เมื่อปี 2563 เกิดคดีฆาตกรรมสยอง ผู้ต้องหาเจ้าของฉายา “ไอซ์หีบเหล็ก” หรือนายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ ซึ่งล่าสุดกำลังต่อสู้อยู่ในชั้นศาล

แต่หากย้อนกลับไปปี 2526 พบศพเด็กหญิงถูกฆาตกรรมสยอง ยัดร่างใส่กล่องทีวี มาทิ้งริมทาง ซึ่งคดีนี้ถูกเชื่อมโยงไปถึงพ่อนายไอซ์ หรือนายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ แต่ก็จบลงแบบคาใจเจ้าหน้าที่

3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปย้อนรอยคดีดังที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 38 ปีที่แล้ว

ย้อนกลับไป เมื่อช่วง 4 โมงเย็น วันที่ 27 ตุลาคม 2526 ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุว่าพบกล่องทีวีปริศนาถูกทิ้งที่กองขยะริมทาง ใกล้ทางเข้าท่าตรวจสินค้าศุลกากร ถนนเลียบเจ้าพระยา เชิงสะพานกรุงเทพฯ ฝั่งพระนคร 

หลังรับแจ้ง ตำรวจยกกำลังจำนวนมากเข้าตรวจสอบ เพราะชาวบ้านได้แง้มเปิดดูแล้ว ถึงกับผงะ! ภายในกล่อง พบศพหญิงโชคร้ายคนหนึ่ง สภาพถูกตัดคอ แขนและขาเหลือแต่ท่อนที่ติดกับลำตัว...

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ กล่องทีวี เป็นยี่ห้อซิงเกอร์ ขนาด 17 นิ้ว หมายเลขข้างกล่อง 243610  รุ่น 617 ขนาดกล่องสูง 30 ซม. กว้าง 20 ซม. 

เมื่อชันสูตรเบื้องต้น คาดว่า หญิงเคราะห์ร้ายรายนี้ อาจจะเป็นแค่เด็กอายุ ราว 13-15 ปีเท่านั้น เนื้อผิวดำแดง สภาพศพไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ติดอยู่ สภาพร่างกายที่ถูกหั่น บ่งบอกว่าเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน เพราะยังมีเลือดยังไม่จับแข็งตัว คาดว่า เสียชีวิตไม่เกิน 3 ชั่วโมง 

...

และจากการตรวจสอบที่บริเวณไหล่ที่ติดกับซอกคอ พบคล้ายรอยฟันขบ หรือรัดด้วยเชือกเป็นจ้ำอยู่ ส่วนลักษณะการหั่นบ่งบอกได้ว่าอาจจะใช้มีดชำแหละหรือหั่นเนื้อ ซึ่งมีความคมมาก 

ตำรวจสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ระบุ เห็นชายคนหนึ่งอายุราว 40 ปี ร่างอ้วน ผิวดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แขนสั้น ได้ขับรถเก๋งคล้ายยี่ห้อ “ดัทสัน” สีหยกไปจอดตรงจุดพบศพ  เดินเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นออกมายืนหน้ารถ ยืนมองซ้ายขวา ก่อนจะขึ้นรถได้ครู่หนึ่ง และสตาร์ตรถออกไป...

คล้อยหลังไปอีกชั่วโมง ราว 17.30 น. ตำรวจนครชัยศรี จ.นครปฐม ก็พบชิ้นส่วนเหลือ ได้แก่ ศีรษะ แขน และขา ได้เห็นถึงหน้าตาเด็กสาวใบหน้ากลม ผมสั้น ตาขาซ้ายเขียวช้ำ

โดยก่อนจะพบชิ้นส่วนที่เหลือ มีรายงานว่า จากตำรวจทางหลวงว่าพบรถผู้ต้องสงสัยขับผ่านมา แต่ข้างหน้าเป็นด่านตำรวจ คนร้ายจึงหันรถกลับเข้ากรุงเทพฯ โดยแวะจอดข้างทางและทิ้งกล่องศพดังกล่าว 

จากการชันสูตร ชิ้นส่วน ศีรษะ แขน และขา เป็นที่น่าหดหู่อย่างยิ่ง เมื่อพบแผลถูกฟันด้วยมีดที่บริเวณหน้าผากและศีรษะ กว่า 20 แผล 

“คดีนี้แสดงถึงความโหดเหี้ยมทารุณซึ่งแฝงอยู่ในจิตใจของคนร้ายอย่างที่สุด เมื่อปรากฏขึ้นย่อมสะเทือนขวัญประชาชน ฆาตกรคนนี้นับเป็นภัยร้ายแรง”

พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลใต้ และ พ.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์กับสื่อ 

ขณะที่ พ.ต.อ.นพ.อาภรณ์ รัชตประกรณ์ ผู้ชันสูตรศพ ระบุว่า เหยื่อสูงราว 150 ซม. ไม่พบร่องรอยข่มขืน ฆาตกรใช้มีดที่ใหญ่และคมมาก ตัดทีเดียวด้วยความรุนแรงจนขาด 

“ฆาตกรต้องเป็นพวกที่ดุร้ายมาก กระทำอย่างโหดเหี้ยม อาจเป็นพวกจิตวิปริตหรือซาดิสม์ ก็ได้” 

ต่อมาได้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ เด็กหญิงนวลปราง บุนนาค อายุ 12 ปี ตำรวจจึงส่งทีมสืบสวนไล่ล่าคนร้ายอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน

...

จากการแกะรอยจาก “กล่องทีวี” ที่ระบุหมายเลขรุ่น และเครื่อง ทำให้ตีวงแคบว่า มีผู้เช่าโทรทัศน์เครื่องนี้อยู่ในพื้นที่ตลาดพลู 

กระทั่งตามรวบ นายผยอง แสนทวี ที่พักอาศัยในบริเวณชั้นลอยของศูนย์ค้า “องค์วิศิษฐ์” โดยมีศักดิ์เป็นน้องเมีย นายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ หรือ พ่อนายไอซ์ อภิชัย องค์วิศิษฐ์ หรือ ไอซ์ หีบเหล็ก....

ทีแรก นายผยอง ให้การภาคเสธ อ้างว่า พบศพ เด็กหญิงนวลปราง ในห้องตัวเอง จึงลงมือหั่นศพ แต่เมื่อตำรวจค้นห้อง บริเวณฝ้าเพดานและท่อน้ำพบชิ้นส่วนกระดูกคอเหยื่อ จึงสารภาพว่า “ลงมือฆ่าอำพรางศพ”

นายผยอง อ้างว่า เด็กหญิงนวลปราง มาเคาะกระจกตู้ปลาราคาแพงภายในอวาเรียมศูนย์การค้า เมื่อต่อว่า เด็กก็ตอบโต้ด้วยคำหยาบคาย จึงบันดาลโทสะ ลากเข้าไปทำร้ายห้องพัก หัวเด็กกระแทกโต๊ะเสียชีวิต 

ทีมสืบสวนตั้งข้อสังเกตมีพิรุธหลายจุด เพราะเชื่อว่าน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 1 คน 

ตำรวจเรียกตัว นายเฉลิมชัย หรือ พ่อนายไอซ์ มาสอบสวน เพราะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากรถที่ใช้ทิ้งศพ เป็นของนายเฉลิมชัย เจ้าตัวอ้างว่า สลับรถกันใช้กับภรรยา และนายผยอง และไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลักฐานไม่เพียงพอ ประกอบกับ สมัยนั้น ยังไม่มีเทคโนโลยีในการสอบสวนหาตัวคนร้ายอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น 5-6 ปี นายอภิชัย ก็ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต โดยมีข้อมูลว่าอาจจะมาจากการจ้างวานของคนในครอบครัว 

...

คดีนี้สิ้นสุดที่ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2529 ศาลอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก นายผยอง หรือ ตุ้ย แสนทวี 34 ปี ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้น ย้าย หรือ ทำลายศพ หรือชิ้นส่วนของศพ

จำเลยสารภาพว่าฆ่าผู้ตายจริง โดยระบุว่า ผู้ตายมาขอเงิน 20 บาท แต่กลับมาลักขโมยเงิน 21,000 บาท ด้วยความโกรธและมึนเมาจึงทำร้าย หัวฟาดพื้นเสียชีวิต และนำชิ้นส่วนไปทิ้งตามจุด โดยมีพยานแวดล้อมว่าจำเลย มีส่วนร่วมฆ่าผู้ตาย โทษจำคุกตลอดชีวิต แต่สารภาพจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 34 ปี 

สำหรับคดีของนายไอซ์ หีบเหล็ก ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต โดยมีคดีอุกฉกรรจ์ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคดี

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน