คดีบังฟัตฆ่ายกครัว 8 ศพ สุดสะเทือนขวัญ คืนวันที่ 9 ก.ค. 2560 ภายในบ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ชนวนเหตุเกิดจากนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ นำบ้านที่เกิดเหตุไปจำนองไว้กับบังฟัต แต่หลังจากชำระหนี้จนหมด บังฟัตกลับไม่คืนโฉนดที่ดินให้ เพราะนำไปจำนองกับธนาคารอีกทอด ทำให้เกิดการข่มขู่เอาชีวิตกันหลายครั้ง จนสุดท้ายกลายเป็นบังฟัตกับพวก ชิงลงมือสังหารโหดยกครัวไม่เว้นแม้แต่เด็ก เพื่ออำพรางคดี ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไปฆ่าผู้ใหญ่บัติเพียงคนเดียว และโชคดียังมีผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์อีก 4 คน
แม้คนร้ายทั้งหมดถูกจับอย่างรวดเร็ว และปี 2564 ศาลฎีกามีคำพิพากษาประหารชีวิตนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต พร้อมพวกรวม 7 คน ดูเหมือนกระบวนการยุติธรรมจะจบแล้ว แต่ว่าชีวิตของคนที่เหลืออยู่ในครอบครัวผู้ใหญ่บัติ ยังไม่จบ ต้องเผชิญชะตากรรมอีกมากมาย แม้เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 7 ปี ติดตามภารกิจ see true “ให้คุณเห็นความจริง” ในการลงพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

บ้านสมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้ใหญ่บัติ อาจไม่ได้คืนมา
...
ปัจจุบันแม้ว่าบ้านผู้ใหญ่บัติ เหยื่อฆ่ายกครัวจะยังอยู่ในความดูแลของคนในครอบครัว แต่อยู่ในขั้นตอนการขายทอดตลาดของธนาคาร จากการให้ข้อมูลของ “จรีย์ บุตรเติบ” พ่อตาผู้ใหญ่บัติ บอกว่า หลังศาลพิพากษาคดีของบังฟัตแล้ว บ้านทั้ง 2 หลังถูกธนาคารยึดขายทอดตลาด ทำให้ตัวเองกับญาติที่เหลือต้องดิ้นรนหาเงินมาไถ่ถอนเพื่อให้มีที่อยู่อาศัย และหลังจากจัดงานเลี้ยงน้ำชาเรี่ยไรเงินบริจาคเมื่อปี 2566 ได้เงินบริจาคมา 1 แสนกว่าบาท รวมทั้งขายสวนยางที่ดินมรดกตกทอดประมาณ 6 ไร่ นำเงินไปซื้อบ้านคืนมาได้ 1 หลัง
“ได้บ้านหลังนี้กลับมา ก็สบายใจไประดับหนึ่ง ตอนนี้กรมบังคับคดี เขาขายทอดตลาดบ้านอีกหลัง ก็ประมาณ 1.6 ล้าน ถึง 1.7 ล้าน คิดว่าไม่ไหวเหนื่อยแล้ว เรามีรายได้กรีดยางวันละ 3-4 ร้อยบาท ค่าใช้จ่ายอะไรต่ออะไร ไม่ไหว หมดปัญญาแล้ว ผมโดนกระทำใช่มั้ย 8 ชีวิตที่ตายตรงนี้ แล้วนี่รอมากี่ปีแล้ว เริ่มจากปี 60 เรื่องยังไม่ถึงไหน ต้องจ่ายค่ารถค่าทนาย เราก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว ไหนจะที่บ้านที่ต้องไปซื้อคืน เครียดกว่าจะดำเนินการได้ เราก็ไม่รู้บังฟัตออกหรือยังก็ไม่รู้”

ส่วนบ้านหลังเกิดเหตุ สมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้ใหญ่บัติ ยังอยู่ในขั้นตอนขายทอดตลาด ราคาประเมินอยู่ที่ 1.8 ล้านบาท อาจไม่ตกทอดถึงลูกชายคนเล็ก ทายาทเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ในคืนนั้น และพ่อตาผู้ใหญ่บัติบอกเลยว่า น่าจะไม่มีทางได้บ้านหลังนี้กลับคืนมาอีกแล้ว แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาแล้วกว่า 7 ปี สิ่งสำคัญที่ยังเป็น

บาดแผลในใจ ความเจ็บปวด เรื่องราว 7 ปี ไม่เคยลืม
“อัญชลี บุตรเติบ” หนึ่งผู้รอดชีวิต รวมทั้งลูกสาว 2 คน ยังจดจำเรื่องราวในคืนวันนั้นได้อย่างแม่นยำ ทั้งผลกระทบทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงสุขภาพของลูกทั้ง 2 คนที่วันนี้ยังคงมีสะเก็ดกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะ เธอเล่าว่า มันเหมือนกับวันแรกยังลืมไม่ได้ เพราะว่ามาอยู่บ้านหลังนี้ อะไรอยู่ตรงไหนเห็นมัน ก็เห็นอยู่ตลอด บางคืนตีหนึ่งตีสองก็ไม่หลับ เป็นแบบนี้มา 7 ปีแล้ว
“ก็อยู่ได้ แต่ถามว่าโอเคมั้ย ไม่โอเค ลูกคนโตกระสุนผ่าออกก็จริง แต่มันมีอาการปวดหัวปวดบ่อย ปวดเยอะก็จะอาเจียน คนเล็กเขามีกระสุนในหัวแล้ว ก็มีสะเก็ดรอบหัวมันเยอะ หมอบอกว่าอย่าให้เขาป่วยนะ แล้วก็อย่าให้เครียด อย่าให้หัวกระทบกระเทือน” เสียงจากผู้รอดชีวิตฆ่ายกครัว
...

ค่าเสียหาย 7.5 ล้าน ยังมาไม่ถึงคนในครอบครัวผู้ใหญ่บัติ
แม้ว่าจะมีคำพิพากษาให้บังฟัตและพวกชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อ แต่การเยียวยาอาจทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปไม่ได้ ภายหลังวันที่ 18 มี.ค. 2564 ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตบังฟัตและพวก รวมถึงชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของผู้ใหญ่บัติ เป็นเงิน 7.5 ล้านบาท แต่จนถึงวันนี้ การเยียวยายังมาไม่ถึง เพราะคดีอาชญากรรมไม่ได้จบลงเพียงแค่คำพิพากษา แต่มันอาจหมายถึงชีวิตที่เหลืออยู่ของเหยื่อหรือครอบครัว ต้องเผชิญกับฝันร้าย ที่อาจตอกย้ำความรู้สึกที่เจ็บปวดไปตลอดชีวิต

...
อาชญากรรมอาจไม่ได้จบแค่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น เพราะมีหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียเสาหลักหรือสมาชิกคนสำคัญที่ทำให้คนที่เหลือต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อย่างเคสนี้ยังมีเรื่องของหนี้สินที่เกิดจากจำเลย บ้านเกือบถูกยึด ต้องกู้เงิน ขายที่ดิน เพื่อมาซื้อบ้านของตัวเองคืน ถึงจะมีคำสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของผู้ใหญ่บัติแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อใด
การเยียวยาทั้งเรื่องของสภาพจิตใจ ความเป็นอยู่ ต้องต่อเนื่องเพื่อประคับประคองผลกระทบ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐอาจจะต้องเข้ามาช่วยเหลือ ติดตาม #ข่าวแสบเฉพาะกิจ รายการวาไรตี้ข่าวสุดแสบ จะพิสูจน์ ตรวจสอบ พร้อมลงทุกพื้นที่ ขยี้ทุกความจริง ทุกวันเสาร์ 6 โมงเย็น ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.