คนทำผิด ย่อมได้รับโทษ แต่เมื่อนักโทษ ไม่อยากอยู่ในคุก ก็เลยรวมหัวกันแหก!!

3 นาที Shorts Story สัปดาห์นี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านไปย้อนรอยเหตุการณ์สุดระทึก กับคดี “แหกคุก” ในตำนาน อีก 1 คดี ที่คราวนี้จบลงด้วย คมกระสุน เสียงระเบิด และการนองเลือด

เหตุการณ์ที่คล้ายกับหนังฮอลลีวูด แต่งานนี้ไม่มีพระเอก นางเอก หรือตัวประกอบ มีเพียงฉากความตึงเครียดเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม 2528 ปีที่มีเหตุการณ์อาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย และอีกไม่กี่ชั่วโมงจะข้ามปี 2529 ก็เกิดเหตุจลาจลภายในคุก จ.สกลนคร

ณ เวลา ประมาณ 12.00 น. แก๊งนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ 13 คน นำโดย นช.ทองพูน สายวงศ์ นช.อุดม พานิจ นช.ประมวล เพ็ญสุวรรณ นช.ถวิล ศรีสรรค์ นช.บัวตอง ลัยพิศาล นช.ชัยรัตน์ ปรีกุล นช.เติม ขันติตะ และพวกอีก 6 คน เหิมคิดก่อการจลาจล และหวัง “แหกคุก”

โดยหยิบจับอาวุธ เป็นเหล็กขูดชาร์ป ตะไบ เหล็กแป๊บ และระเบิดชนิด “เอ็ม 26” รวม 3 ลูก ได้จับตัวประกัน ประกอบไปด้วย นายบรรเจิด พลับพลึง ผบ.เรือนจำสกลนคร พร้อมกับผู้คุมอีก 5 คน โดย 1 ใน 5 เป็นผู้คุมหญิง โดยยังไม่สามารถหนีออกมาได้ เนื่องจาก ติดกรงเหล็กบริเวณเรือนรับเยี่ยม ใกล้ทางออกหน้าเรือนจำ

ช่วงอึดใจ พ.ต.อ.นภา ปาณิกบุตร ผู้กำกับ สภ.เมืองสกลนคร (ในขณะนั้น) ได้เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับกลุ่มนักโทษ

ด้วยสถานการณ์ที่ได้เปรียบ กลุ่มนักโทษชาย ไม่มีทีท่าว่าจะวางอาวุธ แถมยังก่อเหตุวุ่นวายด้วยการจุดไฟเผา เรือนรับเยี่ยม ทำลายข้าวของ ขว้างปากระจกจนแตกเสียหาย สิ่งของพังพินาศ ตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำเข้าไปสกัดคุมเพลิงไว้ได้

...

นอกจากนี้ ยังมีนักโทษคนหนึ่ง ขว้างระเบิด ใส่กลุ่มตำรวจ ที่รวมตัวกันอยู่ด้านทิศตะวันตกของเรือนจำ กลุ่มตำรวจแตกฮือ วิ่งหนีตาย....

เดชะบุญ ระเบิดด้าน!!

การเจรจาเกลี้ยกล่อมยังดำเนินต่อไป แต่ก็ดูทีท่าจะไร้ผล กลุ่ม นช. เรียกร้อง ขอปืน 1 กระบอก รถยนต์เติมน้ำมันเต็มถัง และเปิดประตูเรือนจำ...

ก่อนจะมาถึงจุดนี้...เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า 

เราขอย้อนกลับไปในช่วงเช้าของวัน ก่อนเริ่มแผนแหกคุก วันนี้ ถือเป็นวันเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ทางเรือนจำ ได้จัดอาหารเลี้ยงปีใหม่ ให้แก่นักโทษ 474 คน เมื่อกินอาการเสร็จ นายบรรเจิด ผบ.เรือนจำ ได้เดินทางออกไป และกลับเข้ามาอีกครั้งในเวลา 11 โมง

ช่วงจังหวะนี้เอง กลุ่ม 13 นช. ที่มีคดีปล้นฆ่า ได้หยิบจับอาวุธ จับ ผบ.เรือนจำ และอีก 5 ผู้คุม จี้บังคับเปิดประตูด้านใน ออกมาที่เรือนเยี่ยม โดยขังนักโทษที่เหลือไว้อีกแดนหนึ่ง...

กลับมาที่สถานการณ์ หลังกลุ่ม นช. ได้ยื่นข้อเรียกร้องผ่านไป 2 ชั่วโมงผ่านไป เวลา 14.00 น. ก็ได้คำตอบ เมื่อปลายสายจาก นายสนิท รุจิณรงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ยื่นคำขาดว่า “ห้ามปฏิบัติตามข้อเรียกร้องนักโทษเด็ดขาด! พร้อมคำสั่งว่า ให้เจรจาถ่วงเวลาให้นานที่สุด”

ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น กลุ่มนักโทษได้ใช้วิธีสุดโหด ด้วยการ นำผ้าขาวม้าผูกมือตัวประกันทั้งหมด ให้อยู่รวมกัน จากนั้น ได้มี นช.รายหนึ่ง กุมระเบิดไว้ และล็อกคอ นายบรรเจิด ผบ.เรือนจำ เพื่อข่มขู่ โดยมีผู้คุมเรือนจำและเจ้าหน้าที่นับร้อย ยืนดูบริเวณหน้าเรือนจำ โดยไม่สามารถทำอะไรได้

3 ชั่วโมงผ่านไป เวลา 15.00 น. กำลังทหารเข้าประจำการ โดยมี ฮ. 2 ลำบินวนอยู่

5 ชั่วโมงผ่านไป 17.00 น. นายตำรวจใหญ่มาถึงประชุมวางแผน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับ กลุ่มทหาร และตำรวจ ได้นำกำลังจำนวนปีนกำแพง เข้าไปเรือนนักโทษ เพื่อทำการต้อนนักโทษที่เหลือเข้าห้องขัง ไม่ให้เดินเพ่นพ่าน

ช่วงพลบค่ำ เจ้าหน้าที่ตัดไฟเรือนจำทั้งหมด ยกเว้น การฉายสปอตไลต์ 2 ดวง ส่องไปที่เรือนรับเยี่ยม นอกจากนี้ ยังใช้แผนการตัดน้ำประปา เพื่อให้กลุ่มนักโทษเกิดการกระหายน้ำ และหวังจะวางยาสลบในน้ำ เพื่อให้นักโทษกินน้ำผสมยาสลบ...

แต่แผนดังกล่าว ก็ไม่ได้ผล เพราะกลุ่ม 13 นช. ไม่ยอมดื่มน้ำ

กว่า 7 ชั่วโมงผ่านไป เวลา 19.20 น. กลุ่มนักโทษ ได้ทำลายประตูทางออกได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ออกมา เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้เตรียมรถไว้ให้ ขณะเดียวกัน พวกนักโทษเริ่มลดท่าทีแข็งกร้าวลง เพราะเริ่มอดอาหาร จึงร้องขอข้าวและน้ำจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางตำรวจก็ส่งมอบให้ผ่านกรงเหล็ก ระหว่างที่พวกนักโทษกำลังกินข้าว ก็ให้ตัวประกัน นั่งล้อมวงกันไว้

...

ขณะที่ ผบ.เรือนจำ 1 ในตัวประกัน ได้พูดผ่านกรงบอก พ.ต.อ.นภา คนที่คอยเจรจาว่า จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ได้

19.55 น. พล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ รมว.มหาดไทย ได้โทรทางไกล เข้าโทรศัพท์บ้าน ผบ.เรือนจำ สั่งการผ่าน พ.ต.อ.นภา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งดังนี้

1.พยายามเกลี้ยกล่อม
2.ห้ามรับเงื่อนไขทุกกรณี และยื่นคำขาดให้นักโทษปล่อยตัวประกัน กลับเข้าห้องขังแต่โดยดี
3.ถ้าเกิดเหตุการณ์สมควรแก่ให้เหตุ ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมรับคำสั่งจาก รมว.มหาดไทย

11 ชั่วโมงผ่านไป... เวลา 23.00 น. อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และคณะ ร่วมประชุมวางแผน พล.ต.ต.เทพ ดุษฎี ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 เรืออากาศตรีประพฤติ ร่วมวงศ์ รอง ผวจ.สกลนคร

ขณะนั้นเอง แก๊งนักโทษ ได้ตะโกนออกมา จะขอเจรจา โดยเรียกร้องขอ เสื้อกันหนาว น้ำร้อน ยาอม เนื่องจาก ผบ.เรือนจำ จะเป็นลม และผู้คุมหญิงมีอาการหนาวสั่น

แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้บัญชาเหตุการณ์ ก็ปฏิเสธทันที บอกว่า รับคำสั่งจาก รมว.มหาดไทย ไม่ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขนักโทษ พร้อมขู่ว่า

“หากนักโทษคนใดคิดหนี จะให้เจ้าหน้าที่ยิงทันที!”

01.00 น. เข้าสู่วันปีใหม่ ทีมเจ้าหน้าที่วางกำลังพลแม่นปืนไว้ 5 คน โดย เป้าหมายหลักครั้งนี้ คือการเด็ดหัว นช.สมเกียรติ นักโทษคดีปล้นฆ่า ที่เป็นหัวโจกวางแผนแหกคุกครั้งนี้ ร่วมกับน้องชาย นช.ถวิล หัวหน้าแก๊งยาเสพติด

06.00 น. กว่า 18 ชั่วโมงผ่านไป นายพีระ บุญจริง ผวจ.สกลนคร เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เป็นคนเข้าไปเจรจากับคนร้าย บอกให้ส่งข้อเรียกร้องมา และกลุ่มคนร้ายก็เขียนใส่กระดาษมา บอกว่า ต้องการรถตู้ น้ำมันเต็มถัง ปืน 2 กระบอก พร้อมกระสุน “ถ้าไม่ได้...ก็จะตัดสินใจเอง”

...

นี่คือ คำขาดจากฝั่ง 13 นช.

07.30 น. เจ้าหน้าที่พาพ่อแม่ นช.สมเกียรติ มาเกลี้ยกล่อม ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น นักโทษอีกคนชูระเบิดขึ้น ประกาศลั่นให้ถอยไป!

“ให้เวลาจนถึง 10 โมง หากไม่ยอม จะฆ่าตัวประกันทิ้ง!!”

สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด

09.25 น. กลุ่มนักโทษเริ่มแง้มประตูออกมา อธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็เกลี้ยกล่อม ให้ยอม กลุ่มนักโทษก็ยังไม่ยอม โดยแง้มเปิดเข้าออกถึง 4 ครั้ง

10.05 น. นช.ทองพูน แง้มประตูออกมาครั้งที่ 5 โดยล็อกคอ ผบ.เรือนจำไว้ จังหวะที่ นช.ทองพูน ชะล่าใจ นายบรรเจิด ผบ.เรือนจำ ที่แกล้งทำท่าทีอิดโรย ก็ฉวยโอกาส สะบัด นช.ทองพูนจนหลุด และวิ่งหนี ออกมา นช.ทองพูน กำระเบิด เอ็ม 26 อยู่ จะวิ่งตาม แต่..ไปสะดุด เหล็กกั้นประตู

เสี้ยววินาทีนี้เอง... ปัง ปัง เจ้าหน้าที่ยิงปืนขึ้นฟ้าให้สัญญาณ

หน่วยแม่นปืน กดเปรี้ยง! กระสุนพุ่งเจาะเข้าหัวใจอย่างแม่นยำ นช.ทองพูน เสียชีวิต ระเบิดในมือก็คลายออก

...

ตูม!!

สะเก็ดระเบิด เข้าหน้าอก นายบรรเจิด ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงสาหัส

เสียงระเบิดที่ดังขึ้น... เหมือนสัญญาณปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจยิงหูดับตับไหม้เข้าใส่คนร้าย

ตัวประกันที่เหลือพรางหมอบหลบวิถีกระสุน

ช่วงเวลานี้เอง ผู้คุมหญิง ได้ฉวยจังหวะ วิ่งหนีออกมาจนพ้นประตู หนีรอดมาได้ คนร้ายอีกคนถลาออก มา ก็ถูกยิงดับ เป็นรายที่สอง

กลุ่มนักโทษ ระส่ำระสาย คิดว่าไม่น่าจะรอดความตายไปได้ จึงกระแทกระเบิดในมือ กะตายพร้อมกันทั้งหมด

ตูม!! เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังระดมยิง อย่างหูดับตับไหม้ ต่อ

10 นาทีผ่านไป จึงมีคำสั่งหยุดยิง เมื่อเข้าตรวจสอบ นักโทษตายทันที 8 ศพ หายใจรวยรินค่อยๆ สิ้นใจตายตามไปอีก 2 ส่วนอีก 2 คน เดินชูมือยอมจำนน

ส่วนผู้คุมเรือนจำ ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ได้รับบาดเจ็บทุกคน คนที่สาหัสที่สุด คือ นายสมพงษ์ เจริญเลิศ ถูกสะเก็ดระเบิด ขาขวาเป็นแผลเหวอะ ต้องถูกตัดขาในเวลาต่อมา ส่วน ผบ.เรือนจำ ซี่โครงหัก 2 ซี่ ที่เหลือ ก็ถูกสะเก็ดระเบิดตามตัว ซึ่งแพทย์ได้รักษาจนพ้นขีดอันตราย

ส่วนนักโทษอีก 1 คน ที่เหลือ ตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่า พยายามหลบซ่อนตัว แต่ที่จริงไม่ใช่ เขาได้ถูกเพื่อนร่วมแก๊งฆ่าตาย ตั้งแต่บ่าย วันที่ 31 ธ.ค. แล้ว เชื่อว่าน่าจะมีปัญหากันเอง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานต่อมาว่า 2 นักโทษ ที่รอดพ้นห่ากระสุน ก็ได้จบชีวิตลง โดยมีคำอ้างจากเจ้าหน้าที่ว่า พวกเขาพยายามหลบหนี ช่วงชุลมุนตอนเก็บศพนักโทษคนอื่น

สำหรับปฏิบัติการแหกคุกครั้งนี้ ใช้เวลาคลี่คลายรวม 22 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การตายของ 13 นักโทษ โดยเฉพาะ 2 คนที่ยอมจำนน กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง แต่ในที่สุดก็เงียบหายไป ขณะที่ต้นตอของปัญหา เรื่องคุกแออัด ก็ยังมีการพูดถึงมาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

**หมายเหตุ จากข้อมูลทั้งหมด ไม่มีการกล่าวถึงที่มาของระเบิดทั้ง 3 ลูก ว่าเป็นมาอย่างไร..**

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ