ตอนนี้หลายคนมีโอกาสได้ชม ซีรีส์เรื่องใหม่ของ “ซง ฮเย กโย” (Song Hye-Kyo) นางเอกระดับ A-list ของเกาหลีใต้ ซึ่งพลิกคาแรกเตอร์ เป็นสาวที่ถูกรังแกในสมัยเรียน และเก็บงำความแค้นถึง 16 ปี เพื่อมาเอาคืนอย่างสาแก่ใจ

เรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก ถึงขนาดคนที่เคยถูก “รังแก” หรือ การบูลลี่ (Bully) ออกมาให้ความเห็น ซึ่งบางคนก็ถึงขั้นเปิดเผยว่า ในอดีตเคยถูก “ดารา” ที่มีชื่อเสียงในเวลานี้กระทำ

ปฐมบทแห่งการแก้แค้นมาจากการ “บูลลี่” หรือ รังแก กันในรั้วโรงเรียน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และกลายเป็นเหตุร้ายในหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจ ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น โดยมีต้นตอมาจากการ Bully ....

จำคุก 2 นักเรียนเกาหลีใต้ กลั่นแกล้งเพื่อนจนฆ่าตัวตาย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 สื่อต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึงเหตุการณ์ที่น้อยครั้งจะมีการตัดสินโทษ เมื่อศาลเมืองแดกู ตัดสินจำคุกเด็กชายวัย 15 ปี 2 คน เป็นเวลา 3 ปี และ 3 ปีครึ่ง ข้อหารังแก ทุบตี เพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องอีกคน จนตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นับเป็นการลงโทษที่หายากในประเทศ

...

ผู้พิพากษา ยาง จิ-ยอง ตัดสินว่า เด็กชายจอมเกเรทั้งคู่มีความผิดจริง ในข้อหาทุบตี และหยามหมิ่นเพื่อนร่วมชั้นนานหลายเดือน...

พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันมาทุบตี ขัดขวางไม่ให้เข้าห้องเรียน บังคับให้เอาศีรษะจุ่มอ่างล้างจาน กินขนมปังกรอบจากพื้นดิน รังควานและหยามหมิ่น รังควาน ทำลายชีวิตประจำวัน จนทำให้จิตใจเหยื่อแตกสลาย จนกระทั่งเขาตัดสินใจคิดสั้น

“โทษจำคุกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะศาลไม่อาจจัดการกับพวกเขาอย่างลวกๆ” ยาง จิ-ยอง กล่าว

ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในช่วงเวลานั้น และต้องเร่งออกมาตรการแก้ปัญหา โดยมีการเพิ่มครูที่ปรึกษาเพื่อเยียวยาจิตใจเด็ก...

หนุ่มเกาหลี ฆ่า 33 ศพ ในสหรัฐฯ ป่วยจิต โดนบูลลี่

เหตุการณ์ “กราดยิง” เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สหรัฐฯ เนื่องจากอาวุธปืนสามารถหามาไม่ได้ยาก แต่คราวนี้แตกต่างเพราะคนที่ลงมือ คือ หนุ่มเกาหลี วัย 23 ปี คือ นายโช ซง ฮุย โดยเขาไปฆ่าอดีตแฟน และเพื่อน รวม 32 ศพ ก่อนจะปลิดชีพตัวเอง

ก่อนลงมือก่อความรุนแรง นายโช ได้ถ่ายคลิปตัวเอง และโพสต์ท่าถือปืน พร้อมกล่าวระบายความคับแค้นใจที่โดนเหยียดหยาม ชิงชังในสังคมในรั้วมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ที่อยู่กันอย่างฟุ้งเฟ้อ

เพื่อนนายโซ บอกว่า สมัยเด็ก ตอนที่เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในรัฐเวอร์จิเนีย นายโช ถูกกลั่นแกล้งด้วยวาจา และการกระทำโดยตลอด อาจเพราะเป็นคนขี้อาย และเป็นคนแปลกที่ชอบพูดพึมพำ

ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์ให้อ่านออกเสียง แต่นายโช ไม่อ่าน และไม่พูดอะไร จนอาจารย์ขู่ว่าจะให้สอบตก นายโช จึงยอมอ่าน แต่ด้วยน้ำเสียงพิลึก และประหลาด จนเพื่อนๆ ก็หัวเราะและล้อเขา และไล่เขากลับไปประเทศจีน

ขณะที่ครอบครัว นายโช บอกว่า ปกติเป็นคนเงียบเกินไป จนกระทั่งย้ายถิ่นฐานมาที่สหรัฐฯ ได้ไปปรึกษาแพทย์ และจิตแพทย์ระบุว่านายโช อาจป่วย “ออทิสติก” แต่จากรายงานทางการแพทย์ที่ตำรวจได้รับมา กลับไม่ได้ระบุถึงอาการป่วยดังกล่าว

ด้านนายเจมส์ อแลน ฟอกซ์ อาจารย์ด้านอาชญาวิทยา ม.นอร์ธอีสเทิร์น มีความเห็นว่า คดีนายโช เป็นคดีหนึ่งที่ตรงกับลักษณะทางจิต ที่พฤติกรรมเป็นฆาตกรสังหารหมู่ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทับถม การถูกกลั่นแกล้ง ไม่มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น โกรธแค้นสังคม โทษผู้อื่นจนคิดอยากแก้แค้น มีการวางแผนในการสังหารมาอย่างดี และเป็นผู้ชาย...

...

บูลลี่แบบไทยๆ กับบทลงเอยที่จบด้วยความเศร้า

ล้อ ทอม ตุ๊ด เสียชาติเกิด กะซวกพรุน

ย้อนกลับไป ปี 2548 เกิดเหตุสลด ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อพบศพเด็กชาย ม.3 วัย 14 ปี ถูกฆ่าโหดแทงร่างพรุน 24 แผล คอถูกปาดเสียชีวิตริมถนน

แต่เมื่อมีการสืบสวน กลับพบว่า สาเหตุมาจากเรื่องการ บูลลี่กันระหว่างเพื่อน โดยตำรวจไปจับผู้ก่อเหตุได้ เพราะขี่ จยย. ของผู้ตาย โดยผู้ก่อเหตุเป็นเพียง เด็กชายวัย 15 ปี และ เด็กหญิงวัย 14 ปี

ทั้งสองสารภาพว่า ได้ลวงเหยื่อมาที่เกิดเหตุ ก่อนลงมือใช้มีดแทงด้านหลัง จากนั้นก็กระหน่ำแทงไม่ยั้ง โดยให้เด็กชายเป็นคนล็อก เด็กหญิงเป็นคนแทง ก่อนจะสลับมีดกันแทงซ้ำ

ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ผู้ตายมักล้อเลียนเด็กหญิงว่า เป็นทอม เกิดมาเสียชาติเกิด ขณะที่ล้อเด็กชายว่า เป็นตุ๊ด กะเทย และชอบล้อชื่อพ่อแม่

ขณะที่แม่เด็กหญิงก็ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนลงมือ เพราะสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

ถูกล้อ ไม่มีพ่อแม่ ลงเอย ทำร้ายตัวเอง

อีก 2 เคส ที่ลักษณะใกล้เคียงกัน แต่คราวนี้ แต่จบด้วยความเศร้า

...

เคสแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 เด็กหญิงอายุ 12 ปี แอบเอาปืนพ่อมาก่อเหตุยิงตัวตาย สาเหตุเพราะ ถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อแม่ ต้องอาศัยอยู่กับตายาย

เพื่อนของเด็กหญิงที่เสียชีวิต บอกว่า การไม่มีพ่อแม่ของเธอ กลายเป็นปมด้อย ให้เพื่อนมาล้อเลียนตลอดเวลา บางวันถึงกลับต้องแอบไปร้องไห้คนเดียว ทั้งที่เป็นคนเรียนเก่ง แต่กลับมีนิสัยเงียบขรึม ถึงแม้ตายายจะเลี้ยงดูอย่างดี แต่เมื่อถูกตอกย้ำบ่อยๆ จนกลายเป็นความเครียด..

ส่วนอีกเคส คล้ายกันเกิดขึ้นในปี 2554 เด็กหญิงวัย 15 ปี โดนล้อไม่มีพ่อแม่ ถึงกับสารพิษเสียชีวิต

พี่ชายบอกว่า พ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว อยู่กันเพียง 2 คนพี่น้อง ยังโชคดีที่มีญาติสละเงินคอยช่วยเหลือให้น้องได้เรียน น้องได้กลับมาบ้านบอกว่า โดนเพื่อนล้อไม่มีพ่อแม่ รู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ก็ได้แต่ปลอบว่าชีวิตคนไม่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าน้องจะคิดสั้น พอตอนเช้า ไปดูน้อง ก็เห็นว่าเสียชีวิตแล้ว..



เด็กหญิงวัย 11 ปี ถูก บูลลี่เกิดมาจน โดนรังแกอย่างรุนแรง

เคสนี้ เกิดขึ้นในปี 2562 เด็กหญิงคนนี้ก่อเหตุสลด และกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เพราะสมองขาดอากาศ

...

พ่อของเธอได้เข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ บอกว่า ช่วงเดือนกันยา ลูกเคยถูกเพื่อนชาย 3 คนรุมแกล้ง โดยถูกจับกดกับพื้นและใช้เท้าเหยียบกดที่แขนขา และมี 1 ใน 3 คนนั้น เหยียบที่หน้า จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำกลับบ้าน

เมื่อถามความรับผิดชอบไปที่โรงเรียนก็ได้คำตอบว่า “เด็กๆ เล่นแรงไปหน่อย...ได้ทำการตักเตือนไปแล้ว”

บางวันเด็กหญิงวัย 11 ขวบกลับบ้าน มากอดพ่อ พร้อมกับร้องไห้โฮ เล่าว่าถูกล้อ บ้านจน ตัวเตี้ย ตัวดำ พ่อขี่ จยย. ขนขยะมาส่ง เพราะพ่อเป็นพนักงานเก็บขยะของเทศบาล

“ผมไม่รู้ว่า ผมทำให้ลูกเสียใจ กดดัน หรือน้อยใจหรือไม่...”

ก่อนเกิดเหตุไม่รู้ว่ามีใครมาล้อลูกหรือไม่ เพราะลูกเองก็เป็นคนร่าเริง ไม่มีทีท่าจะคิดสั้น

ทั้งหมดทั้งมวล คือ กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ที่มีต้นตอมาจากการกลั่นแกล้งจนกลายเป็นความเครียด ซึมเศร้า ทำร้ายตัวเอง และการแก้แค้น ถึงแม้หลายๆ หน่วยงานพยายามแก้ไข ด้วยวิธีการต่างๆ แต่ทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างเงียบเฉียบในจิตใจของผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ คนที่เป็นพ่อแม่ต้องหมั่นใส่ใจดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ