ทำความรู้จัก Gran Turismo จุดเริ่มต้นการปฏิวัติเกมแข่งรถสุดเหมือนจริง ที่ ณ วันนี้ เริ่มก้าวเท้าเข้าสู่โลกภาพยนตร์...
สำหรับวงการเกมแข่งรถแล้วนั้น "Gran Turismo" (หรือชื่อที่เรียกกันสั้นๆ ว่า GT) น่าจะเป็นหนึ่งในเกมโดดเด่นกว่าใครๆ เพราะมันไม่ใช่เกมแข่งรถธรรมดา แต่เป็นเกมที่บุกเบิกสร้างแนวทางเกมจำลองการขับรถที่สมจริงแบบ "Real Driving Simulator" ขึ้นมา จนเป็นที่นิยมแพร่หลาย และมียอดขายทุกภาครวมกันมากกว่า 90 ล้านชุด ครองตำแหน่งเกม Exclusive ที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของ PlayStation มาจนถึงปัจจุบัน และในวันที่ 10 สิงหาคม เกมแข่งรถระดับตำนานเกมนี้ กำลังจะกลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ประจำปีอีกหนึ่งเรื่อง ผมเลยอยากจะใช้โอกาสนี้ในการแนะนำทั้งตัวเกม และภาพยนตร์ให้คุณผู้ชมได้รู้จักกันสักเล็กน้อย
"Gran Turismo" นั้นถูกสร้างโดยหนึ่งในเกมดีไซเนอร์ระดับตำนานอย่าง "คุณคาซูโนริ ยามาอูชิ" ผู้คร่ำหวอดและคลั่งไคล้ในวงการยานยนต์มาตั้งแต่วัยหนุ่ม ภายใต้สังกัดทีมพัฒนาอย่าง Polyphony Digital หนึ่งในสตูดิโอของ Sony PlayStation ด้วยความรักรถยนต์
...
ทำให้เขามีความใฝ่ฝันที่จะสร้างเกมแข่งรถที่มีความสมจริงแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนขึ้นมา เพราะก่อนการมาถึงของ GT เกมแข่งรถในยุคนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแนวอาร์เคด (Arcade Racing) คือเป็นการแข่งรถแบบไม่ได้เน้นความสมจริงอะไร กราฟิกก็ทำมาอย่างง่ายๆ บางครั้งก็ออกแนวการ์ตูนเสียด้วยซ้ำ เรื่องเกมเพลย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เน้นความฉับไวรวดเร็วสะใจเข้าว่า
หลายครั้งก็กลายเป็นเกมแอ็กชันยิงอาวุธใส่กันไปเลยก็มี พูดง่ายๆ ว่า ผู้เล่นเกมแข่งรถในสมัยนั้น ไม่จำเป็นต้องขับรถเป็นจริงๆ เพื่อที่จะสนุกกับเกมได้ แต่มันก็ทำให้ไม่มีเกมไหนเลยในตลาด ที่นำเสนอคอนเซปต์ของการแข่งรถแบบจริงจัง ที่ต้องดึงเอาความรู้และทักษะการขับรถในชีวิตจริงของผู้เล่นมาใช้ภายในเกม
ดังนั้นเมื่อ Gran Turismo ภาคแรก ปรากฏตัวขึ้นบนเครื่อง PlayStation ในปี 1997 มันจึงกลายเป็นปรากฏการณ์ของการปฏิวัติพลิกโฉมเกมแข่งรถ ที่สร้างประสบการณ์อันแปลกใหม่ให้กับผู้เล่นทั่วโลก ด้วยความใส่ใจรายละเอียดในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอารถลิขสิทธิ์ของจริง จากบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกมาใส่ภายในเกม จนทำให้รูปแบบของรถนั้นเหมือนจริงกว่าเกมไหนๆ การปรับแต่งตัวรถได้อย่างละเอียดทุกชิ้นส่วน และมันจะส่งผลกับสมรรถนะของตัวรถอย่างรู้สึกได้ ชนิดที่เรียกว่าเติมเต็มความฝันของคนที่อยากจะได้สัมผัสกับความรู้สึกของรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ให้เป็นจริงขึ้นมาได้สักครั้งหนึ่ง มันจึงเป็นเกมสำหรับคนรักรถทุกคนที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงคนเล่นเกมเท่านั้น
องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้นับเป็นเสน่ห์ที่หาจากเกมไหนๆ ไม่ได้เลยครับ ทำให้ GT ประสบความสำเร็จอย่างสูง และทุกภาคที่วางจำหน่ายต่อมา ก็ได้มีการพัฒนาระบบการเล่นด้านอื่นๆ เสริมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกราฟิกที่ยกระดับมาตรฐานความสวยงามขึ้นไปทุกภาค, การใส่ระบบฟิสิกส์ที่สมจริงและดียิ่งขึ้น, จำนวนรถและสนามที่มากกว่าเดิม, ระบบมัลติเพลเยอร์ให้ผู้เล่นแข่งขันออนไลน์กันได้, หรือแม้แต่การรองรับกล้อง VR เรียกได้ว่านี่คือเกมเรือธงที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับ PlayStation ผลักดันทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างสิ่งที่ดีกว่าขึ้นมาเสมอ แต่ทีเด็ดที่ช่วยส่งให้ GT เป็นเกมแข่งรถที่เหนือล้ำกว่าเกมอื่นๆ น่าจะอยู่ที่การสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับบริษัทรถยนต์ทั่วโลก ตลอดช่วงเวลากว่า 25 ปีของซีรีส์
ด้วยจุดขายของเกมคือความสมจริง ทำให้ทีมพัฒนาต้องทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านการนำเอารถที่มีขายในท้องตลาด หรือรถคอนเซปต์คาร์จากค่ายรถยนต์ต่างๆ มาใส่ไว้ในเกม หรือการส่งข้อมูลการขับขี่ของผู้เล่นทั่วโลกให้กับค่ายรถ เพื่อให้พวกเขานำข้อมูลนั้นไปวิเคราะห์และพัฒนารถที่ดีขึ้น การพึ่งพาอาศัยกันอย่างสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนี้ทำให้ต้นสังกัดอย่าง Sony ได้ทำสัญญารูปแบบใหม่กับค่าย Nissan อย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน นั่นคือการสร้างโปรแกรมฝึกฝนทักษะนักแข่งกึ่งการตลาดกึ่งรายการทีวี ที่มีชื่อว่า GT Academy ขึ้นมาในปี 2008
...
โครงการนี้ จะเป็นการคัดเลือกผู้เล่นเกม Gran Turismo ที่ทำผลงานได้ดีในการแข่งภายในเกมมาคัดตัว เพื่อเข้าแคมป์ฝึกฝนและแข่งขันกัน โดยจะค่อยๆ คัดคนตกรอบออกไปจนสุดท้ายจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว และเขาคนนั้นนอกจากจะได้ครองตำแหน่งแชมป์รายการแล้ว เขายังจะได้รับคัดเลือกให้เข้าไปร่วมทีมแข่งรถ Nissan และร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์การแข่งรถต่างๆ ในชีวิตจริง แม้แต่ "สนาม Le Mans" การแข่งขันที่ทรงเกียรติและโหดหินที่สุดของโลก
สำหรับใครที่ไม่รู้จักการแข่งขัน Le Mans ผมขออนุญาตอธิบายให้ฟังแบบคร่าวๆ การแข่งขันนี้จัดขึ้นที่ "เมืองเลอมังส์" ทางตะวันตกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สนามที่ใช้แข่งขันมีชื่อว่า Circuit de La Sarthe เซอร์กิต เดอลาร์ซาธ จุผู้ชมได้หนึ่งแสนคน และมีระยะทาง 13.5 กิโลเมตร นับเป็นสนามที่มีระยะทางยาวที่สุดในโลก
ซึ่งนี่ไม่ใช่การแข่งขันความเร็วธรรมดาแบบใครขับรถเร็วกว่า เข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกแล้วจะเป็นผู้ชนะ ขึ้นโพเดียมชูถ้วยรางวัล เปิดแชมเปญนะครับ แต่มันจะเป็นการแข่งแบบรวดเดียว 24 ชั่วโมง แล้วตัดสินกันว่าทีมไหนที่สามารถขับรถกินระยะทางได้ไกลที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นนี่คือการแข่งขันของทั้งตัวนักแข่งและค่ายรถว่าใครจะสร้างรถที่ทั้งเร็ว, ทน และประหยัดน้ำมันได้มากกว่ากัน เพราะรถที่เข้าแข่งขันจะต้องถูกขับด้วยความเร็วสูงระดับทะลุ 300 กิโลเมตรต่อตัวชั่วโมงเป็นเวลานาน และต้องใช้เวลาในการซ่อมบำรุง ดูแลรักษา เติมน้ำมัน เปลี่ยนยางให้น้อยที่สุด
...
แม้แต่ตัวคนขับก็ต้องมีทั้งทักษะ และความอึดสูงมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดว่าหนึ่งทีมแข่งขันต้องใช้คนขับรถถึง 3 คนต่อรถหนึ่งคัน สลับสับเปลี่ยนกันเลยทีเดียว ซึ่งรถจำนวนมากจะพังก่อนจบการแข่งขันด้วยซ้ำครับ ไม่ว่าจะเกิดจากรถมีปัญหา หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุจากฝีมือคนขับ
สำหรับใครที่อยากรู้สถิติของระยะทางไกลที่สุดที่ผู้ชนะเคยทำกันเอาไว้หลังจากขับรถต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ก็อยู่ที่ 5,410 กิโลเมตร หรือวนรอบสนามไปเกือบ 400 รอบ และค่ายรถที่คว้าตำแหน่งแชมป์มากที่สุดก็คือ "Porsche"
นี่คือการแสดงถึงความอหังการของทีมพัฒนาเกมที่มั่นใจว่า รายละเอียดต่างๆ ภายในเกมของพวกเขานั้นสมจริงมากพอที่ไม่เพียงแต่จะสามารถสร้างนักแข่งรถขึ้นมาได้ แต่ยังเก่งกาจมากพอขนาดสามารถเข้าแข่งขันในรายการที่ยากที่สุดของโลกได้ด้วย แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนผ่านวิดีโอเกมเท่านั้นก็ตาม
...
และนั่นก็ทำให้เรามาถึงเรื่องราวของภาพยนตร์ Gran Turismo กันบ้าง ในตอนแรกที่ทราบข่าวว่าจะมีการสร้างภาพยนตร์จากเกมแข่งรถเนี่ย ก็มีความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยครับ เพราะว่าปกติเกมแข่งรถก็มันจะไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนหรือน่าติดตามมากพอจะนำมาทำเป็นหนังได้ แต่สำหรับ GT สิ่งที่ผมเล่าไปข้างต้นกลายเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่จะถูกหยิบมาทำเป็นหนังได้
เพราะมันสร้างจากเรื่องจริงสุดอัศจรรย์ของเด็กหนุ่มจากอังกฤษอย่าง Jann Mardenborough ยานน์ มาร์เดนโบรห์ ที่เข้าร่วมโครงการ GT Academy ในปี 2011 ด้วยวัยเพียง 19 ปีในตอนนั้น จากเด็กติดเกมที่เล่น "Gran Turismo" เกมรักของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย มาได้โอกาสในการเป็นนักแข่งระดับโลก ผ่านการขับรถในสนามจำลองนับพันรอบ จนคุ้นเคยและจำมันได้ขึ้นใจ เขาได้สร้างปาฏิหาริย์ ฝ่าฟันอุปสรรคที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำสำเร็จ และได้กลายเป็นนักแข่งรถอาชีพในที่สุด เส้นทางการผจญภัยของเขานั้นเต็มไปด้วยความน่าประทับใจมากมาย ส่วนมันจะอลังการขนาดไหน ก็เตรียมไปพบกันได้ในภาพยนตร์ Gran Turismo 10 สิงหาคมนี้
อ่านบทความและรับชมคลิปรายการ "รู้รอบเกม" จาก "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" เพิ่มเติม: