ถือเป็นคดีดัง คดีหนึ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2544 สำหรับกรณี การระเบิดหลายจุด และยิงถล่มห้างค้าปลีกชื่อดัง ที่จุดเริ่มต้นที่คล้ายจะมีสาเหตุมาจากเรื่องผลประโยชน์ แต่แล้ว...ทุกอย่างกลับจบลงแบบไม่คาดคิด

3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาย้อนรอยเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2544 กับชื่อตอน “บึมสนั่น คลั่ง แค้น เจรจาผี”

คดีนี้เริ่มต้น จากระเบิดตูมแรกที่ดังขึ้น เมื่อช่วงเที่ยงคืนครึ่ง ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2544 ที่ห้างค้าปลีกแห่งหนึ่ง บริเวณถนนศรีนครินทร์ อ.เมืองสมุทปราการ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 2 ของห้าง แผนกขายพรมปูพื้น แรงระเบิดทำให้พื้นเป็นหลุมกว้าง 50 เซนติเมตร บริเวณนั้นยังพบกระเดื่องระเบิดสังหาร แบบเอ็ม 26 ตกอยู่ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น โดยมีผู้บาดเจ็บ 1 คน เป็นหญิงสาววัย 29 ปี พนักงานจัดส่งของ


ไม่กี่อึดใจ ตำรวจก็ตามรวบ 2 ผู้ต้องสงสัย อดีต รปภ. ห้าง ได้อย่างทันควัน ขณะกำลังหลบอยู่หน้าป้ายรถเมล์หน้าห้าง ซึ่งคนหนึ่งเป็นตำรวจชั้นประทวน อีกคนเป็นอดีตทหารเกณฑ์ 

ทั้งาสองให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับจ้างมาจากนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหาร บริษัทรักษาความปลอดภัย แห่งหนึ่ง ซึ่งทางห้างเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา 

ในขณะที่คดีแรกนี้กำลังสอบสวนขยายผล ผ่านมา 3 วัน ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกครั้ง...

...

23.10 น. วันที่ 4 กรกฎาคม เกิดเหตุระเบิดที่ห้างค้าปลีกเดิม แต่เปลี่ยนสาขามาย่านถนนศรีนครินทร์ คราวนี้พบผู้เสียชีวิต 1 ศพ คือ นายนิพนธ์ หอมอินทร์ หัวหน้าฝ่ายขายเครื่องกีฬา และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน

ตำรวจกองปราบ จึงบุกบ้าน นายทหารยศ "พันโท" ที่ถูกซัดทอด พร้อมถูกตั้ง 3 ข้อหาหนัก จ้างวาน หรือร่วมกันมีหรือใช้วัตถุระเบิด, พยายามฆ่าผู้อื่น และเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

พันโท คนดังกล่าว ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง "เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อดิสเครดิตจากฝ่ายตรงข้าม" และขอความเป็นธรรม เพราะต้องตกเป็นจำเลยของสังคม 

ต่อมา กองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุว่า ระเบิดที่ใช้ในครั้งที่ 2 เป็นระเบิดชนิด เอฟ-1 ผลิตในรัสเซีย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางตำรวจจึงพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งเรื่องสัญญาจัดจ้างทีมรักษาความปลอดภัยของห้าง ซึ่งมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนอย่างละเอียด สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า หลักฐานทั้งหมดไม่เชื่อมโยงไปยังนายทหารยศพันโท ดังกล่าว ทำให้ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับถูกดำเนินคดี....โดยไม่รู้ว่าผู้จ้างวานเป็นใคร 

เหตุการณ์ที่คิดว่าอาจจะสงบ กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่หน้าห้างเดิม ในสาขาอุบลราชธานี คนร้ายลอบวางระเบิดที่ลานจอดรถห้างได้รับความเสียหาย 

5 ธันวาคม 2544 เสียงระเบิดครั้งที่ 4 ดังขึ้นใกล้ห้างเดิม สาขาพระราม 4 คนร้ายใช้อาวุธหนัก เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง เอ็ม 72 เอ 1 แต่คราวนี้พลาดเป้า ไปโดนอาคารใกล้เคียง ตำรวจพุ่งเป้าไปที่ประเด็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์วินมอเตอร์ไซค์

...

ครั้งที่ 5 วันที่ 7 ธันวาคม 2544 คนร้ายใช้ปืนอาก้า ยิงถล่มห้างเดิม ในสาขาบางพลี และการก่อเหตุที่ห้างนี้ทำให้เจอตัวคนร้าย ทราบชื่อต่อมาว่า นายนพพร สุวรรณพฤษชาติ อายุ 48 ปี เพราะเจอโทรศัพท์มือถือตกในที่เกิดเหตุ 

ตำรวจนำหน่วยอรินทราช ล้อมบ้านนายนพพร ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ 

ปัง ปัง ปัง เสียงปืนสงครามถูกยิงดังสนั่นออกมาจากในบ้าน 2-3 ชุด  ปรากฏว่ามีตำรวจนายหนึ่งหลบไม่ทัน กระสุนเจาะเข้าที่ไหล่ขวาได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 

หลังจากเสียงปืนสงบอึดใจเดียว ก็มีเสียงระเบิดดัง ตูม!! มาจากภายในบ้าน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแตกตื่น...ตอนนั้นยังไม่มีใครวิ่งไปหลบเลย

ถ้าระเบิดลูกนั้น ถูกปามายังด้านนอกที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักข่าว ก็คงเสียชีวิตกันทั้งหมด 

หลังเสียงระเบิดเงียบลง เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังมาเพิ่ม รวมกว่า 200 นาย ครู่ใหญ่ถึงได้เริ่มเปิดการเจรจา ตำรวจพยายามพูดคุยด้วยผ่านเครื่องขยายเสียง 

...

แต่ภายในบ้านกลับเงียบสงบ ไม่มีเสียงตอบรับออกมา...ตำรวจจึงเชิญภรรยา และครอบครัวนายนพพรมา เพื่อให้เจรจามอบตัวด้วย สุดท้ายก็ไม่มีเสียงตอบรับ...

กว่า 7 ชั่วโมง ในการล้อมบ้านนายนพพร พยายามเจรจาก็ไม่เป็นผล หน่วยอรินทราช จึงต้องเปิดปฏิบัติการจู่โจม

ตูม! อรินทราช เปิดฉากปาระเบิดเสียง สลับระเบิดควัน ก่อนจะบุกเข้าไปในบ้าน ใช้เวลาไม่นานนักก็เข้าไปในตัวบ้านได้สำเร็จ และเมื่อเดินขึ้นมาที่ตัวบ้าน บริเวณห้องน้ำชั้น 2 ภาพตรงหน้าก็ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนตกใจ 

นายนพพร เวลานี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายบริเวณลำตัวฉีกขาดเพราะถูกแรงระเบิด

คาดว่า ช่วงที่นายนพพร ถอดสลักปาระเบิดออกจากบ้าน ระเบิดกลับติดที่หน้าต่าง แล้วกระดอนมาที่ตัวและเกิดระเบิด 5 4 3 2 1 ตูม 

นายนพพร โดนระเบิดที่บริเวณลำตัว เสียชีวิตทันที ในขณะที่เจ้าหน้าที่ภายนอกไม่มีใครทราบ จึงเปิดการเจรจา 7-8 ชั่วโมง โดยที่ไม่รู้ว่า นายนพพร เสียชีวิตกลายเป็นผีไปแล้ว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในบ้าน ก็ต้องตกใจอีกรอบ เพราะเหมือนคลังแสงย่อยๆ โดยพบ เครื่องยิงจรวด อาวุธสงคราม ระเบิด และกระสุนปืนจำนวนมาก 

จากการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด พบว่า นายนพพร เป็นผู้ป่วยทางจิต เพราะขณะถอนฟันแล้วไปโดนเส้นประสาท เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นสายลับ ชอบคบหากับคนในเครื่องแบบ มีความชำนาญด้านอาวุธ 

นายนพพร มีความคับแค้นใจ ในเรื่องค้าปลีกต่างชาติ จะมากลืนกินธุรกิจในประเทศไทย เขาจึงเลือกลงมือกับค้าปลีกต่างชาติ 

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ได้จบลง โดยตำรวจสั่งไม่ฟ้อง เพราะผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย...ส่วนคดีอื่นๆ จะเกี่ยวข้องกับนายนพพร ทั้งหมดหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนา

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

...