เป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตบ่อยครั้งสำหรับ การอุ้ม เรียกค่าไถ่ เพื่อนร่วมชาติ แต่เมื่อไม่ได้เป็นไปตามแผนก็ลงมือทำร้าย ตัดอวัยวะ หรือแม้แต่ฆาตกรรมด้วยวิธีการต่างๆ
เรื่องนี้กลับมาอีกครั้ง เหตุเกิดกับนักศึกษาชาวจีนที่มาเรียนในประเทศไทย จากกรณีพบศพ น.ส.จิน ซ่าน (Ms.Jin Can) สาววัย 22 ปี ที่มาศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ชั้นปี 3 โดยเธอถูกฆาตกรรมทิ้งร่างในร่องป่ากล้วย ติดถนนวัดต้นเชือก หมู่ 6 ตำบล และ อำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี
จากการสืบสวนคดีพบว่าเกี่ยวโยงกับชาย 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติ โดยจากหลักฐานภาพวงจรปิดพบว่า ชายทั้ง 3 คนขับรถเช่ามาหาซื้อของบางอย่างที่ร้านสะดวกซื้อ ในค่ำคืนวันที่ 29 มี.ค. นอกจากนี้จุดที่พบศพยังไม่ห่างจากบ้านเช่าที่ชายทั้ง 3 เช่า ตำรวจจึงเชื่อมโยงว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน
จากการสืบสวนพบว่ามีความพยายามในการเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 2.5 ล้าน จากพ่อผู้เสียชีวิต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งครูที่ปรึกษาได้เข้าแจ้งความไว้ และ 3 ผู้ต้องสงสัยก็ได้หลบหนีกลับประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งทางการไทยได้ประสานขอหมายแดง และประสานกับทางการจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวในวันนี้ (3 เม.ย.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ประสานกับสถานทูตจีน เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีให้เร็วขึ้น
ที่ผ่านมามีเหตุชาวจีนก่อเหตุอาชญากรรมในเมืองไทยค่อนข้างบ่อย อย่างไรก็ตามคดีนี้กำลังอยู่ในระหว่างการขยายผล โดยในเบื้องต้นพบว่ามูลเหตุจูงใจการเรียกค่าไถ่อาจจะมีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
...
แก๊ง “ลูกหมู” ทมิฬ โดนซ้อมหนัก ยอมหนีนรก โดด 13 ชั้น
ตุลาคม 2540 ร่างหญิงสาวชาวจีนได้ร่วงมาจากคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท โดยเธออายุราว 20-25 ปี และจากการสืบสวนคาดว่าน่าจะหล่นมาจากชั้น 13 ซึ่งเป็นห้องพักที่มีชาวจีนมาเช่าไว้
จากการชันสูตรพบร่างตามเนื้อตัวมีรอยเป็นจ้ำแดง มีผื่นทั่วร่าง ส่วนที่ข้อเท้ามีแผลเน่าเฟะคล้ายถูกจับทรมานติดต่อกันหลายวันจนเป็นแผลพุพอง เน่าเปื่อยถึงกระดูก
เมื่อสอบถามพยานทราบว่า หลังเกิดเหตุพบชายจีน 4 คนท่าทีลุกลี้ลุกลน กดลิฟต์ลงชั้นใต้ดินแล้วหลบหนีไป
เมื่อไปตรวจสอบที่ห้องพบมีหญิงชาวจีนเปิดประตูออกมา แต่ไม่ให้ความร่วมมือ อ้างไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น กระทั่งมีการขอหมายค้น และงัดห้องเข้าไป พบภายในห้องมีหญิงถูกขังและทรมานอีก 3 คน ตามร่างกายถูกซ้อม เมื่อเห็นหน้าตำรวจก็รู้สึกตกใจ เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือออกมา
เด็กหญิงชาวจีนวัย 16 ปี หนึ่งในเหยื่อแก๊งมังกรทมิฬ บอกกับตำรวจว่า มีเพื่อน 6 คนถูกล่อลวงมาจากประเทศจีน เมื่อมาถึงเมืองไทยตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน (ถูกขังเกือบเดือน) จากนั้นทุกคนถูกบังคับให้เขียนจดหมายเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินคนละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ญาติของเพื่อน 2 คนยอมจ่ายจึงถูกพาตัวออกไป ไม่รู้ไปไหน เหลืออีก 4 คนถูกซ้อม เตะต่อยทุกวัน
กระทั่งช่วงเช้าผู้ตายคือ น.ส.หลง เหมย จู ถูกซ้อมจนแน่นิ่ง ไม่แน่ใจว่าถูก “โยนบก” หรือพุ่งหลาวลงไปกันแน่ พอหลังเกิดเหตุคนร้ายทั้ง 4 คนก็หนีกันหมด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการช่วยเหลือหญิงสาวทั้งหมด และตามไล่ล่า 4 ชายทมิฬ โดยมีพยานและหลักฐานทั้งรถและเอกสารภายในห้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลทราบว่าเกี่ยวข้องกับ “แก๊งลูกหมู” ซึ่งแก๊งเดิมได้ถูกเจ้าหน้าที่กวาดล้างไปแล้ว แต่นี่เป็นแก๊งใหม่ โดยมีนายใหญ่เป็นผู้หญิงวัย 30 ปี ชื่อ น.ส.เชา เฉียน มีลูกน้องอีก 2-3 คน พฤติการณ์โหด คือจะหลอกเพื่อนร่วมชาติเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นจะจับตัวเรียกค่าไถ่ เมื่อได้เงินก็จะปล่อยทันที จึงทำให้ไม่ค่อยมีข่าว หากไม่ให้เงินก็จะส่งต่อไปประเทศที่สาม เพื่อบังคับให้เป็นโสเภณี
บุกจับนักธุรกิจไต้หวัน รีด 30 ล้าน โชคดี ตร.ช่วยไว้ทัน
คดีนี้เกิดขึ้นในปี 2552 เมื่อนักธุรกิจชาวไต้หวัน คู่สามีภรรยา ได้เดินทางมาเมืองไทย และจู่ๆ ก็มีคนไทยและไต้หวัน อ้างเป็นตำรวจบุกจับตัวถึงสนามบิน แล้วนำตัวไปกักขัง ก่อนจะออกอุบายเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ 30 ล้านบาท
ก่อนลงมือ แก๊งคนร้ายประกอบไปด้วย ชายสัญชาติไต้หวัน 5 คน สัญชาติไทย 1 คน ได้สืบทราบว่าจะมีนักธุรกิจเดินทางมาเมืองไทย จากนั้นจึงไปดักรอที่สนามบิน และเมื่อเหยื่อเป็นคู่สามีภรรยาได้เดินทางมาถึงก็แสดงตัวอ้างเป็นตำรวจ ก่อนจะจับทั้งสองไปขังที่บ้านหลังหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ก่อนที่จะพาฝ่ายหญิงซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้านั่งเครื่องบินไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อเรียกค่าไถ่ โดยที่ยังจับตัวสามีเธอไว้
วันต่อมา แม่กับหลานอีก 2 คนเดินทางมาที่ประเทศไทย ก็ถูกแก๊งเดิม จับไว้อีก โดยแยกขังอีกที่หนึ่ง จากนั้นถูกบังคับให้โอนเงินมาให้อีก 2 ครั้ง รวม 9 แสนบาท
มากับครอบครัว ประกอบด้วย สามีของนักธุรกิจสาวกิจการเสื้อผ้า ที่มาพร้อมลูก 2 คน และมารดา จากนั้นก็อ้างว่า “สามี” ของเหยื่อมีคดีติดตัว จากนั้นก็พากันควบคุมตัวไปกักขังในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สมุทรปราการ
...
คดีนี้ตำรวจกองปราบได้ทราบข่าวจึงมีการประสานกับทางสิงคโปร์เพื่อช่วยเหลือนักธุรกิจสาวชาวไต้หวัน ขณะเดียวกันก็พยายามสืบจนทราบที่อยู่ของเหยื่อทั้ง 4 คน โดยถูกแยกขังที่บ้านหลังหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ และในพื้นที่เขตพัฒนาการ ย่านสวนหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บุกทลายที่บ้านทั้ง 2 หลัง และจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด... ส่วนเงินที่คนร้ายพยายามเรียกค่าไถ่ รวมเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2558 ศาลได้อ่านคำพิพากษาจำคุก แก๊งเรียกค่าไถ่ รวม 22 ปี
ยากูซ่า ญี่ปุ่น อุ้มรีด หวิดถูกฆ่าหั่นศพ
หากใครได้ติดตามข่าวก็จะทราบว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับ “คนจีน” จะมีมากมายหลายคดี แต่ก็มีเหตุที่เกี่ยวกับ “แก๊งยากูซ่า” ญี่ปุ่น ที่เคยก่อเหตุในเมืองไทยด้วย...
7 มิ.ย. 2560 ภรรยาชาวไทยของ นายวาตานาเบ้ ชินามิ เจ้าของบริษัทเครื่องมือแพทย์ ชาวญี่ปุ่นวัย 56 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ ว่า สามีถูกอุ้มหายไปจากย่านแจ้งวัฒนะเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.
จากนั้นคนร้ายได้โทรมาข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ ไม่เช่นนั้นก็จะฆ่าทิ้ง...
...
อย่างไรก็ตามเธอได้เข้าแจ้งความ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำ คือ การติดตามตัวนายวาตานาเบ้ พร้อมเส้นทางการเงิน ก็พบว่ามีการโยกย้ายเงินออกจากบริษัทจำนวนมาก
ตำรวจค่อยๆ แกะรอยตามเบาะแส จนกระทั่งพบความเคลื่อนไหวที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ชั้น 7 ห้อง 719 ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านคลองตัน จึงให้ตำรวจติดตาม คนร้ายขับรถเก๋งออกจากห้องมาซื้อของที่สุขุมวิท 26 ก่อนแสดงตัวบุกเข้าชาร์จ จากนั้นจึงสอบเค้นและรับสารภาพว่าได้จับตัว นายวาตานาเบ้ อยู่ที่ห้องพักดังกล่าว
ค่ำวันเดียวกันเจ้าหน้าที่สนธิกำลังบุกเข้าไปที่ห้องพักพบคนร้ายอีก 2 คน และ นายวาตานาเบ้ สภาพถูกมัดด้วยสายไฟอยู่บนเตียง สภาพถูกทรมาน โดนตีด้วยไม้เบสบอล ขาซ้ายเป็นแผล ขาขวาหัก และลำตัวช้ำ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
ขณะที่คนร้าย 3 คน ประกอบด้วย นายเรโอ ซูรุโซเละ อายุ 41 ปี, นายโคโยโตะ มิยาตะ อายุ 57 ปี และ นายมาซาโตะ โคบาริ อายุ 45 ปี ทั้งหมดเป็นชาวญี่ปุ่น
และที่น่าสะพรึงคือภายในห้องพบเลื่อย ถุงพลาสติกสีดำ ผ้ายางรองพื้น คล้ายจะเตรียมเอาไว้ฆ่าหั่นอำพรางศพ
...
ตำรวจเชื่อว่าหากบุกไปช่วยเหลือช้ากว่านี้ นายวาตานาเบ้ คงไม่รอด...
อย่างไรก็ตามจากการสืบค้นข้อมูลของ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จากหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ พบว่า คดีที่เกี่ยวกับการจับตัวเรียกค่าไถ่ ส่วนมากจะก่อเหตุโดยคนจีน และจับตัวคนจีนด้วยกัน ส่วนชนวนการก่อเหตุ เรียกค่าไถ่ก็มีหลายส่วน อาทิ แก๊งมาเฟีย หรืออาชญากรรม การทวงหนี้ รวมไปถึงเรื่องปัญหาส่วนตัว
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ปัญหาเรื่องนี้ทางตำรวจได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถานทูตจีน กับคดีล่าสุดจากคดีลักพาตัว กลายเป็นคดีฆาตกรรม ตอนนี้ตำรวจกำลังติดตามขยายผล คงต้องรอทางเจ้าหน้าที่ที่สืบคดีมาแถลงข่าวอีกครั้ง ที่สำคัญคือปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยจำนวนมาก
“สิ่งที่เราจะพยายามทำ คือ ได้ประสานทุกหน่วยงานทั้ง ตม. ตร.ท่องเที่ยว และหน่วยงานอื่นๆ เพราะเราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองไทย ซึ่งใครที่เข้ามาใช้ความรุนแรงในประเทศ ก็ถือเป็นมาเฟีย ส่วนจะเกี่ยวกับกลุ่มก้อนใหญ่ที่เป็นมาเฟียประเทศนั้นๆ หรือไม่ คงจะต้องประสานกับทางการประเทศนั้นๆ ต่อไป”.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ