SM Entertainment ภายใต้การปฏิรูป SM 3.0 กับรอยทางไปสู่ยุคใหม่ บนความพ่ายแพ้ของผู้ก่อตั้ง “อี ซูมาน”

“ยุคสมัยของ SM Entertainment ที่ผมก่อตั้งและตั้งชื่อด้วยชื่อย่อของผม ได้สิ้นสุดลงแล้ว” คำพูดทิ้งท้ายของชายวัย 70 ปี ผู้ทำให้วงการ K-pop กลายเป็นแสงอันเจิดจรัสในวงการดนตรีโลก ผ่านศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ Super Junior, Girls’ Generation, SHINee, Red Velvet, EXO, BoA, TVXQ และ NCT

“อี ซูมาน” (Lee Soo man) ผู้ร่วมก่อตั้ง SM Entertainment
“อี ซูมาน” (Lee Soo man) ผู้ร่วมก่อตั้ง SM Entertainment

หากแต่ ณ วันนี้...“The Godfather of K-pop” ซึ่งเป็นผู้เนรมิต SM Entertainment ให้กลายเป็นอาณาจักรบันเทิงมูลค่า 2.7 ล้านล้านวอน ด้วยเงินทุนตั้งต้นเพียง 50 ล้านวอน (37,600 ดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อปี 1995 ได้หมดสิ้นซึ่งอำนาจในบริษัทที่ตัวเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผลักดันให้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่คับวงการดนตรีของประเทศเกาหลีใต้ หลังกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงครามการแย่งชิง SM Enterainment อันแสนดุเดือดและเร่าร้อน

...

“อี ซูมาน” (Lee Soo man) ชายแห่งตำนานผู้นี้ ซึ่งเหลือหุ้นใน SM Entertainment ณ ปัจจุบัน เพียง 3.66% ทำให้แทบจะไร้ซึ่งความหมายใดๆ กับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการดนตรีของเกาหลีใต้ ที่ ณ วันนี้ ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของอาณาจักร Kakao Corp บริษัท Tech Giants ที่กลายเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์ในสงครามแย่งชิง SM Entertainment ที่มีหน้าฉากว่า “การปฏิรูป SM 3.0” อย่างเป็นทางการ!

“ยุคของ SM 3.0 จะเป็นการเติบโตที่ยั่งยื่น และในปี 2023 นี้ บริษัท SM Entertainment จะทำงานภายใต้ระบบของความหลากหลายค่ายเพลงเพื่อกระจายช่องทางในการทำกำไรที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวของศิลปินหน้าใหม่ เช่นเดียวกับศิลปินเดี่ยวและศิลปินกลุ่มที่อยู่ในสังกัดของเรา

ผม...จะทำให้ดีที่สุดเพื่อสร้างการกำกับการดูแลที่ดีและโปร่งใส เพื่อทำให้ SM กลับมาเป็นบริษัทบันเทิงระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับบรรดาแฟนๆ และผู้ถือหุ้น”

“Lee Sung-su” CEO คนใหม่ ของ SM Entertainment กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2023 ซึ่งกลายเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย...ที่ไร้ซึ่ง “เงาของผู้พ่ายแพ้” และทำเพียงส่งจดหมายน้อยมาเพื่อกล่าวคำอำลาบรรดาผู้ถือหุ้นดั่งบรรทัดด้านบนสุด!

“บัง ชีฮยอก” (Bang Si hyuk) เจ้าของบริษัท HYBE Corporation (คนกลาง)
“บัง ชีฮยอก” (Bang Si hyuk) เจ้าของบริษัท HYBE Corporation (คนกลาง)

ยุคใหม่ของ SM Entertainment และความพ่ายแพ้ของ HYBE :

ปัจจุบัน Kakao Corp กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SM Entertainment แล้ว หลังสามารถไล่ซื้อหุ้นได้รวมกันแล้วถึง 39.91% (โดยแบ่งเป็น Kakao ถือหุ้น 20.78% และ Kakao Entertainment ถือหุ้น 19.13%)

...

นอกจากนี้ล่าสุด HYBE Corporation ฝ่ายตรงข้ามและอีกหนึ่งผู้พ่ายแพ้อย่างหมดรูปในสงครามครั้งนี้ ยังได้ประกาศยินดีที่จะขายหุ้นทั้งหมด หรือบางส่วน ของ SM Entertainment ที่ HYBE ซื้อจาก “อี ซูมาน” รวมถึงการทำ Tender Offer ก่อนหน้านี้ รวม 15.78% (3.75 ล้านหุ้น) ในราคา 5.63 แสนล้านวอน (150,000 วอนต่อหุ้น) ให้กับ Kakao ด้วย ซึ่งนั่นย่อมเท่ากับว่า HYBE ยินดีที่จะปล่อยมือจาก SM Entertainment อย่างเป็นทางการแล้ว

โดยนักวิเคราะห์ด้านการลงทุนในเกาหลีใต้เชื่อว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ HYBE ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เป็นเพราะฝ่าย Kakao Corp มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (Cash and Cash Equivalents) มากถึง 4.5 ล้านล้านวอน รวมถึงยังเพิ่งได้รับเงินลงทุนจาก “กองทุนเพื่อความมั่งคั่งของซาอุดีอาระเบีย” (Public Investment Fund) หรือ PIF และ กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ (GIC Private Limited) รวมกันถึง 1.2 ล้านวอนด้วย ในขณะที่ฝ่าย HYBE มีเงินทุนอยู่ในมือเพียง 1.9 ล้านล้านวอนเท่านั้น!

ฉะนั้น หากยังคงแข็งขืนที่จะต่อสู้ท่ามกลางการปั่นราคาหุ้น SM Entertainment ให้สูงลิบลิ่วต่อไป นอกจากอาจจะทำให้เสียเงินทุนจำนวนมากเกินจำเป็นแล้ว ราคาหุ้นของ HYBE เองก็อาจจะพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับผลกระทบตามไปด้วย

...

ขณะเดียวกัน การประกาศยอมขายหุ้นให้กับ Kakao ของ HYBE ยังถูกมองด้วยว่า เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะหาทาง “เจ็บตัวให้น้อยที่สุด” หลังความพ่ายแพ้ด้วย เนื่องจากเมื่อ วันที่ 31 มี.ค. 2023 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ SM Entertainment ปิดที่ 107,200 วอนต่อหุ้น (ทั้งๆ ที่เคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 161,200 วอนต่อหุ้นในช่วงสงครามแย่งชิง) ซึ่งต่ำกว่าทั้งราคาเสนอซื้อของ Kakao ซึ่งอยู่ที่ 150,000 วอนต่อหุ้น รวมถึงราคาเสนอซื้อของ HYBE ก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 120,000 วอนต่อหุ้นถึง 28% และ 10.67% ตามลำดับ หลังสงครามที่เกิดขึ้นได้ปรากฏ “ผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างชัดเจน” จนเป็นผลให้ราคาหุ้นค่อยๆ คลายความร้อนแรงลงเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ตามคำเสนอซื้อ Kakao เพื่อซื้อหุ้น SM Entertainment ในสัดส่วน 35% หรือ 8,333,641 หุ้น ในราคา 150,000 วอนต่อหุ้น (คำเสนอซื้อมีกำหนดสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2023) ได้ปรากฏว่ามีผู้เสนอขายหุ้นเป็นจำนวนมากถึง 18,880,227 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ SM Entertainment!

นั่นจึงทำให้ Kakao ซึ่งปัจจุบันถือครองหุ้น SM Entertainment อยู่ในมือแล้วถึง 39.91% (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2023) อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อหุ้นในมือคู่ต่อสู้อย่าง HYBE ในราคา 150,000 วอนต่อหุ้น หรือ 120,000 วอนต่อหุ้น ก็เป็นได้!

...

การขยายอาณาจักรบันเทิงออนไลน์ คำตอบของการซื้อ SM :

Kakao Corp คือผู้ให้บริการ KakaoTalk แอปพลิเคชัน Messenger ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ สำหรับเป้าหมายสำคัญในการเข้าซื้อกิจการ SM Entertainment ของ Kakao Corp คือ ทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะเพลงและศิลปินไอดอลที่มีอยู่อย่างมากมายใน SM ไปใช้สำหรับการขยายขอบเขตในการสร้างผลกำไรจากธุรกิจบันเทิงออนไลน์ให้มากขึ้น

สำหรับเส้นทางธุรกิจใหม่ที่ Kakao Corp และ SM เตรียมที่จะมุ่งไปนี้ มีการเปิดเผยเบื้องต้นว่า จะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะเพลงและศิลปินไอดอล ก่อนจะนำไปกระจายในห่วงโซ่แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของ Kakao มากกว่าที่จะมุ่งสร้างผลกำไรจากยอดขายเพลงและคอนเสิร์ตเป็นหลักเช่นในอดีต นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าหลังการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้สิ้นสุดลง Kakao Corp ยังมีแผนที่จะนำบริษัท Kakao Entertainment เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกอีกด้วย.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน