• คดีปริศนา "บ้านสยองขวัญ" (House of Terror) โศกนาฏกรรมแม่-ลูก 5 ศพ และซากสุนัขอีก 2 ตัว แต่กลับไร้เงา "หัวหน้าครอบครัว"
  • ทุกศพภายในบ้านแห่งนี้ ล้วนมีร่องรอยของการสังหารจาก "ปืนไรเฟิล .22" ที่บังเอิญตรงกับ "มรดก" เพียงชิ้นเดียวที่ "หัวหน้าครอบครัว" ได้รับจากบิดา
  • คดีฆาตกรรม "บ้านสยองขวัญ" เกิดการถกเถียงจนนำไปสู่ "ทฤษฎีสมคบคิด" ถึง 2 ทฤษฎี นั่นคือ 1. ไม่ได้ลงมือลำพัง และ 2. ทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

คุณจะสามารถทำใจให้เชื่อได้ไหม? หากจะมีชายวัยกลางคนสักคนหนึ่งที่บุคลิกดูดี สุภาพเรียบร้อย เกิดในชาติตระกูลที่เพียบพร้อม และมีครอบครัวที่สุดแสนอบอุ่น

แต่ใครคนที่ภายนอกสุดแสนจะสมบูรณ์แบบ...กลับก่อเหตุฆาตกรรมคนในครอบครัวถึง 5 ศพ ก่อนจะซ่อนเร้นศพทั้งหมด เอาไว้ในบ้านของตัวเอง แล้วหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!

เหมือนนวนิยายฆาตกรรมใช่ไหม? คุณคงคิดในใจ แต่ทั้งหมดตามบรรทัดด้านบน มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประเทศอารยะอย่าง "ฝรั่งเศส"

...

21 เมษายน 2011
เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดการสืบสวนคดีฆาตกรรม หลังพบศพหญิงสาววัย 49 ปี ชายหนุ่มวัย 21 ปี, 18 ปี และ 13 ปี และสุดท้ายเป็นเด็กสาววัย 16 ปี รวม 5 ศพ และสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์อีก 2 ตัว ถูกฝังอยู่ในสวนหลังบ้านพัก ย่านคนชั้นกลาง ทางตะวันตกของเมืองน็องต์ โดยทั้ง 5 ศพ เป็นคนในครอบครัวในตระกูล "ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส" (Dupont de Ligonnes)

แต่เดี๋ยวก่อน! ท่ามกลางความตกตะลึงและโศกเศร้านั้น ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างขาดหายไป?

แม่ 1 คน, ลูกชาย 3 คน, ลูกสาว 1 คน และสุนัขอีก 2 ตัว แล้ว...คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวล่ะ หายไปไหน?

ซาวิเยร์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Xavier Dupont de Ligonnes) อายุ 50 ปี คือ ชื่อของหัวหน้าครอบครัวคนที่ว่านั้น

เขาเป็นสามีของ 1. นางโอดองเชร์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Hodanger Dupont de Ligonnes) 49 ปี และเป็นบิดาของ 2. อาร์ตูร์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Arthur Dupont de Ligonnes) 21 ปี, 3. โธมาส์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Thomas Dupont de Ligonnes) 18 ปี, 4. เบนัวต์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Benoit Dupont de Ligonnes) 13 ปี และ 5. แอกเนส์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Anne Dupont de Ligonnes) 16 ปี

หรือทั้ง 5 ศพที่ถูกฝังอยู่ในบ้านเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง (boulevard Robert-Schuman) ซึ่งปัจจุบันถูกขนานนามว่า "บ้านสยองขวัญ" (House of Terror)

อะไรคือ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่ว่านี้?

ความตกต่ำจากปัญหาทางการเงิน

ซาวิเยร์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส เป็นบุตรชายของ แบร์นาร์ด โอแบรต์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส (Bernard-Hubert Dupont de Ligonnes) ผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลขุนนางอันเก่าแก่ของฝรั่งเศส โดย "ซาวิเยร์" เติบโตมาในวงจรชีวิตของคนชั้นสูงที่เคร่งครัดในศาสนาและอนุรักษนิยมในกรุงปารีส

เขาพบรักกับ "โอดองเชร์" ภรรยาสาวและแต่งงานกับเธอตอนอายุได้ 20 ปี ทั้งๆ ที่เธอตั้งท้องกับชายอื่น ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ท้าทายต่อบรรทัดฐานทางสังคมของคนชั้นสูงฝรั่งเศสที่เคร่งครัดในศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นทั้งคู่ใช้เวลาหมดเปลืองไปกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศ พร้อมๆกับครอบครัวที่เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ โดยในช่วงปี 2000 "ซาวิเยร์" พยายามอย่างยิ่งที่จะพาครอบครัวอพยพไปยังฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จ หนำซ้ำยังเสียเงินก้อนโตไปกับความพยายามที่ว่านี้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น "ซาวิเยร์" จึงพาครอบครัว มาปักหลักที่เมืองน็องต์อันเงียบสงบ ด้วยเงินทองที่ร่อยหรอลงทุกทีๆ

...

และนั่นคือ...จุดเริ่มต้นของปัญหาที่ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในครอบครัวอย่างเงียบๆ

ปัญหาทางการเงินเริ่มทำให้ "ซาวิเยร์" มีความเครียดสะสม ปี 2005 เขาถูกภรรยาแจ้งข้อหาใช้กำลังทำร้ายลูกชายคนโต (อาร์ตูร์) นอกจากนี้ การนำเงินไปลงทุนในหลายๆ ธุรกิจของเขาต่างล้วนแล้วแต่ประสบความล้มเหลวทั้งสิ้น จนกระทั่งถึงปี 2011 "ซาวิเยร์" ก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว

"ชีวิตของฉันอาจถึงจุดสิ้นสุด หากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฉันไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 25,000 ยูโร"

ข้อความจากอีเมลของ "ซาวิเยร์" ที่ส่งถึงชู้รักที่เขาเก็บซ่อนไว้ที่กรุงปารีสเมื่อปี 2010 คือ หลักฐานชิ้นดีที่บ่งบอกถึงความย่ำแย่ทางการเงินของเขาในช่วงเวลาวิกฤตินั้น

อาวุธสังหาร มรดกเพียงชิ้นเดียวที่ได้รับจากบิดา

ท่ามกลางหายนะที่ใกล้จะเข้ามาเยือน ในช่วงมกราคม ปี 2011 บิดาของเขา แบร์นาร์ด โอแบรต์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส ได้เสียชีวิตลง "ซาวิเยร์" ได้เดินทางไปที่อพาร์ตเมนต์ของพ่อ โดยหวังว่าจะได้ทรัพย์สินหรือของมีค่าติดไม้ติดมือกลับไปบ้างในฐานะทายาทขุนนางเก่า

...

แต่แล้ว...เขา ก็ได้พบกับความจริงที่โหดร้ายว่า บิดาของเขาก็ประสบปัญหาทางการเงินก่อนที่จะเสียชีวิต และไม่เหลืออะไรเอาไว้ให้เป็นมรดกแก่เขาเลย ยกเว้นเพียงปืนไรเฟิล .22 กระบอกเดียวเท่านั้น!

โดยหลังจากได้มันมา "ซาวิเยร์" ซึ่งปกติแทบไม่เคยแสดงความสนใจอาวุธปืน ได้ไปขอใบอนุญาตการใช้ปืนและเริ่มนำมันไปฝึกซ้อมยิงบ่อยๆ แถมในบางครั้งยังพา "อาร์ตูร์" ลูกชายคนโตไปร่วมการฝึกซ้อมที่ว่านี้ด้วย

หากแต่...สิ่งที่น่าผิดสังเกตนอกจากความคลั่งไคล้ปืนที่ออกนอกหน้าของ "ซาวิเยร์" ก็คือ จู่ๆ เขาก็สั่งซื้ออุปกรณ์เก็บเสียงสำหรับปืนไรเฟิล ปูนซีเมนต์ ปูนขาว กระสุนปืน อุปกรณ์ทำความสะอาด ถุงขยะ จอบ และรถเข็น โดยที่คนในครอบครัวไม่มีใครได้ทันสังเกต

จากนั้น...ก็เริ่มมีบางอย่างที่ผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อคนในครอบครัวค่อยๆ หายตัวไปทีละคนสองคนจากสายตาของเพื่อนบ้านและคนใกล้ชิดทั้งที่โรงเรียนและที่ทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2011 หรือก่อนที่บ้านพักเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง จะปิดตาย

...

เหตุใดจึงไม่มีใครเกิดความสงสัยในการหายตัวไปของคนทั้ง 5 ชีวิต?

11 เมษายน 2011

จดหมาย 4 หน้ากระดาษที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของ "ซาวิเยร์" ได้ถูกกระจายส่งถึงบรรดาคนใกล้ชิดของสมาชิกในครอบครัว โดยมีการระบุข้อความว่า แท้ที่จริงแล้ว "เขา" เป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ โดยสาเหตุที่ทำให้ต้องย้ายครอบครัวไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทุกคนได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย และนับจากนี้เป็นต้นไป เขาและสมาชิกในครอบครัวจะไม่สามารถติดต่อกับใครได้ในทุกๆ ช่องทางการติดต่อ จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยดีแล้ว

นอกจากนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวยังได้เน้นย้ำกับผู้รับจดหมายทุกคนด้วยว่า หากใครถามถึงการหายตัวไปของพวกเขา ให้ตอบว่า สมาชิกทุกคนในครอบครัว ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส ได้ย้ายไปปักหลักทำธุรกิจที่ประเทศออสเตรเลียด้วย

การพบความจริงที่น่าตกตะลึงและชวนสยดสยอง

13 เมษายน 2011

บ้านพักที่ปิดตายและไม่มีใครพบเห็นความเคลื่อนไหวของสมาชิกครอบครัวที่มีจำนวนมากถึง 6 คนเป็นเวลานาน ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดสำหรับเพื่อนบ้านที่อยู่ติดๆ กัน ทำให้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่บ้านพักเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง

หากแต่การตรวจสอบภายในบ้านที่ปิดตายนั้นไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ หนำซ้ำ! การที่ผ้าปูเตียงถูกถอดออกและรูปถ่ายบางส่วนหายไป ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตีความในแง่ดีด้วยว่า ทั้งครอบครัวน่าจะย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้วด้วย

แต่นั่นยังไม่ใช่คำตอบที่ครอบครัวของโอดองเชร์ต้องการ พวกเขาแปลกใจกับข้อความแปลกๆ ในจดหมาย ที่อ้างถึงเหตุผลในการย้ายถิ่นฐาน เพราะหากแม้จะเป็นเรื่องจริง โอดองเชร์จะไม่แม้แต่กล่าวคำอำลากับใครสักคนที่ใกล้ชิดเลยได้อย่างไร พวกเขาจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปตรวจสอบในบ้านพักเลขที่ 55 อีกถึง 6 ครั้ง จนกระทั่ง...

21 เมษายน 2011

การเข้ามาตรวจภายในบ้านพักเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง ครั้งที่ 7 เมื่อเจ้าหน้าที่เดินไปที่สวนหลังบ้าน และสังเกตถึงความผิดปกติบริเวณใต้ชานบ้านพัก พวกเขาก็ได้พบเข้ากับหลุม 2 หลุมที่ถูกขุดเอาไว้เพื่อฝังศพ 5 สมาชิกตระกูลดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส พร้อมซากสุนัข 2 ตัวที่ครอบครัวเลี้ยงไว้...

แต่สิ่งที่ขาดหายไป คือ...ซาวิเยร์ เขาหายไปไหน? หลังจากสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวถูกเพื่อนบ้านพบเห็นครั้งสุดท้ายว่ามีชีวิตอยู่เมื่อเกือบ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

ผลการชันสูตรทั้ง 5 ศพที่ได้ คือ คำตอบของคำถามที่ว่านั้น?

ทั้ง 5 ศพถูกวางยานอนหลับ ก่อนถูกสังหารด้วยอาวุธปืนไรเฟิล .22 อืม...รวมถึงสุนัขทั้ง 2 ตัวก็ถูกสังหารด้วยปืนกระบอกเดียวกันนี้ด้วย

อาวุธปืนที่สังหารบวกกับการหายตัวไปเพียงคนเดียว แทบไม่เหลือคำตอบอื่นใดแล้วว่า ใครคือคนที่ลงมือ! ตำรวจฝรั่งเศสออกหมายจับ "ซาวิเยร์" ทันที แม้มันจะล่าช้าไปเกือบ 3 สัปดาห์ จนแทบจินตนาการไปไม่ถึงแล้วว่า เขาสามารถหลบหนีไปได้ไกลถึงขนาดไหนแล้วก็ตาม!

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาวิเคราะห์พฤติกรรมการสังหาร 5 ศพของ "ซาวิเยร์" ว่า การหายตัวไปของเขาน่าจะไม่ใช่เพราะต้องการหนีจากความผิดที่ได้กระทำ แต่น่าจะเป็นเพราะต้องการไปจบชีวิตตามคนที่รักไปในท้ายที่สุดเสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเขานำปืนอาวุธสังหารคนในครอบครัวที่เขารักติดตัวไปด้วย

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

1. การแสดงถึงความรักที่มีต่อผู้จากไป

การฝังศพอย่างถูกต้องตามพิธีกรรมทางศาสนา มีการใช้ผ้าห่อศพและมีสัญลักษณ์ตามพิธีกรรมของผู้เคร่งศาสนาถูกฝังลงไปพร้อมกับศพ การทำความสะอาดจนไม่พบรอยเลือดหลังการสังหารภายในบ้านพัก และเขายังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระยะหนึ่งหลังจากก่อเหตุฆาตกรรมด้วย

2. ไม่มีความพยายามที่จะปิดบังอำพรางเส้นทางการหลบหนี

เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงให้ปากคำว่า เห็นเขาขับรถยนต์ออกจากบ้านเมื่อวันที่ 8 เมษายน และก่อนออกจากบ้าน เขาได้ส่งอีเมลถึงคนในครอบครัวจากคอมพิวเตอร์ในบ้านด้วย

มีการกดเงินจากบัตร ATM และใช้บัตรเครดิตอย่างเปิดเผยตามร้านอาหารและโรงแรม 3-4 แห่งที่เขาเข้าพักในชื่อปลอม นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดตามท้องถนนที่จับภาพรถยนต์ที่ "ซาวิเยร์" ใช้หลบหนีได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ เส้นทางที่เขามุ่งไปล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางที่พาเขาหวนกลับรำลึกถึงความสุขกับครอบครัวในช่วงสมัยที่รุ่งโรจน์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใดด้วย

จนกระทั่ง ตำรวจได้พบภาพจากกล้องวงจรปิดก็สามารถระบุถึงสถานที่สุดท้ายที่ "ซาวิเยร์" ปรากฏตัวได้

22 เมษายน 2011 หรือเพียงแค่วันเดียวหลังจากมีการพบ 5 ศพ ตระกูลดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส ที่บ้านเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง

ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมฟอร์มูล วัน (Formule 1) ในรอกเกอบรูน-ซูร์-อาร์ฌ็องส์ (Roquebrune-sur-Argens) ได้เผยให้เห็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมโหด 5 ศพ ขณะเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม พร้อมกระเป๋าสะพายหลังสีดำ ก่อนจะเดินหายตัวไปในป่า และทิ้งรถยนต์ที่ใช้หลบหนี ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถโรงแรมไปเฉยๆ

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดนี้ บันทึกเหตุการณ์ดั่งที่ว่าไว้ตามบรรทัดด้านบน ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 15 เมษายน 2011 หรือก่อนหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสจะมาพบภาพนี้เกือบ 1 สัปดาห์!

การหายตัวอย่างไร้ร่องรอยและเต็มไปด้วยปริศนา

รอกเกอบรูน-ซูร์-อาร์ฌ็องส์ คือ สถานที่ที่มีพื้นที่ขนาด 106.1 ตารางกิโลเมตร แถมยังเต็มไปด้วยภูเขารายล้อมและถ้ำต่างๆ มากมาย การค้นหาคนเพียงคนเดียวย่อมเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก รวมถึงมีการค้นหาทางอากาศอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววว่าจะได้พบตัว "ซาวิเยร์"

นอกจากนี้ พฤติกรรมที่ไม่พยายามอำพรางการหลบหนีหรือหลบซ่อนตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการหายตัวไปในป่าพร้อมกระเป๋าสะพาย ซึ่งอาจจะมีอาวุธปืนอยู่ในนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า นี่คือ การเดินทางครั้งสุดท้ายของ "ซาวิเยร์" เพื่อหวังจะไปปลิดชีพในสถานที่ลี้ลับสักแห่ง ที่ยากจะมีใครมาพบเห็นในรอกเกอบรูน-ซูร์-อาร์ฌ็องส์ แน่นอน

อย่างไรก็ดี การหายตัวอย่างปริศนาของ "ซาวิเยร์" ที่แม้ปัจจุบัน (ปี 2021) จะยังไม่มีใครรู้ว่าเขายังอยู่หรือตายไปแล้ว แต่ตำรวจฝรั่งเศสก็ยังคงพยายามติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยคดีฆ่า 5 ศพ บ้านเลขที่ 55 ถนนโบเลอวาร์ด โรแบรต์ ชูมัง อยู่ต่อไป

ถึงแม้ว่า...บางทีอาจจะไม่มีทางพบตัว ชายผู้มีนามว่า ซาวิเยร์ ดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส ไปตลอดกาลก็ตาม!

และแน่นอนเมื่อเกิดฆาตกรรมปริศนาที่สุดลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนามากมาย ผลที่ตามมา คือ การคิดค้นทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ต่างๆ มากมายเพื่อพยายามหาคำตอบของปริศนาที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็เช่นเดียวกับคดีนี้

ทฤษฎีสมคบคิดในคดีฆาตกรรมบ้านแห่งความสยองขวัญ

ทฤษฎีที่ 1 ซาวิเยร์ไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง

จะเป็นไปได้อย่างไรที่ชายอายุ 50 ปี จะสามารถเคลื่อนย้ายศพถึง 5 ศพ บวกกับซากสุนัขอีก 2 ตัว ออกไปนอกบ้านและฝังลงใต้ชานสวนหลังบ้านได้ด้วยตัวเองคนเดียว และไม่มีใครพบเห็น นอกจากนี้ การหายตัวไปอย่างปริศนาได้ด้วยการสร้างฉากราวกับจะปลิดชีพตัวเอง มันยังดูสลับซับซ้อนเกินไปกว่าที่เขาจะคิดได้เองด้วย

ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น "ซาวิเยร์" ได้จ้างนักฆ่ามืออาชีพมาเป็นผู้ลงมือทั้งหมดรวมถึงการพาตัวหลบหนี

ทฤษฎีที่ 2 ซาวิเยร์และสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

เช่นเดียวกับทฤษฎีแรก คือ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้ชายเพียงคนเดียวจะสามารถเคลื่อนย้ายถึง 5 ศพออกไปฝังนอกบ้านได้ นอกจากนี้ การขุดหลุมที่ลึกและกว้างมากพอสำหรับฝังศพถึง 5 ศพ และสุนัขอีก 2 ตัวได้นั้น ปริมาณดินที่ขุดขึ้นมาต้องมากพอสมควร อีกทั้งจุดที่ขุดนั้นก็เป็นบริเวณใต้ชานสวนหลังบ้าน ซึ่งยากลำบากในการที่จะยืนขุดดินเข้าไปอีก

คำถามคือ "ซาวิเยร์" ขุดหลุมลึกและกว้างแบบนั้นด้วยท่าทางที่ยากลำบากด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร โดยไม่ให้เพื่อนบ้านผิดสังเกตและเขาจัดการอย่างไรกับปริมาณดินที่ว่านั้นด้วย

นอกจากนี้ การเข้าตรวจค้นบ้านหลายครั้งในช่วงที่มีข่าวว่าสมาชิกภายในบ้านหายไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลายครั้งที่มีรายงานไม่สอดคล้องกัน เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายข้าวของภายในบ้าน

รวมถึงคำให้การของเพื่อนบ้านเกี่ยวกับวันและเวลาที่พบเห็นเหล่าสมาชิกตระกูลดูปองต์ เดอ ลิกอนเนส ณ บ้านที่เกิดเหตุเป็นครั้งสุดท้าย ที่หลายครั้งไม่สอดคล้องกัน

โดยทฤษฎีเชื่อมั่นว่า คนในตระกูลทั้งหมดรวมถึง "ซาวิเยร์" ยังมีชีวิตอยู่ โดยใช้การตายเป็นฉากบังหน้าเพื่อสร้างตัวตนใหม่ แต่อย่างไรก็ดี ทฤษฎีนี้มีคนให้ความเชื่อถือน้อย เนื่องจากไม่สามารถอธิบายการยืนยันตัวตนหลังจากชันสูตรพลิกศพทั้ง 5 ศพได้แล้ว

ผู้เขียน: นายฮกหลง
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์

ข่าวที่น่าสนใจ: