"รายการรู้รอบเกม" เพราะอะไร? Evil Dead: The Game จึงเป็นเกมผีอมตะที่สนุกเหนือความคาดหมาย...

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกำหนดฉายอย่างเป็นทางการของ Evil Dead Rise ภาคล่าสุดของหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญระดับตำนานของโลกอย่าง Evil Dead ซึ่งมีประวัติศาสตร์โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงทั้งในรูปแบบ หนัง การ์ตูนหรือวิดีโอเกม มากว่า 40 ปีแล้ว ในวันนี้ผม "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" หรือ "พี่กู้" Content Creator สายเกมไทยรัฐออนไลน์ จะมาแนะนำให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับทั้งตัวภาพยนตร์ทุกภาค รวมไปถึงวิดีโอเกมตัวล่าสุด ซึ่งสนุกเกินคาดอย่าง Evil Dead: The Game 

"กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" หรือ "พี่กู้" Content Creator สายเกมไทยรัฐออนไลน์

...

ถ้าพูดถึงชื่อของผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Sam Raimi (แซม ไรมี่) เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักผลงานของเขาเป็นอย่างดี เพราะได้ฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีซเอาไว้มากมายหลายเรื่อง และนับเป็นผู้กำกับเกรด A ของฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น Doctor Strange in the Multiverse of Madness ซึ่งก็เพิ่งฉายไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง หรือย้อนกลับไปหน่อยก็คือ Spider-Man ไตรภาค ที่นำแสดงโดย "โทบี้ แมกไกวร์" ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์แล้วก็รายได้ แต่จุดเริ่มต้นในเส้นทางผู้กำกับของเขานั้นต้องย้อนกลับไปในปี 1981 ตัว "ไรมี่และเพื่อนซี้วัยเด็กอย่าง Bruce Campbell (บรูซ แคมเบล)" ได้พยายามจะสร้างหนังสยองขวัญเล็กๆ สักเรื่องขึ้นมา และพวกเขาก็ได้มีการถ่ายหนังสั้น หนังตัวอย่างหลายเรื่อง แล้วก็ไปขอเงินจากนายทุนหลายเจ้า จนสุดท้ายก็ได้เงินมาก้อนหนึ่งมาทำหนังที่ใช้ชื่อระหว่างการผลิตว่า Book of the Dead ซึ่งก็นำแสดงโดยตัว "บรูซ แคมเบล" และกำกับโดย "แซม ไรมี่" เอง

แซม ไรมี่ (Sam Raimi) ผู้กำกับ
แซม ไรมี่ (Sam Raimi) ผู้กำกับ

เนื้อเรื่องของหนังก็คือ มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นชายหญิงเข้าไปพักค้างอ้างแรมกลางป่าห่างไกลผู้คน และพวกเขาก็ได้ไปพบหนังสืออาถรรพณ์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเปิดประตูนรกอัญเชิญภูติผีปิศาจมายังโลกมนุษย์ได้ ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นก็เผลอไปเปิดประตูนำเอาวิญญาณชั่วร้ายนั้นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ณ กระท่อมกลางป่าของพวกเขา และถูกวิญญาณนั้นสิงสู่ร่างจนทำร้ายเพื่อนคนอื่น เป็นเหตุให้เพื่อนรักต้องหันมาฆ่ากันเองทีละคน จนสุดท้ายเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวนั่นก็คือ บรูซ แคมเบล ในบท แอช วิลเลียม พระเอกของเรื่องนั่นเอง 

บรูซ แคมเบล (Bruce Campbell) พระเอกตลอดกาลของภาพยนตร์ผีอมตะ
บรูซ แคมเบล (Bruce Campbell) พระเอกตลอดกาลของภาพยนตร์ผีอมตะ

หลังจากถ่ายทำเสร็จก็ต้องนำหนังนั้นไปฉายครับ ด้วยเหตุผลทางการตลาดก็เลยมีการเปลี่ยนชื่อจาก Book of the Dead ให้กลายเป็น The Evil Dead (ผีอมตะ) อย่างที่เราได้รู้จักมันในวันนี้ หนังภาคแรกนั้นถือว่าประสบความสำเร็จใช้ได้ครับ เพราะด้วยความงบน้อย ทีมงานมีข้อจำกัดในการถ่ายทำหลายอย่าง ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์แพงๆ แม้แต่กล้องและฟิล์มก็หาแบบถูกๆ, สเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ทำกันแบบบ้านๆ, ดาราก็เอาเพื่อนกันมาเล่น แต่ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้มันก็ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการถ่ายทำหลายอย่างมาชดเชย จนทำให้ตัวหนังมีเอกลักษณ์แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ แถมได้แรงส่งจากราชานิยายสยองขวัญอย่าง "สตีเฟน คิง" ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วถึงกับออกปากชมว่ามันสนุกและมีความออริจินอลสูงมาก

...

หลังจากที่หนังภาคแรกออกฉายไป คู่หูผู้กำกับนักแสดงไรมี่และแคมเบลก็ได้เข้าวงการบันเทิงเต็มตัวครับ มีโอกาสได้ทุนจากสตูดิโอบิ๊กเนม ได้แสดงหนังที่ฟอร์มใหญ่ขึ้น แต่ก็ปรากฏว่าหนังของพวกเขานั้นเจ๊งไม่เป็นท่า จนทั้งสองคนตัดสินใจว่าเราจะกลับมาตายรังทำหนังที่สร้างชื่อให้ตัวเองอย่าง Evil Dead กันอีกครั้ง

ในคราวนี้ครับ พวกเขาได้ทุนสร้างมากขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับคำขอให้สร้างหนังที่มีอารมณ์คล้ายกับภาคแรก ซึ่งในคราวนี้ขัดกับเจตนาของผู้กำกับ แต่ว่านายทุนว่าไงสองคู่หูก็ต้องยอมครับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เลยทำให้หนัง Evil Dead 2 : Dead by Dawn กลายเป็นหนังรีเมค The Evil Dead ภาคแรกที่พวกเขาทำไว้ โดยเนื้อเรื่องแทบจะเหมือนเดิมเป๊ะทุกอย่าง เหตุเกิดในกระท่อมหลังเดิม มีกลุ่มตัวเอกติดอยู่ในนั้นแล้วถูกปิศาจสิง และค่อยๆ ตายไปทีละคน แต่ว่าภาคนี้มีความเล่นใหญ่มากขึ้น ลงทุนมากขึ้น มีเอฟเฟกต์อลังการมากขึ้น เพราะว่างบเยอะขึ้นกว่าเดิม แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือในภาคนี้ผู้กำกับได้ใส่สิ่งที่ทำให้หนังแตกต่างและกลายเป็นที่จดจำจนเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ นั่นก็คือฉากแอ็กชันเว่อร์ๆ, ฉากเลือดสาดแบบเอาเลือดมาเทกันเป็นทะเล, แล้วก็มุกตลกครับ เรียกได้ว่า Evil Dead 2 แทบจะเป็นหนังเรื่องแรกๆ ที่มีการนำเอามุกตลกทั้งในด้านบทพูด หรือรูปแบบการแสดงมาผสมผสานเข้าไปในหนังสยองขวัญ จนกลายเป็นลายเซ็นของมันไปเลย

...

หลังจากภาคสองออกฉาย ตัวหนังถือว่าประสบความสำเร็จใช้ได้ครับ ทั้ง แคมเบลและไรมี่ ก็ได้ไปกำกับและแสดงหนังอีกหลายเรื่อง ก่อนจะกลับมาทำโปรเจกต์ที่พวกเขาฝันเอาไว้ นั่นก็คือภาคต่อที่แท้จริงของ Evil Dead จำได้ไหมครับที่ผมเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ทั้งสองคนได้ทุนมาสร้าง Evil Dead 2 พวกเขาถูกสั่งให้สร้างหนังที่มีบรรยากาศคล้ายภาคแรก ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของทั้งคู่ แต่ในคราวนี้พวกเขาได้สิทธิในการทำอะไรตามใจได้ เพราะพิสูจน์ฝีมือกันมาพอแล้ว นายทุนจึงไฟเขียวให้สร้างหนังภาคที่ 3 ที่คราวนี้ใช้ชื่อว่า Army of Darkness สาเหตุเพราะสตูดิโอกลัวคนไม่มาดูหนังภาคสาม เนื่องจากไม่ได้ดูสองภาคก่อนหน้าแล้วจะดูไม่รู้เรื่องก็เลยสั่งเปลี่ยนชื่อมันซะเลย 

เนื้อเรื่องในภาคนี้คือการที่พระเอกของเราถูกส่งย้อนเวลากลับไปยุคกลางครับ ยุคที่มีราชา อัศวิน ต้องยกทัพจับศึกยึดปราสาทราชวังกันนั่นแหละ และตัวเอกของเราก็ต้องไปต่อสู้กับกองทัพปิศาจที่รังควานโลกมาตั้งแต่ตอนนั้น เพื่อที่จะหาทางกลับสู่ยุคสมัยปัจจุบันของตัวเองให้ได้ หนังภาคนี้แทบจะไม่มีความสยองขวัญเหลืออยู่แล้วครับ กลายเป็นหนังแอ็กชันผจญภัยผสมความเฮฮาบ้าบอหลุดโลกกันไปเลย ซึ่งคนชอบก็ชอบ คนไม่ชอบก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อย แต่ที่สำคัญคือหนังทั้งสามภาคได้สร้างกลุ่มแฟนพันธุ์แท้สุดเหนียวแน่นที่ยังรักและติดตามผลงานของทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำอย่างไม่เสื่อมคลายมาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากที่หนังภาคสามฉายไปในปี 1992 ชื่อของ Evil Dead ก็หายไปจากวงการภาพยนตร์นับสิบปี จะมีโผล่มาบ้างก็เป็นสื่อบันเทิงรูปแบบอื่นอย่างการ์ตูน หรือว่าวิดีโอเกมเท่านั้น และแน่นอนว่าแฟนๆ ก็เรียกร้องให้มีการชุบชีวิตหนังในดวงใจของพวกเขาเรื่องนี้มาโดยตลอด 

...

คำอธิษฐานนั้นเป็นจริงในปี 2013 เมื่อหนังภาค 4 ของแฟรนไชส์ได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ ในชื่อสั้นๆ ว่า Evil Dead ที่เป็นเหมือนการรีบูตจักรวาลกันใหม่อีกครั้งเลย แม้จะมีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับและใช้นักแสดงรุ่นใหม่ทั้งชุด แต่ก็มีหลายอย่างที่เป็นคอนเซปต์ตามหนังภาคแรกเป๊ะๆ คือกลับไปเป็นหนังสยองขวัญที่มีเอฟเฟกต์ร่วมสมัยมากขึ้น มีมุกตลกที่น้อยลงไปมาก และนำพาชื่อ Evil Dead หวนคืนสู่รากแห่งความเป็นหนังผีชั้นแนวหน้าที่สนุก ระทึก ดิบ น่าหวาดเสียว และเข้มข้นสะใจสมการรอคอย มันอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่สร้างอะไรใหม่ให้กับวงการเหมือนกับไตรภาคแรก แต่ก็ต้องบอกว่าดูเอามันได้เพลินสุดๆ 

หลังจากนั้น Evil Dead ก็ได้แปรรูปไปเป็นซีรีส์ในชื่อ Ash vs Evil Dead ที่ติดตามเรื่องราวชีวิตของ แอช วิลเลียม ตัวละครเอกจากไตรภาคแรก และนำแสดงโดย บรูซ แคมเบล คนเดิม ที่หลังจากผ่านการผจญภัยมากมาย จนตอนนี้ก็กลายเป็นรุ่นใหญ่วัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังมีเหล่าผีตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ดี ซีรีส์นี้ฉายอยู่ 3 ซีซั่น ระหว่างปี 2015-2018 

และในปี 2022 ก็ได้มีก้าวสำคัญของแฟรนไชส์นี้ นั่นก็คือการวางจำหน่ายของ Evil Dead: The Game ซึ่งเปรียบเทียบได้กับเป็น Love Letter หรือจดหมายรักของตัวซีรีส์ให้กับแฟนๆ เลยทีเดียว เพราะมันเป็นเกมที่รวบรวมเอาประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Evil Dead มาขมวดอยู่ในเกมนี้ทั้งหมด

รูปแบบของ Evil Dead: The Game นั้นคือมันเป็นเกมแนว multiplayer ที่ผู้เล่นสองฝ่ายจะต้องต่อสู้เอาชนะกัน ฝ่ายหนึ่งจะประกอบไปด้วยผู้เล่น 4 คน ที่จะต้องเล่นเป็น Survivor หรือเหล่าผู้รอดชีวิต ซึ่งจะมีตัวละครให้เลือกเล่นหลายตัว และแต่ละตัวก็จะรวบรวมมาจากภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งหมดในจักรวาล Evil Dead ซึ่งทุกคนก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ Leader หรือว่าผู้นำทีมที่จะช่วยให้สมาชิกในทีมทำหน้าที่ของตัวเองได้ง่ายขึ้น, Warrior หรือว่ากลุ่มนักรบ พวกนี้จะเป็นสายต่อสู้ระยะประชิดบวกกับผีซึ่งๆ หน้า, Hunter จะเป็นตัวละครสายยิงไกลถนัดใช้อาวุธปืน และ Support สายสนับสนุนซึ่งจะเป็นคลาสที่ทำให้คนในทีมมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด

ภารกิจของเหล่าผู้รอดชีวิตก็คือ พวกเขาต้องร่วมมือกันตามหาชิ้นส่วนของแผนที่ 3 ชิ้น ที่จะถูกซ่อนอยู่ในแผนที่อันกว้างใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าผีดิบที่จะคอยขัดขวางพวกเขา หลังจากที่ตามหาแผนที่ได้ครบ 3 ชิ้น ทีมผู้รอดชีวิตก็ต้องตามหาหน้าหนึ่งของหนังสือแห่งความตาย และมีดสั้นวิเศษหนึ่งเล่ม เพื่อนำไปทำพิธีขับไล่ปิศาจให้ได้ ซึ่งหากทำสำเร็จพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น แน่นอนว่าแต่ละขั้นของภารกิจความยากของเกมก็จะมากขึ้นเป็นลำดับ 

อีกด้านหนึ่ง ผู้เล่น 1 คน จะต้องเลือกเล่นเป็นปิศาจ 1 ตัว คอยควบคุมกองทัพผีดิบให้มาขัดขวางภารกิจของเหล่าผู้รอดชีวิตให้ได้ แน่นอนว่าปิศาจแต่ละตัวต่างก็เคยปรากฏโฉมอยู่ในหนังหรือซีรีส์ของ Evil Dead มาแล้วทั้งสิ้น เป้าหมายของฝ่ายปิศาจก็คือการลอบทำร้ายและบดขยี้เหล่าผู้รอดชีวิตด้วยกลเม็ดเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ จนสามารถสังหารผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด 

หลักการสำคัญของตัวเกมก็คือการทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่จะต้องมีการสื่อสารกัน แบ่งงานกันทำตามหน้าที่ และเกาะกลุ่มกันไว้ให้มั่น เพราะฝ่ายปิศาจนั้นจ้องจะแยกผู้เล่นออกจากกันและสร้างค่าความกลัวให้กับเหล่าตัวละคร ซึ่งเมื่อความกลัวสูงถึงขั้นสติแตก ผู้เล่นฝ่ายปิศาจก็จะสามารถสิงร่างของผู้รอดชีวิตและบังคับให้ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันต้องฆ่ากันเองได้ด้วย นับว่าเป็นเกมที่มีลูกเล่นแปลกใหม่เฉพาะตัว และสนุกเหนือความคาดหมาย ต่างจากเกมจากหนังเรื่องอื่นๆ หลายต่อหลายเกมเลยทีเดียว

และหากทุกคนอ่านมาถึงตอนนี้ คุณก็อาจจะสนใจในซีรีส์ Evil Dead ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ซึ่งก็ถือว่าจังหวะเหมาะเจาะพอดี เพราะว่าเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ภาพยนตร์ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์อย่าง Evil Dead Rise ก็ได้ฤกษ์เปิดฉายพร้อมกันทั่วโลก และหาชมได้ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน ซึ่งผมได้มีโอกาสไปดูมาแล้วนะครับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาคที่ทำออกมาได้ดีมากทีเดียว ความสนุกได้มาตรฐานทัดเทียมกับที่ภาค 2013 ทำเอาไว้ มีความน่ากลัว ลุ้นระทึก เต็มไปด้วยฉากรุนแรง เลือดสาด ฉาบฉากจนแดงฉาน สะใจคนชอบความดิบแน่นอน แถมมีการใส่อีสเตอร์เอค นำเอาเอกลักษณ์ของภาคก่อนๆ มาเซอร์วิสแฟนๆ ในช่วงต่างๆ ของหนังหลายจุด ซึ่งก็เป็นการโอบรับความเป็นมาอันยาวนานของตัวหนังได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งหนังแนะนำที่อยากให้ทุกคนไปดูกัน และถ้าเป็นไปได้ก็อย่าลืมหาเกมมาเล่นกันด้วย เพราะช่วงนี้เพิ่งออก Game of the Year Edition มาฉลองครบรอบการวางจำหน่ายหนึ่งปีไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ไม่แน่ว่าในอนาคตก็อาจจะมีการใส่เนื้อหาจากหนังภาคใหม่ Evil Dead Rise เข้าไปในเกมเพิ่มเติมก็ได้ 

รับชมรายการ "รู้รอบเกม" กับ "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" เพิ่มเติม :