CIA อาจรู้ข้อมูลของออสวาลด์ก่อนเกิดเหตุแต่ไม่ดำเนินการใดๆ, แก๊งมาเฟียต้องการล้างแค้น, มือปืนมีมากกว่า 1 คน เป็นต้น ซึ่งแม้จะผ่านมานานกว่า 60 ปี แต่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลกจำนวนมากยังให้ความสนใจและค้นหาคำตอบที่พวกเขาเชื่อว่าเป็น “คำตอบที่แท้จริง”
7. ในปี 1992 สภาคองเกรสผ่าน The President John F. Kennedy Assassination Records Collection Act of 1992 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดี JFK ทั้งหมดใน 25 ปีหรือภายในปี 2017 เว้นแต่ประธานาธิบดีจะยกเว้น
...
8. ในปี 2017 รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะเปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร JFK อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้เปิดเผยเอกสารบางส่วน และเลื่อนการเปิดเผยบางส่วนด้วยเหตุผล “อาจกระทบความมั่นคงของชาติ” ต่อมาในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีการเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติมหลายพันฉบับ แต่ยังคงมีบางส่วนที่ไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
9. เดือน ม.ค. 2025 หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เซ็นคำสั่งให้เปิดเผยเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี, วุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เคนเนดี และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หลังเคยสัญญาระหว่างการหาเสียงว่าจะเปิดเผยเอกสารเหล่านี้เพื่อความโปร่งใส
10. อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิชาการและนักประวัติศาสตร์มองว่า ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการศึกษาวิเคราะห์เอกสารชุดใหม่นี้และเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีต อย่างไรก็ดี นักประวัติศาสตร์ไม่ได้คาดหวังว่าในเอกสารชุดนี้จะมีข้อมูลที่น่าตกตะลึงพลิกโฉมคดีลอบสังหารนี้ โดยมีการประเมินว่ายังมีเอกสารอีกบางส่วนที่ยังไม่ถูกเปิดเผย และเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ก็ได้เปิดเผยว่าได้ค้นพบเอกสารใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอีกประมาณ 2,400 ฉบับ
...
11. การเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร JFK มีความสำคัญ ไม่ใช่แค่ในแง่ของการทำให้ประวัติศาสตร์มีความชัดเจนมากขึ้น แต่เพื่อสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจต่อรัฐบาลด้วย
ขอบคุณ : wdsu, bbc, theguardian, thaipbs