อุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม?
จนถึงป่านนี้ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หลังจาก “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ตกเรือสปีดโบ๊ต โดยมีคนบนเรืออีก 5 คน อยู่ในขณะเกิดเหตุ
ปัญหาของคดีนี้ที่ตำรวจและคนบนโลกโซเชียลมีเดีย ตั้งข้อสังเกตมากมาย มาจากคำให้การต่างๆ นานา ที่ไม่รู้ว่าใคร “พูดจริง” หรือ “โกหก” และยิ่งเมื่อตำรวจออกมาให้ข่าว ยืนยันว่ามี “คนโกหก” ก็เชื่อว่ายิ่งทำให้คดีนี้ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก
คดีลักษณะแบบนี้ หาใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน
3 นาที Short Story โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านย้อนรอยคดีดังในต่างประเทศ เมื่อปี 2007 หรือ ปี พ.ศ. 2550 กับเรื่องราว “ฆาตกรรมกลางทะเล”
ช่วงบ่ายวันที่ 22 กันยายน 2550 หรือ ย้อนไปราว 15 ปีก่อน เรือเช่าเหมาลำชื่อ “โจ คูล” ถูกเช่าเพื่อเดินทางไปยังเกาะบิมินิ (Bimini) เกาะเลื่องชื่อที่สวยงามมาก ในบาฮามาส โดยมีสมาชิกบนเรือทั้งสิ้น 6 คน โดย 4 จาก 6 คน เป็นเพื่อนก๊วนเดียวกัน ประกอบด้วย Jake Branam, Kelley Branam, Scott Gamble และ Samuel Kairy ทั้ง 4 ถือเป็นคนดูแลเรือ โดยมีชายอีก 2 คน ร่วมโดยสารไปด้วย และชาย 2 คนนั้น ชื่อ Kirby Logan Archer และ Guillermo Zarabozo
“อาร์เชอร์” บอกกับเพื่อนร่วมทางว่า ต้องการไปหาแฟน ที่รออยู่บนหาดสวรรค์ที่เกาะ “บิมินิ”
...
หลังจากเรือเช่าเหมาลำ ได้แล่นออกไป ก็ขาดการติดต่อ และไม่ได้เข้าเทียบท่าในเวลาที่กำหนด ญาติพี่น้องก๊วนเพื่อนทั้ง 4 คน ก็ต่างร้อนใจ ทำได้เพียงแจ้งความและร้องทุกข์ไปยัง ยามชายฝั่ง
กระทั่งถึงช่วงเช้าวันที่ 24 กันยายน 2550 เรือนาม “โจ คูล” ก็ถูกพบในสภาพเรือร้าง ไร้คนบนเรือ นอกชายฝั่งใกล้คิวบา ประมาณ 30 ไมล์ทะเล
แต่ที่น่าสะพรึงคือ เจ้าหน้าที่พบคราบเลือด โดยเฉพาะบริเวณดาดฟ้าเรือ ร่องรอยกระสุนปืน...
เพียงไม่นานนัก ก็พบผู้รอดชีวิต เป็นชาย 2 คน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “อาร์เชอร์” และ “ซาราโบโซ” สิ่งที่ทั้งคู่บอกกับเจ้าหน้าที่ ทำเอาตำรวจถึงตะลึง...
ทั้งคู่อ้างว่า ระหว่างแล่นเรืออยู่กลางทะเล ก็ไปเจอกับ “โจรสลัด” บุกจี้ปล้นเรือ แต่พวกเขาหนีรอดมาได้
เป็นคุณจะเชื่อสิ่งที่ชาย 2 คนนี้พูดไหม....
แน่นอนว่า ใครได้ฟังก็ย่อมไม่เชื่อ รวมทั้งทีมสอบสวน โดยมีการส่งตัว “อาร์เชอร์” และ “ซาราโบโซ” ไปให้กับ FBI
ทำไมตำรวจไม่เชื่อคำให้การทั้ง 2 เพราะ ภายในเรือ “โจ คูล” พบอุปกรณ์ตกปลา เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และบัตรเครดิต รวมๆ มูลค่ามากกว่า 7 หมื่นดอลลาร์ คำถามคือ ถ้ามีโจรสลัดบุกจี้ หรือ ปล้น เขาจะไม่ขนของมีค่าเหล่านี้ไปหรือ...?
คำโกหกของ “อาร์เชอร์” และ “ซาราโบโซ” ถูกตำรวจปฏิเสธ เพราะจากการขุดค้นประวัติ พบว่า “อาร์เชอร์” ก็ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เขาคือ “ทรชน” คนหนึ่ง ที่เคยก่อเหตุ ขโมยเงินนายจ้างของตัวเอง 92,000 ดอลลาร์ ตอนเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าที่ Walmart และ มีคดีข้อหาฉกรรจ์ ในการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก!
นี่คือแรงจูงใจใช่ไหม...คำตอบคือ “ใช่”
“อาร์เชอร์” ก่อคดีร้ายแรง ด้วยการวางแผนจี้เรือ ฆาตกรรมคนบนเรือ เพื่อหวังหนีคดีไปที่ “คิวบา”
แล้ว “ซาราโบโซ” ล่ะ! เขาร่วมขบวนการนี้หรือไม่ ถ้าร่วมขบวนการเขามีเป้าหมายอะไร?
“ซาราโบโซ” ให้การปฏิเสธ และยืนยันหนักแน่นว่า เขาไม่ได้ลงมือฆาตกรรมใคร แต่ที่เขาร่วมกับ “อาร์เชอร์” เพราะเขาถูก “อาร์เชอร์” โกหก หลอกลวง!?
“อาร์เชอร์” ไปหลอกอะไรน “ซาราโบโซ”
ซาราโบโซ ให้การอ้างว่า เขาถูก “อาร์เชอร์” ตุ๋นจนเปื่อยว่า ตัวอาร์เชอร์ สายลับของหน่วยงาน CIA และต้องการเดินทางไป “คิวบา” เพื่อร่วมทำภารกิจลับ ในขณะที่ตัวเขาเอง ก็หลงเชื่อว่า ตัวเองได้เป็นผู้ช่วย “สายลับ”
คุณเชื่อ ซาราโบโซ ไหม กับคำให้การแบบนี้
จากการสอบสวน และหาพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ผลที่ออกมาพิสูจน์ในหลายประเด็น ประกอบด้วย
...
1. ปลอกกระสุนที่พบ : เป็นปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ตรงกับ “ปืนพก” ยี่ห้อ “Glock” ของ “ซาราโบโซ” และเขาเคยซื้อกระสุนดังกล่าว และกลายเป็นหลักฐานสำคัญบนเรือ
2. การยืนยันการเสียชีวิต : เลือดที่พบตรวจสอบแล้ว ตรงกับเหยื่อหลายรายที่หายตัวไป แม้จะไม่สามารถกู้ศพได้ก็ตาม
3.คำรับสารภาพ : ซาราโบโซ และ อาร์เชอร์ ยอมรับว่าเขาทั้ง 2 อยู่บนเรือ “โจ คูล” ช่วงตอนเกิดเหตุ แม้ที่ผ่านมา จะอ้างว่าถูกโจรสลัดบุกจี้ก็ตาม..
4.หลักฐานจากอีเมล : เจ้าหน้าที่กู้คืนจาก ฮาร์ดไดรฟ์ “ซาราโบโซ” ที่คุยกับแฟนสาว โดยมีเนื้อหาว่าเขารู้มาตลอดว่าจะเดินทางไปคิวบา โดยร่วมภารกิจกับ CIA
คดีนี้จบที่ศาล “อาร์เชอร์” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตั้งแต่ศาลชั้นต้นในข้อหาฆาตกรรม และลักพาตัว ในขณะที่ “ซาราโบโซ” ก็พยายามยืนยันว่าเขาไม่มีส่วนในคดีฆาตกรรม เพราะเขาถูก “อาร์เชอร์” หลอกลวงด้วยคำ “โกหก”
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคณะลูกขุน ก็ตัดสินลงโทษเขา ไม่แตกต่างจาก “อาร์เชอร์”
เพราะยึดในหลักฐานมากกว่า “คำพูด”...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: Chonticha Pinijrob
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ
...