ย้อนรอยคดี "น้องชมพู่" หนูน้อยวัย 3 ขวบ พบศพเสียชีวิตบนภูเขาเหล็กไฟ แกะรอยเส้นคดีฆาตกรรม และปรากฏการณ์ "ลุงพล" ที่ตกเป็นจำเลย ก่อนถึงวันพิพากษา ปลายเดือนธันวาคม
“แม้ศาลจะเลื่อนอ่านคำพิพากษา ก็ไม่ได้มีความกังวลใจ เพราะเป็นการเลื่อนอ่านคำพิพากษาเท่านั้น ไม่ใช่การยกฟ้อง” นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ กล่าว
“ขอยืนยันความบริสุทธิ์ล้านเปอร์เซ็นต์ ว่าผมกับป้าแต๋นไม่ได้ฆ่าน้อง เหตุการณ์ตอนที่น้องชมพู่หาย ผมอยู่กับแม่ของน้องชมพู่ ดังนั้น คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือพี่สาวของน้องเพราะอยู่กับน้องเป็นคนสุดท้าย” ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา กล่าว เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566
เป็นเวลามากกว่า 3 ปี หลังการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบเศษ ที่หายตัวไป จากบ้านกกกอก อำเภอดงหลวง จ.มุกดาหาร อย่างปริศนา เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 และไปพบศพ บนภูเขาเหล็กไฟ เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล ห่างจากบ้านราว 2 กิโลเมตร ในสภาพกึ่งเปลือย ร่างกายแขนขาโดนหนามเกี่ยว และกางเกงถูกถอดไว้ และพบรองเท้าในเส้นทางเดินขึ้น
...
ต่อมา ศาลออกหมายจับ ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็กนั้น พ้นไปเสียจากตนโดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย โดยมี ป๋าแต๋น หรือ นางสมพร หลาบโพธิ์ ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ด้วย
ทั้งนี้ มีการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และได้นัดอ่านคำพิพากษา ในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ก่อนที่ ศาลจังหวัดมุกดาหาร จะแจ้งเลื่อนไปในเดือนธันวาคม
ย้อนไทม์ไลน์ การเสียชีวิตคดีน้องชมพู่
หลังการหายตัวไปของน้องชมพู่ วันที่ 11 พ.ค.63 และพบศพในวันที่ 14 พ.ค.63 ต่อมา มีการเปิดเผย ผลชันสูตรน้องชมพู่ (ครั้งแรก) จากแพทย์ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานีว่า ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และการล่วงละเมิดทางเพศ แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ แต่...ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย?
โดยมีรายละเอียดว่า สภาพกะโหลกปกติ ไม่แตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ ขณะที่อวัยวะภายใน เริ่มเน่า จนไม่สามารถพิสูจน์สมอง และ ปอด
กระเพาะอาหารไม่มีอาหารหลงเหลือ มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตร อวัยวะเพศไม่พบร่องรอยจากการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจารียังอยู่ครบ...
ขณะที่ มีการชันสูตรอีกครั้ง จากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ระบุว่า ไม่ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ โดยมีรายงานจากแพทย์ชี้ว่าไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากการร่วมเพศ แต่เกิดจากการกระแทกด้วยของแข็ง ทำให้เกิดบาดแผล ไม่พบอสุจิ หรือสารคัดหลั่งแฝงในร่างกาย ร่างกายขาดน้ำและอาหารก่อนเสียชีวิต
ปรากฏการณ์ “ลุงพล” และ การตั้งทีมสนับสนุน
การเสียชีวิตของ “หนูน้อย” วัยเพียง 3 ขวบ ที่เวลานั้นยังไม่ได้รับ “คำตอบ” ที่ชัดเจน แต่กลับเกิดปรากฏการณ์ เชียร์ และทฤษฎีสมคบคิดในโลกโซเชียลฯ ต่างๆ มากมาย ส่งผลให้ “บ้านกกกอก” เวลานั้น ไม่ต่างอะไรกับ รายการเรียลลิตี้ในทีวี
...
สื่อทั่วประเทศ เดินทางมาพักแรมที่ “บ้านกกกอก” เพื่อฉายสปอตไลต์ ไปที่ ผู้ต้องสงสัย, พยาน หรือแม้แต่ญาติผู้สูญเสีย ประหนึ่งตัวละครในรายการทีวี นอกจาก “สื่อ” กระแสหลักแล้ว ก็ยังมีเหล่า “ยูทูบเบอร์” มาร่วมแจมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเหล่า “เซเลบ” หรือ “หมอผี” มาร่วมวง ให้การ “สนับสนุน” กับคนนั้น คนนี้ ทั้งที่ “คดี” ยังอยู่ในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะ ฝั่ง “ลุงพล” ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
เหล่า “ยูทูบเบอร์” ตามไลฟ์สด ชีวิต และตระเวนออกรายการมากมาย แม้กระทั่ง ร่วมร้องเพลงดังกับ “น้องร้องเสียงพิณ” จินตหรา พูนลาภ
กระแสฟีเวอร์ ของ “ลุงพล” กินระยะเวลาหลายเดือน....
ผบ.ตร.แถลง หลังผ่าน 4 เดือน ยังไม่ตั้งข้อหาใคร
2 ตุลาคม 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. (ขณะนั้น) นำแถลงข่าวความคืบหน้า
...
สรุปการแถลงวันนั้น คือ การสอบปากคำ 384 ปาก นำเข้าสำนวนคดี 120 ปาก มีพยานวัตถุ 113 ชิ้น เป็นพยานในที่เกิดเหตุ 16 ชิ้น ตรวจ DNA จำนวน 154 ตัวอย่าง
สิ่งที่สรุปได้ในเวลานั้น...
- “น้องชมพู่” ไม่สามารถเดินขึ้นเขาภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง
- ทางขึ้นเขาภูเหล็กไฟมี 4 เส้นทาง และพบเส้นผมน้องชมพู่ 36 เส้น ถูกตัด หรือ เฉือน ซึ่งน้องไม่สามารถตัดผมตัวเองได้
- น้องชมพู่ เสียชีวิต ระหว่างเวลา 14.30 น. ของวันที่ 12 พ.ค. ถึงเวลา 14.30 น. ของวันที่ 13 พ.ค.63
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อหาไว้เบื้องต้น แต่ยังไม่ระบุว่าตั้งข้อหาใคร (ขณะนั้น) ประกอบด้วย
1. พรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
2.ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลายและอำพรางศพ
ส่วนผู้กระทำผิด ยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับใครได้ หรือดำเนินคดีใครได้ แม้จะรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว ทั้งนี้คดี มีอายุความ 20 ปี
คดีนี้ มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายเข้า “เครื่องจับเท็จ” แต่กระทั่ง ทุกอย่าง ก็ยังไม่ชัดเจน กระทั่งก้าวเข้าสู่ เดือนพฤษภาคม 2564 หรือ ครบ 1 ปี และมีรายงานข่าวว่าพบหลักฐานบางอย่าง ก่อนที่จะมีการออกหมายจับ “ลุงพล”
...
แถลงข่าว จับ “ลุงพล”
2 มิถุนายน 2564 ที่ สตช. พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ได้แถลงข่าว ระบุ ใจความสำคัญ ว่า มีการตั้งข้อหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และ กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป โดยศาลจังหวัดมุกดาหารออกหมายจับ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวในช่วงแถลงว่า ฝากสังคมเป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์ คดีนี้ก็คือคดีฆาตกรรม ความซับซ้อนหรือไม่ก็เป็นเรื่องนึง แต่เรื่องที่แตกต่างจากเรื่องอื่นคือการไต่สวนบนโลกโซเชียล ซึ่งเคยเจอปรากฏการณ์แบบนี้ครั้งนึงตอนคดีที่เกาะเต่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากลุงพล ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับ ก็ได้เดินทางเข้ามอบตัว พร้อมกับ “ป้าแต๋น”
รายงานข่าวในขณะนั้น ระบุว่า หลักฐานที่นำไปสู่การออกหมายจับ คือ หลักฐานที่ตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ คือ กางเกง รองเท้า และ ขน 3 เส้น ที่ระบุได้ว่าเป็นของใคร และเส้นผมอีก กว่า 30 เส้น ที่ถูกตัด โดยมี “พยาน” แวดล้อม 8 ราย
ต่อมา “ลุงพล” ได้รับการประกันตัว และมีการ ตั้งข้อหา “ป๋าแต๋น” ข้อหากระทำการใดๆ แก่ศพน้องชมพู่ หรือ สภาพแวดล้อม ในที่บริเวณที่พบศพฯ และ มีการเพิ่มข้อหาฐานความผิดผู้อื่นโดยเจตนา ในเวลาต่อมา
กระบวนการยุติธรรม
7 กันยายน 2564 อัยการจังหวัดมุกดาหาร ระบุว่า ได้มีการสั่งฟ้อง ลุงพล ป้าแต๋น และมีการนัดสืบพยาน ฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ตามกระบวนการ ก่อนจะนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 กระทั่ง มีการแจ้งเลื่อนออกไปเป็นปลายเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งผลการตัดสินของศาลจะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูในวันนั้น...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ