26 มกราคม ปี 2013
หญิงสาววัยเพียง 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในแคนาดา ซึ่งกำลังสนุกสนานกับการพาตัวเองท่องเที่ยวผจญภัยไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าพักที่โรงแรมเซซิล (Cecil) ในนครลอสแอนเจลิส

แต่แล้ว...มันได้เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เมื่อ "เธอ" ไม่มาเช็กเอาต์และหายตัวไปจากห้องพักในวันที่ 31 มกราคม ทำให้ครอบครัวที่ทราบถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับ เร่งออกติดตามหา "เธอ" ทันที

และนั่นคือ จุดเริ่มต้น...ที่ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องพบกับความแปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยปริศนา...

แล้วอะไร? คือความแปลกประหลาด และเต็มไปด้วยปริศนาที่ว่านั้นบ้าง...

เมื่อ "คุณ" กดดูคลิปที่อยู่ด้านบน "คุณ" เห็นอะไร?

และนั่นคือ ปริศนาที่ 1 "เธอเหมือนกำลังพยายามหลบซ่อน หรือค้นหาใครสักคน?" ในลิฟต์ ก่อนที่ "เธอ" จะหายตัวไป?

แต่แล้วอีกเกือบ 3 สัปดาห์ต่อมา... ท่ามกลางความมึนงง และความพยายามตีความถึงคำถามในบรรทัดด้านบนนั่น

หญิงสาวที่ทุกคนกำลังตามหา และพยายามหาคำตอบว่า "เธอเหมือนกำลังพยายามหลบซ่อน หรือค้นหาใครสักคน" ก็ถูกพบกลายเป็นศพอยู่ในแทงก์น้ำบนหลังคาโรงแรมที่ "เธอ" หายตัวไป

และนั่นคือ ปริศนาที่ 2 "เธอ" เสียชีวิตเพราะถูกฆาตกรรม หรือ "เธอ" กระทำอัตวินิบาตกรรมกันแน่?

...

หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยปริศนานี้ เธอคือใคร?

เธอคนนี้ มีชื่อว่า "เอลิซา แลม" (Elisa Lam) เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1991 นักศึกษามหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา โดยหลังได้รับอนุญาตจากครอบครัวให้สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ด้วยตัวคนเดียว ภายใต้คำมั่นสัญญาว่าจะติดต่อกับทางครอบครัวทุกวัน เพื่อยืนยันความปลอดภัย "เอลิซา" จึงได้พาตัวเองมาเช็กอินที่โรงแรมเซซิล (Cecil) ในนครลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2013

แต่แล้ว...ในวันที่ 31 มกราคม ซึ่งเป็นกำหนดที่ "เอลิซา" ต้องเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม มีอะไรบางอย่างเริ่มผิดปกติ? จู่ๆ "เอลิซา" ขาดการติดต่อกับครอบครัวดั่งที่ทำเป็นปกติในทุกๆ วัน ครอบครัวของเธอเริ่มกระวนกระวายใจ และได้ติดต่อไปทางตำรวจนครลอสแอนเจลิส เพื่อให้ช่วยไปติดตามหา "เอลิซา" ที่โรงแรมเซซิลทันที

ปริศนาการหายตัวไปของ "เอลิซา แลม"?

ผลการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอไร้ผล ไม่มีใครพบตัว "เอลิซา"...เธอหายไปไหน?

และแล้ว...การไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรมเซซิลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้พบอะไรบางอย่าง ภาพจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ของโรงแรม ปรากฏร่างของเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วกดปุ่มไปที่ชั้นที่ 4 จากนั้นเธอออกไปมองที่หน้าประตูลิฟต์ที่เปิดอยู่ ราวกับกำลังซ่อนตัว หรือมองหาใครสักคนหนึ่ง ก่อนที่จะกลับไปกดปุ่มอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไปยืนนอกประตูลิฟต์ ก่อนจะขยับมือไปมาเหมือนกับกำลังคุยกับใครสักคนนอกลิฟต์ แล้วก็เดินจากไป ซึ่งแทบไม่แตกต่างอะไรกับซีนสุดสะพรึงในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Dark water (ปี 2005) ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นคลิปนี้ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย ทึกทักเอาว่า...หรือบางที "เธอ" อาจจะกำลังคุยกับวิญญาณปิศาจร้าย

อย่างไรก็ดี...คลิปวิดีโอปริศนาอันน่าชวนฉงนนี้ ก็ยังคงไม่สามารถตอบคำถามสำคัญที่ว่า "เธอ" หายไปไหน ณ เวลานั้นได้?

อะไรที่ทำให้เอลิซาเสียชีวิต?

และแล้ว...ถัดจากวันที่มีการประกาศว่า "เธอ" หายตัวไปถึง 19 วัน คำถามดังกล่าวก็ได้รับคำตอบ...ร่างของเธอถูกพบในแทงก์น้ำบนดาดฟ้าของโรงแรม ภายหลังจากบรรดาลูกค้าร้องเรียนว่า น้ำที่พวกเขาทั้งดื่มและใช้อาบน้ำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีสีคล้ำและส่งกลิ่นเหม็น และเมื่อเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเข้าไปตรวจสอบ ก็ได้พบร่างที่เริ่มจะเน่าเปื่อยของเธออยู่ใน 1 ใน 4 ของแทงก์น้ำบนดาดฟ้าของโรงแรม!

...

สถานที่...ที่ตำรวจแอลเอไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ระดมกำลังกันค้นหาแทบจะทุกซอกทุกมุมของโรงแรมมาโดยตลอด 19 วันที่เอลิซาหายตัวไป

ผลการชันสูตรพลิกศพเอลิซา พบว่า...

1. ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยใดๆ ที่บ่งบอกได้ว่า "เธอ" ถูกฆาตกรรม

2. พบน้ำในปอดของ "เธอ" ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่า "เธอ" เสียชีวิตหลังจากตกลงไปในแทงก์น้ำ

ผลการชันสูตรศพเพียงเท่านี้ก็น่าจะบอกได้แล้วใช่หรือไม่ว่า "เอลิซา" น่าจะกระทำอัตวินิบาตกรรม แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ที่มันน่าประหลาดก็คือ...

1. "เธอ" ผ่านประตูที่ล็อกอยู่บนชั้นดาดฟ้าโรงแรมที่มีเพียงเฉพาะเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปได้ เพื่อเดินไปยังแทงก์น้ำได้อย่างไร?

2. "เธอ" อยู่ในสภาพเปลือยในแทงก์น้ำ และหากเธอลงไปด้วยตัวเอง ฝาแทงก์น้ำมันจะปิดลงมาได้อย่างไร?

3. ท่าทางประหลาดในลิฟต์ของ "เธอ" ที่ดูราวกับกำลังสนทนาอยู่กับ "ใคร" สักคน มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้หรือไม่?

หรือ...แท้ที่จริงแล้ว คดีนี้มันคือ คดีฆาตกรรมปริศนากันแน่?

ด้วยเหตุนี้ หลังคดีบ้านกกกอก เอ๊ย! คดีเอลิซา ณ โรงแรมเซซิล กลายเป็นเรื่องครึกโครม บรรดานักสืบออนไลน์ที่ให้ความสนใจในคดีที่สุดแสนแปลกประหลาดนี้อย่างล้นหลาม จึงได้ผุด "ทฤษฎีสมคบคิด" (Conspiracy Theory) เพื่อมุ่งหาคำตอบให้กับ "ปริศนา" เหล่านั้นออกมาอย่างมากมาย และจากบรรทัดนี้ไป คือ หลากหลายทฤษฎีสมคบคิดที่ว่านั้น!

1. เอลิซาถูกฆาตกรรม

ท่าทางประหลาดในลิฟต์ของ "เอลิซา" ทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อมั่นว่า เธอน่าจะกำลังสื่อสารหรือสนทนาอยู่กับ "ฆาตกร" ที่หลบซ่อนตัวจนพ้นจากระยะของกล้องวงจรปิด อีกทั้งในเมื่อประตูกั้นดาดฟ้ามีเพียงเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเท่านั้นที่เปิดได้ และเมื่อบวกเข้ากับสภาพศพอันเปลือยเปล่าของ "เอลิซา" ในแทงก์น้ำ รวมถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอรายงานว่า ฝาแทงก์น้ำปิดอยู่ ก่อนที่จะพบศพ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่บรรดากลุ่มผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ในโลกออนไลน์ เชื่อมั่นว่า เอลิซาถูกฆาตกรรม โดยฆาตกรที่หลบซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม เรื่อยไปจนกระทั่งถึง คนที่ลงมืออาจจะเป็นหนึ่งในตำรวจแอลเอเลยก็ว่าได้

...

2. เอลิซากระทำอัตวินิบาตกรรม

การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงระหว่างที่ "เอลิซา" หายตัวไป ทำให้พบว่า "เธอ" มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มาตั้งแต่ก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้

3. มีใครบางคนตัดต่อคลิปวิดีโอในลิฟต์ เพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริง

ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากมีคนตั้งข้อสังเกตเรื่อง "ภาพฟุตเทจจากกล้องวงจรปิด" ในลิฟต์ ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายที่ยืนยันได้ว่า เอลิซายังมีชีวิตอยู่

"ภาพฟุตเทจ" นั้น มีอะไรที่น่าสงสัย?

นับจากนาทีที่ 02.30 เมื่อ "เอลิซา" หายไปจากระยะกล้องของวงจรปิด แต่กล้องยังคงทำงานอยู่เป็นระยะเวลากว่า 53 วินาทีนั้น มีเหตุให้สงสัยหลายประเด็น ที่ชวนให้คิดได้ว่า คลิปที่นำมาเผยแพร่นี้มีการตัดต่อเพื่อเอาอะไรบางอย่างออกไปหรือไม่? หรือไม่ก็ทางตำรวจที่สอบสวนคดีนี้ ต้องการปกปิดความจริงบางอย่างหรือไม่? ยกตัวอย่างเช่น...

1. เหตุใดตัวเลขเวลาที่อยู่ในฟุตเทจนี้ จึง "พร่ามัวผิดปกติ"

2. เหตุใดบางช่วงเวลาในฟุตเทจนี้ จึงดูเหมือนจะช้าหรือเร็วขึ้นกว่าปกติ

3. เหตุใดภาพประตูลิฟต์ในฟุตเทจนี้ จึงเกิดการกระตุกอย่างกะทันหัน จนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในนาที 02.57

4. การเสียชีวิตของเอลิซาเป็นการกระทำที่ "เลียนแบบ" มาจากภาพยนตร์

...

เนื่องจากทั้งพฤติกรรมแปลกประหลาดในลิฟต์ และการเสียชีวิตของ "เอลิซา" ซึ่งแทบจะไม่แตกต่างจากบทสรุปในภาพยนต์สยองขวัญเรื่อง Dark Water ที่ออกฉายในปี 2005 และอ่อ...นี่ยังไม่นับรวมเรื่อง ชื่อของนางเอกในภาพยนตร์ ที่มีชื่อว่า เซซิเลีย (Cecilia) ยังเกิดไปใกล้เคียงกับ ชื่อของโรงแรมที่เกิดเหตุ คือ โรงแรมเซซิล (Cecil) เข้าไปอีก ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่แปลกที่จะมีคนส่วนหนึ่ง เชื่อว่า การเสียชีวิตของ "เอลิซา" อาจจะเป็นผลมาจาก "ความพยายามเลียนแบบภาพยนตร์ในชีวิตจริง"

5. เอลิซา คือ อาวุธทดลองทางชีวภาพ

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ กรุณาอย่าเพิ่ง "สะดุ้ง" ด้วยความตกใจ หรือเกิดคำถามในใจว่า "อิหยังวะ"

คือ เรื่องมันเป็นแบบนี้ กลุ่มผู้คิดค้นทฤษฎีนี้จับประเด็นเรื่องปัญหาการแพร่ระบาดวัณโรคในชุมชนสคิดโรว์ (Skid Row) ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมเซซิล มาผูกโยงเข้ากับการทดสอบสายพันธุ์ของวัณโรคในเวลานั้นพอดี ที่มีชื่อว่า แลม อลิซา (LAM-ELISA) ที่ย่อมาจาก Lipoarabinomannan (LAM) Enzyme-Linked Immunosorbent Assay (ELISA) ซึ่งก็ดันไปตรงกับชื่อของ "เอลิซา แลม" (Elisa Lam) เข้าจังเบอร์

ในเมื่อสอดคล้องกันได้ขนาดนี้ กลุ่มผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ จึงเชื่อมั่นว่า บางที "เอลิซา" อาจจะเป็น "อาวุธทดลองทางชีวภาพ" ของกลุ่มนายทุน เพื่อหวังกำจัดคนในชุมชนสคิดโรว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเร่ร่อนให้หมดสิ้นไป หรือไม่บางที "เอลิซา" อาจจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น ที่ดันเกิดไปรู้ความลับของเรื่องนี้มากเกินไปจนต้องถูกกำจัด

อ่อ...เกือบลืมบอกไป กลุ่มผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ ยังได้ผูกโยงการที่ "เอลิซา" เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ซึ่งมีศูนย์วิจัยวัณโรคที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเข้าไปเพื่อให้ทฤษฎีนี้ดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นด้วย

เมื่อ "คุณ" อ่านมาถึงบรรทัดด้านบน "คุณ" คิดว่า ทฤษฎีต่างๆ ที่เหล่ากลุ่มคนในโลกออนไลน์คิดค้นขึ้นมา มีสิ่งใดที่พอมี "เค้าลาง" มากพอจะอธิบายปริศนาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคดีน้องชมพู่ เอ๊ย! คดีเอลิซา แลม ได้บ้างหรือไม่?

หากแต่...นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป คือ ข้อเท็จจริงเรื่องการเสียชีวิตของ "เอลิซา แลม" ซึ่งขัดแย้งกับทุกๆ ทฤษฎีที่ผุดขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งได้ทำให้มีผู้ให้ความเชื่อถือเป็นจริงเป็นจังมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ความจริงในคดี "เอลิซา แลม"

บทสรุปของคดีนี้ "ตำรวจแอลเอ" สรุปว่า คือ "อุบัติเหตุ" อันเป็นผลมาจากการที่ "เอลิซา" ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เธอไม่ได้ถูกฆาตกรรมหรือกระทำอัตวินิบาตกรรมตามที่ผู้คนในโลกออนไลน์เชื่อตามๆ กันอย่างล้นหลาม

ในความเป็นจริง คือ "เอลิซา แลม" ถูกแพทย์วินิจฉัยว่า เป็นผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้วและโรคซึมเศร้า (Bipolar disorder and Depression) ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ระหว่างช่วงอารมณ์ซึมเศร้า (Depression) สลับกับช่วงที่อารมณ์ดีหรือหงุดหงิดมากกว่าปกติ (Mania) จนกระทั่งต้องได้รับการจ่ายยาถึง 4 ชนิด เพื่อรักษาอาการดังกล่าว นอกจากนี้ ตามรายงานการเข้าตรวจค้นห้องพักโรงแรมเซซิลที่เธออาศัยในช่วงสุดท้ายของชีวิต พบว่า เอลิซาไม่ได้กินยาเพื่อรักษาอาการดังกล่าวในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

อะไร คือ ข้อเท็จจริงในการอธิบายพฤติกรรมแปลกประหลาดของเอลิซา?

รายงานผลการตรวจสอบด้านพิษวิทยา (Toxicology) หรือผลการตรวจสอบหาสารพิษในร่างกายของ "เอลิซา" ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดในร่างกายขณะเธอเสียชีวิต

"เอลิซา" เริ่มแสดงถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดเมื่อไหร่?

เจ้าหน้าที่ของโรงแรมเซซิล เปิดเผยว่า เธอเริ่มมี "พฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้" หลังเข้าพักในโรงแรมได้ไม่นาน โดยในช่วงแรกๆ เอลิซาได้แชร์ห้องพักกับลูกค้าที่เป็นหญิงสาว แต่ในเวลาต่อมา เธอได้ขอย้ายไปอยู่ห้องเดี่ยว หลังจากได้ทิ้งโน้ตข้อความแปลกๆ ไว้บนเตียงนอนของอดีตรูมเมต ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า เธอน่าจะกำลังเริ่มมีอาการป่วยทางจิตหลังจากได้รับยาในปริมาณที่ไม่มากพอ

1. เหตุใดร่างกายของเอลิซาจึงเปลือยเปล่าในแทงก์น้ำโรงแรม?

แม้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในประเด็นนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางอาชญาวิทยามองถึงความเป็นไปได้ในประเด็นนี้เอาไว้ 2 ข้อใหญ่ๆ นั่นก็คือ...

(1) ปัญหาอาการป่วยด้านสุขภาพจิต อาจทำให้ "เอลิซา" เกิดภาวะภาพหลอน จนกระทั่งเธอถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งประเด็นนี้น่าจะอธิบายถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดของเธอในลิฟต์ที่กล้องวงจรปิดเก็บภาพเอาไว้ได้ รวมถึงการพาตัวเองขึ้นไปยังดาดฟ้าและลงไปยังแทงก์น้ำด้วย

(2) หลังเธอจมลงไปในแทงก์น้ำ และไม่สามารถปีนขึ้นมาได้ เนื่องจากปริมาณน้ำในแทงก์จะขึ้นและลงตามการใช้งาน และเมื่อต้องจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ อาจทำให้ "เอลิซา" เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) หรือการที่ร่างกายสูญเสียความร้อนไปอย่างรวดเร็ว จนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มนุษย์ที่เกิดภาวะนี้จะคิดว่าตัวเองร้อนเกินไป จนกระทั่งพยายามหาทางถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว อุณหภูมิในร่างกายกำลังต่ำมาก

2. เหตุใดฝาแทงก์น้ำที่เกิดเหตุจึงปิดก่อนที่จะพบร่างของเอลิซา?

ความจริงในเรื่องนี้ ได้รับการเปิดเผยจากช่างซ่อมบำรุงของโรงแรมที่พบศพของเธอเป็นคนแรก โดยเขายืนยันว่า ตอนที่พบศพของเธอ ฝาแทงก์น้ำเปิดอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเขาก้มลงไปดูจึงพบศพของเอลิซาอยู่ในแทงก์น้ำ แต่สาเหตุที่มีการรายงานตอนพบศพว่า ฝาแทงก์น้ำปิดอยู่ตอนที่พบศพนั้น เป็นการรายงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอ

3. เหตุใดเอลิซาจึงสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงแรมได้?

คำตอบ แม้ประตูที่ผ่านขึ้นไปดาดฟ้าจะล็อก และมีเพียงเข้าหน้าที่ของโรงแรมเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปได้ แต่ในบริเวณนั้น มีบันไดหนีไฟอยู่ ด้วยเหตุนี้ เอลิซาจึงอาจจะใช้บันไดหนีไฟในการขึ้นไปยังดาดฟ้าได้

4. ภาพฟุตเทจจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ มีการตัดต่อเพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่?

ตำรวจแอลเออธิบายถึงความสงสัยในหลายๆ ประเด็นของเรื่องนี้ว่า

(1) เหตุใดตัวเลขเวลาที่อยู่ในฟุตเทจนี้ จึง "พร่ามัวผิดปกติ"

คำตอบ เมื่อต้องมีการเผยแพร่ฟุตเทจนี้ออกสู่สาธารณชน ซึ่งในเวลานั้น ยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นคดีฆาตกรรมหรือไม่ จึงมีความจำเป็นต้องปกปิดห้วงเวลาในคลิปเพื่อผลในทางคดี

(2) เหตุใดบางช่วงเวลาในฟุตเทจนี้ จึงดูเหมือนจะช้าหรือเร็วขึ้นกว่าปกติ

คำตอบ มีความจำเป็นต้องให้บางช่วงเวลาช้าลง เพื่อให้คนสามารถเห็นใบหน้าของเอลิซาได้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการแจ้งเบาะแส ส่วนในบางจังหวะที่ดูเร็วเกินไปในบางเวอร์ชัน นั่นอาจเป็นเพราะเมื่อมีการแพร่เผยออกสู่สาธารณชน อาจมีสำนักข่าวและเว็ปไซต์จำนวนมากนำภาพไปตัดต่อเพื่อให้เหมาะสมสำหรับการนำเสนอ

5. เอลิซา คือ อาวุธทดลองทางชีวภาพ?

คำตอบ สบายใจได้ในประเด็นนี้ ตำรวจแอลเอยืนยันว่า ผลการตรวจชันสูตรศพไม่พบเชื้อวัณโรคในขณะที่เธอเสียชีวิตแต่อย่างใด

เอาล่ะในท้ายที่สุด...แม้คดีนี้จะกลายเป็นที่สนใจอย่างล้นหลาม จนกระทั่งทำให้ผู้คนผุดทฤษฎีต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่นักสืบออนไลน์และผู้คนในโลกโชเชียลที่เกิดความเลื่อมใสใน "ทฤษฎีสมคบคิด" เหล่านั้น อาจทำพลั้งพลาดไปอย่างมาก คือ การกระหน่ำ "ความเห็นส่วนตัว" หลัง "ฟังความด้านเดียว" โดยปราศจากการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องมาประกอบการตัดสินใจ จนกระทั่งทำให้เกิด "เหยื่อ" ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "ฆาตกร" ในคดีนี้ขึ้นเป็นจำนวนมาก

แต่หากจะถามว่า ใครคือ "เหยื่อ" ที่บอบช้ำจากการกระหน่ำ "ความเห็นส่วนตัว" พิพากษาให้คนๆ หนึ่งต้องกลายเป็น "ฆาตกร" ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมากที่สุด

คำตอบของเรื่องนี้ คงไม่พ้น "อาคา พาโบล เวอการา" (Aka Pablo Vergara) หรือ "มอร์บิด" (Morbid) ผู้ก่อตั้งวงเดธเมทัล ที่เกิดเข้าไปพักในโรงแรมเซซิล และอัปโหลดทีเซอร์มิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ของวง ที่มีชื่อว่า "Died in Pain" (ตายด้วยความเจ็บปวด) ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงผู้หญิงจมน้ำตาย ในวันที่พบศพเอลิซาแบบพอดิบพอดี จนกระทั่งทำให้นักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลาย เกิดความเชื่อว่า เขาน่าจะมีส่วนกับการตายแบบผิดปกติของเอลิซาอย่างแน่นอน

ทั้งๆ ที่ "มอร์บิด" ยืนยันว่า เขาอยู่ในประเทศเม็กซิโก เพื่อทำอัลบั้ม ในช่วงที่เอลิซาหายตัวไป แต่นั่นกลับไม่ใช่คำตอบที่ "น่าพอใจ" ของคนจำนวนหนึ่งที่เชื่ออย่างเป็นจริงเป็นจังในประเด็นที่ "ใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์" นำเขามาผูกโยงกับคดีนี้

จากนั้นเป็นต้นมา ชะตากรรมของ "มอร์บิด" จึงต้องเผชิญเข้ากับการกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร คำข่มขู่อาฆาตมาดร้ายต่างๆ นานา เรื่อยไปจนถึงขั้นขู่ฆ่าในทุกๆ วัน มันหนักหนาจนถึงขั้น เขาต้องไปเข้ารับการบำบัดทางจิตเลยทีเดียว และแถมเมื่อ "ความจริง" ในเรื่องนี้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างที่ "ใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์" กล่าวหา...แม้แต่สักคำที่จะพูดว่า "ขอโทษ" กับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่เคยได้รับมันจากผู้คนในโลกออนไลน์แม้แต่คนเดียว

ท่ามกลางข้อมูลและข่าวสารจำนวนมากมายมหาศาลเหลือคณานับในโลกโซเชียลมีเดียยุคปัจจุบัน บางที "คุณ" อาจต้องตั้งคำถามกับ "ตัวเอง" ก่อนหรือไม่ว่า "คุณ" เลือกที่จะเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะ "คุณ" เชื่อเช่นนั้นอยู่แล้ว สิ่งที่ "คุณ" ได้เห็นหรือได้ยินในโลกออนไลน์ เป็นเพียงความพยายามจะหาอะไรมาสนับสนุน "ความเชื่อเดิม" ของ "คุณ" เท่านั้น หรือเพราะ "คุณ" ได้หาข้อมูลอย่างรอบด้านมาประกอบการตัดสินก่อนที่จะปักใจ "เชื่อ" หรือให้ "ความเห็น" ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งกันแน่?

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์

ข่าวน่าสนใจ: