ขึ้นชื่อว่าเป็น “คน” ย่อมมีความคิดที่แตกต่าง ปัญหาที่แตกต่าง และก็มักนำไปสู่ความขัดแย้ง หากเป็นระดับคนทั่วไป ก็อาจจะชกต่อย ลามไปถึงการทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าความขัดแย้งเกิดขึ้นในระดับองค์กร หน่วยงาน มันจะบานปลายและกลายเป็นเรื่องใหญ่

ในอดีตหลายครั้งหลายครา ที่คนมีสีเคยเกิดความขัดแย้งกัน และมีอยู่ครั้งหนึ่งถึงขั้นบานปลายควงปืนยกพวก บุกโรงพัก จับเมียสารวัตร เป็นตัวประกันมาแล้ว

3 นาที Short Story สัปดาห์นี้จะขอพาทุกท่านไปย้อนรอยเหตุการณ์หนึ่ง ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยเป็นความขัดแย้งระหว่าง “ทหารพราน” กับ “ตำรวจ” ในพื้นที่ จ.จันทบุรี

จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย เกิดขึ้นยามดึก ราว 5 ทุ่มกว่า ของวันที่ 23 ตุลาคม 2524 จู่ๆ ก็มี ทหารพราน กว่า 10 คน ควงอาวุธสงคราม บุก สภ.เมืองจันทบุรี บุกปรี่เข้ามาจี้ จ.ส.ต.สุเวทย์ วิสุทธิพิทักษ์ นายสิบเวร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ อยู่ในเหตุการณ์จำนวนหนึ่ง

จากนั้น ก็บุกไปที่ห้องขัง ใช้ปืนยิงกุญแจจนกระเด็น จากนั้นได้นำตัวชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนทหารพรานออกมาจากห้องขัง และก่อนจะจากไป ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหลายชุด สร้างความแตกตื่นกับชาวบ้านใกล้เคียง

เกิดอะไรขึ้น! ทำไมกลุ่มทหารพราน ถึงอุกอาจ ลงมือกระทำอย่างกับบ้านเมืองไร้ขื่อแป..

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ราว 1 ชั่วโมง เมื่อเวลา 4 ทุ่ม พ.ต.ท.ชัยณรงค์ ว่องวิชัย สารวัตรใหญ่ สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ออกตรวจที่ถนนสายพระยาตรัง และได้ไปพบ นายสนั่น กองจินดา อายุ 23 ปี ทหารพรานประจำหน่วยนากวิกโยธินบ้านโป่งน้ำร้อน พร้อมอาวุธสงคราม ปืน เอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุน จึงได้ทำการจับกุมตัว และส่งดำเนินคดีดังกล่าว คาดว่า หลังพรรคพวกนายสนั่น ทราบเรื่อง จึงพากันมาบุกโรงพักชิงตัว

...

แต่...เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น

เมื่อรถที่กลุ่มทหารพรานนำกำลังมาบุกโรงพัก กลับเป็นรถสองแถวที่เช่ามา โดย มี ส.อ.วิชัย สวัสดิมงคล อายุ 37 ปี อดีตทหารนอกราชการเป็นคนขับ เมื่อกลุ่มทหารพรานชิงคนจากตำรวจได้แล้ว ก็มุ่งหน้าใช้เส้นทางจันทบุรี-สระแก้ว และไปเจอกับด่านตรวจ ซึ่งมีนาวิกโยธิน จำนวน 14 นาย และตำรวจ 10 นาย ร่วมกันตั้งด่านหลังได้รับคำสั่งทางวิทยุให้สกัดจับแก๊งทหารพรานเหล่านี้...

ทหารพรานติดอาวุธครบมือ เผชิญหน้ากองกำลังผสม ตำรวจและนาวิกโยธินที่มีอาวุธครบมือเช่นเดียวกัน...คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น

มีรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ ส.อ.วิชัย เห็นว่าข้างหน้ามีด่าน... คนในรถจะให้แหกด่าน แต่ ส.อ.วิชัย ไม่กล้า

ปัง!

ระหว่างนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้น ส.อ.วิชัย ถูกยิงเข้าหัวเสียชีวิต และทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น สองฝ่ายก็เปิดฉากยิงใส่กัน รถทหารพรานที่พยายามแหกด่าน ถูกยิงยางแตก รถพุ่งลงข้างทาง แต่ก็ยังมีเสียงปืนดังต่อเนื่อง จนกระทั่ง จู่ๆ ก็มีรถบรรทุกเล็กสีน้ำตาลของชาวบ้านผ่านมา

กลุ่มทหารพรานจึงใช้ปืนจี้ และนำตัวคนเจ็บขึ้นรถ 2 คน โดยเอาศพ ส.อ.วิชัย ขึ้นรถ และขับฝ่าผ่านด่านที่มีนาวิกโยธินไป... ซึ่งกลุ่มนาวิกฯ และเจ้าหน้าที่ ไม่อยากที่จะลงมือเต็มที่ เพราะหากมีการยิงถล่มกันจริงๆ คงมีคนเจ็บตายจำนวนมาก

กลุ่มทหารพราน นำตัวคนเจ็บ 2 คน ส่งโรงพยาบาลโป่งน้ำร้อน ทราบชื่อต่อมา คือ นายปราโมช (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ นายวรรณา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี กลุ่มตำรวจ นำโดย พ.ต.ต.สมเจตต์ ศิริกุล สารวัตรใหญ่ สภ.อ.โป่งน้ำร้อน กำลังไปล้อม และอายัดตัว 2 ผู้ต้องหาไว้ สถานการณ์

สถานการณ์ที่โรงพยาบาลสุดตึงเครียด ตำรวจ เผชิญหน้ากับ ทหารพราน แต่ ณ ดินแดนแห่งความสันติที่โรงพยาบาล ไม่มีฝ่ายใดกล้าที่จะกระทำการรุนแรง

แต่ใช่ว่า...จะจบเพียงเท่านั้น เพราะมีพรรคพวกกลุ่มทหารพรานที่ก่อเหตุอีก 4 ทหารพราน แอบไปบ้านพักสารวัตรใหญ่ และใช้ปืนจี้ นางวีณา ศิริกุล ภรรยา พ.ต.ต.สมเจตต์ เอามาเป็นตัวประกัน เพื่อใช้ต่อรองเจรจากับตำรวจ

กลุ่มทหารพราน ยื่นข้อเสนอ กับ พ.ต.ต.สมเจตต์ ขอให้ไม่ดำเนินคดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่เป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา...ให้จับทุกคนที่ก่อเหตุดำเนินคดีให้หมด”

...

การเจรจาเกิดขึ้น โดยมี เมียของสารวัตรใหญ่เป็นตัวประกัน จบลงด้วยความล้มเหลว เพราะ พ.ต.ต.สมเจตต์ ยืนยันว่าต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไป โดยไม่มีเหตุรุนแรง โดยทั้ง 2 ฝ่าย ยอมแลกตัวประกัน เมื่อกลุ่มทหารพรานที่ก่อเหตุยอมปล่อยตัว เมียสารวัตรใหญ่ แลกกับ การปล่อย 2 ทหารพรานที่รักษาตัวเสร็จกลับเข้าที่ตั้งหน่วย 502 โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตามไปห่างๆ

เมื่อขับรถคันเดิมใกล้ถึงค่าย กลุ่มทหารพรานก็ทิ้งรถที่จี้มา แล้ววิ่งเข้าไปในค่าย เมื่อกลุ่มทหารพรานเข้าไปแล้ว ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบที่รถพบศพโชเฟอร์ ส.อ.วิชัย

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ ผู้หลักผู้ใหญ่ ตำรวจ และฝ่ายปกครองต้องหารือเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหา พ.ต.อ.อำนาจ มงคลคูณ ผู้กำกับจันทบุรี ได้พูดคุยกับ นายบุญนาค สายสว่าง ผวจ.จันทบุรี ขณะที่ทางกองทัพฯ ในเวลานั้นยังไม่มีท่าทีอะไรออกมา

เบื้องต้น ทางฝ่ายตำรวจ ได้ตั้งข้อหาหนักกับผู้เกี่ยวข้อง 4 ข้อหา
1.ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
2.ทำให้เสียทรัพย์สินของราชการ
3.ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
4.ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
5.ฆ่าคนตายโดยเจตนา

...

เช้าวันรุ่งคืน 24 ต.ค. พ.ต.ท.สุชาติ สุขีไร และ พ.ต.ท.ประพันธ์ ยุกตานนท์ สอง รองผู้กำกับจันทบุรี พร้อมฝ่ายพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวร ได้ดินทางไปตรวจสอบที่จุดปะทะ

ที่เกิดเหตุพบเศษกะโหลกของโชเฟอร์ขับรถสองแถว และเศษเลือดแห้งกรัง ตัวอาคารด่านเขาเกลือมีรอยกระสุนยิงพรุน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บถูกยิง แต่ด้วยความโชคดี กระสุนพุ่งเข้ามากลางอก แต่ไปโดนแม็กาซีนกระสุนเอ็ม 16 แตกกระจาย จึงได้รับบาดเจ็บไม่มาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกลงบันทึกประจำวันไว้ทั้งหมด

จากเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทำให้ฝ่ายตำรวจ ยื่นคำขาดกับฝ่ายทหารว่า เรื่องนี้ “รอมชอมกันไม่ได้” ขณะที่ฝ่ายทหารในเวลานั้น ก็ต้องแก้ปัญหา โดย พล.ร.อ.สมบูรณ์ เชื้อพิบูลย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ขณะนั้น) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า

“เรื่องนี้ทางทหารเรือและตำรวจจะพยายามทำงานร่วมกัน เพื่อเจรจาให้ทหารพรานเหล่านี้มอบตัว ถ้าสอบสวนและพบว่าทำผิดจริงก็ต้องว่าไปตามผิด และมีโทษถึงขั้นไล่ออก เนื่องจากทหารพรานเหล่านี้เป็นเพียง “อาสาสมัคร” เท่านั้น”

ทหารพรานนั้นมีจำนวนมาก ดีก็มี ชั่วก็มี แต่เราจำเป็นต้องมี เพราะหน่วยทหารพรานมีความจำเป็นในบางท้องที่ โดยเฉพาะหน่วยกำลังจันทบุรี-ตราด ซึ่งเป็นหน่วยติดชายแดน เราต้องเผชิญกับข้าศึกตลอดเวลา ขณะที่สถานการณ์ภายใน ก็มีปัญหา พรรคคอมมิวนิสต์

ในเวลาต่อมา คดีนี้เริ่มคลี่คลายลง นาวาเอกมนูญ เรื่องฉายม หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ ทหารพรานนาวิกโยธิน ได้เข้าพบ เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมนำรายชื่อผู้ก่อเหตุทั้งหมด 11 คน มอบให้กับตำรวจเพื่อดำเนินคดี

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

...

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ