จาก "บอสพอล" ดิไอคอนกรุ๊ป ถึง "ทนายตั้ม" ทีมทนายประชาชนฯ 2 คนดังเอี่ยวคดีทางการเงิน มูลค่าความเสียหายสิบล้าน-พันล้านบาท
จาก 16 ตุลาคม ถึง 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาทิ้งห่างกันเพียง 22 วัน หรือไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่ตำรวจไทยมีการตั้งข้อหาที่เอี่ยวคดีทางการเงินกับตัวท็อประดับประเทศถึง 2 คน ได้แก่ 'บอสพอล วรัตน์พล' และ 'ทนายตั้ม ษิทรา' เรียกได้ว่าพาหลายคนอึ้งกิมกี่ไปตามกัน เพราะมูลค่าความเสียหายที่ตำรวจประเมินเบื้องต้นนั้น เริ่มตั้งแต่หลักสิบล้านไปจนถึงหลักพันล้านบาท
บอสพอล วรัตน์พล :
เริ่มกันที่ 'บอสพอล วรัตน์พล' ซีอีโอแห่งดิไอคอนกรุ๊ป หลังจากมีผู้เสียหายรวมตัวกันร้องเรียนต่อสื่อ ว่าสั่งสินค้าจากดิไอคอนกรุ๊ปแต่ไม่ได้รับของ บ้างก็อ้างว่าได้รับสินค้าแต่ขายไม่ได้ บ้างก็ออกมาให้ข้อมูลว่า ญาติของตนลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก เมื่อสินค้าขายไม่ออกก็กลายเป็นหนี้สิน จนตัดสินใจจบชีวิตลาโลก
กระแสสังคมเริ่มประทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการลากโยงเอี่ยวถึงหน่วยงานและบุคคลต่าง ๆ จนกระทั่ง 16 ตุลาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เชิญบอสพอลเข้าพบ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ เวลาประมาณ 16.00 น. ของวันดังกล่าว บอสพอลเดินทางไปตามหมายนัด แต่ยังไม่ทันได้ชี้แจงข้อมูล ก็ถูกตำรวจสอบสวนกลางเข้าจับกุมเขา พร้อมหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
...
หนึ่งในข้อกังขาที่สังคมตั้งคำถาม คือ คดีนี้เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลต่อสื่อว่า ทางบอสใหญ่ให้การปฏิเสธ วันเวลาล่วงถึง 29 ตุลาคม 2567 ทาง DSI รับดิไอคอนเป็นคดีพิเศษ เพราะหลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว ทำให้ชัดเจนว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยต่อสื่อว่า หลังตรวจสอบพยานหลักฐาน พร้อมมีพนักงานสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมให้ข้อมูล ทางคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าคดีนี้เข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษ อีกทั้งพยานหลักฐานที่มียังเข้าข่ายคดีแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
สำหรับมูลค่าความเสียหายของคดีนี้ ยังไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขชัดเจนได้ แต่ยอดสะสมระหว่างวันที่ 10-21 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 16.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 3,016 คน มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำแล้ว รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
ทนายตั้ม ษิทรา :
เดินทางสู่วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567 'ทนายตั้ม' ถูกตำรวจจับกุมตัวพร้อมภรรยาที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ในข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนนางปทิตตาผู้เป็นภรรยาถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
การจับกุมครั้งนี้ เกิดจากที่ทนายตั้มถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า หลอกลวงเงิน 'จตุพร อุบลเลิศ' หรือ 'เจ๊อ้อย' โดยมีทั้งหมด 4 กรณีด้วยกัน ได้แก่ คดีหลอกโอนเงิน 71 ล้านบาท กรณีค่าทำสลากออนไลน์, คดีหลอกโอนเงิน 39 ล้านบาท กรณีบิตคอยน์, คดีจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท มูลค่าจริง 3.5 ล้านบาท และคดีให้เงิน 13 ล้านบาท แต่จ่ายเงินตามจริงไม่ถึงจำนวนดังกล่าว ถูกแจ้งความดำเนินคดีเสียหาย 1.5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทนายตั้มและภรรยาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการให้ประกันตัว ดังนั้น สำหรับคดีนี้ทนายตั้มจึงเป็นเพียงผู้ต้องหา ยังมีสิทธิ์พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการกฎหมาย เราก็ต้องมารอดูกันว่าปลายทางเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
...
ทนายตั้ม VS บอสพอล :
แต่ก่อนที่ทนายตั้มจะตกเป็นจำเลยของเจ๊อ้อย เขาก็เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปมาก่อน แต่ครั้งนั้นไม่ใช่ในฐานะผู้ต้องหา แต่เป็นหนึ่งในทนายความที่เสนอตัวช่วยเหลือผู้เสียหาย และพาเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยมีชื่อเรียกกลุ่มของตัวเองอย่างเท่ ๆ ว่า 'ทนายอเวนเจอร์'
นอกจากนั้น นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เคยออกมาเปิดเผยว่า บอสพอลสั่งให้ทีมทนายรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินคดีกับทนายความชื่อดังรายหนึ่ง เนื่องจากได้โทรศัพท์ไปรีดไถเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความคดีดิไอคอน
จนกระทั่ง 25 ตุลาคม 2567 ทนายตั้มโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เรื่องที่ทนายบอสพอล อ้างว่า 1 ในทนายดรีมทีมรีดเงิน 7 ล้าน เปิดคลิปแฉเลยครับ ว่ารีดเงินให้ตัวเอง หรือให้นำเงินมาคืนผู้เสียหาย?"
หลังจากนั้นทนายตั้มก็ได้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวเพิ่มเติมว่า...
"ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าหมายถึงใคร เพราะผมไม่มีเบอร์บอสพอล ไม่เคยอยากโทรหา แต่ถ้าหมายถึงผม บอสพอลเป็นคนโทรมาเอง แล้วผมบอกให้จ่ายผู้เสียหายกลุ่มเปราะบางเซ็ตแรก 30 คน คนละ 250,000 ยอดไม่ใช่ 7 ล้าน แต่เป็น 7.5 ล้าน ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในรายการ อ.ยิ่งศักดิ์ เทปวันที่ 15 ต.ค. 67 ในรายการผมยังบอกเลยว่ามีคนสำคัญโทรมา แล้วผมจึงเมมเบอร์ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดหลังจากที่พาผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าแจ้งความหมดแล้ว"
...