สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับผม "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" หรือ "พี่กู้" ในรายการรู้รอบเกม" ทาง "ไทยรัฐออนไลน์" สำหรับในช่วงนี้ก็ต้องบอกว่าละครซีรีส์ที่ถูกสร้างจากวิดีโอเกมซึ่งกำลังอยู่ในกระแสร้อนแรงที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น The Last of Us ที่กำลังเข้มข้นอยู่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง HBO ซึ่งในวันที่เทปนี้ออกอากาศก็น่าจะเดินทางมาถึง 1 ใน 3 ของซีซันแล้ว

รายการรู้รอบเกมนั้นเคยทำเนื้อหาที่ครอบคลุมเกี่ยวกับตัวซีรีส์มาแล้วว่า ทำผลงานได้น่าประทับใจ ทั้งในด้านการเคารพต่อเนื้อหาเกมต้นฉบับ ไปจนถึงการทำยอดตัวเลขผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจ จนมีการประกาศต่อสัญญาสร้างซีซันที่ 2 กันไปไม่นานมานี้ ในคราวนี้จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับประวัติของ The Last of Us เวอร์ชันวิดีโอเกมที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2013 ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงได้ครองใจเกมเมอร์กันมากมาย จนสุดท้ายได้กลายมาเป็นซีรีส์ให้เราได้ติดตามกันในที่สุด ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญไปฟังกันได้เลย

...

แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอแจ้งเตือนก่อนว่า เนื้อหาในตอนนี้อาจมีการสปอยล์ตัวเกมหรือตัวซีรีส์ด้วย เพราะฉะนั้นใครที่อยากเสพอรรถรสของมันด้วยตัวเองก็ขอให้หยุดวิดีโอตอนนี้เอาไว้ก่อน ไปรับชมหรือเล่นเกมกันเสียให้เรียบร้อย แล้วมาพูดคุยกันในส่วนของคอมเมนต์

วิดีโอเกม The Last of Us นั้นถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2009 โดยสตูดิโออย่าง Naughty Dog ซึ่งในปีนั้นก็เพิ่งจะปล่อยผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกเกมอย่าง Uncharted 2: Among Thieves ที่ได้รับคำวิจารณ์แง่บวกอย่างท่วมท้นล้นหลาม ในตอนนั้นทีม Naughty Dog ได้แบ่งออกมาเป็นสองทีม โดยทีมหนึ่งรับผิดชอบในการพัฒนา Uncharted 3: Drake’s Deception ซึ่งก็จะเป็นภาคต่อของเกมทำเงินที่มีพร้อมทั้งชื่อเสียงและฐานแฟน ส่วนอีกทีมนั้นรับผิดชอบโปรเจกต์ที่สุดท้ายจะกลายเป็นเกม The Last of Us ในที่สุด

หัวเรือใหญ่ที่รับผิดชอบการพัฒนาในตอนนั้นมีสองคนนั่นก็คือ "บรูซ สตราลีย์ และนีล ดรักแมน" ในตำแหน่ง เกมไดเร็กเตอร์ และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ตามลำดับ สำหรับไอเดียเริ่มต้นของเกมนั้น นีล ดรักแมนบอกว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากการอยากจะนำเอาระบบเกมเพลย์ของเกมคลาสสิกอย่าง ICO ที่ผู้เล่นจะต้องปกป้องหญิงสาวที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เข้ามารวมกับฉากหลังเป็นโลกที่ล่มสลายเพราะภัยพิบัติซอมบี้อย่างภาพยนตร์เรื่อง Night of the Living Dead และมีตัวเอกเป็นชายสูงวัยที่เคร่งขรึมอย่าง John Hartigan ในหนังเรื่อง Sin City โดยเกมนี้จะมีเรื่องราวเป็นประเด็นเกี่ยวกับการ Coming of Age หรือการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และความสัมพันธ์ของคนสองคนที่จะค่อยๆ เติบโตขึ้น เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

The Last of Us ในยุคที่มันถูกสร้างขึ้นนั้น ถือว่ามีจุดที่แตกต่างจากเกมร่วมสมัยหลายด้านด้วยกันครับ นับตั้งแต่เรื่องตัวละครที่มีมิติมากๆ และการนำเสนอที่ผิดแผกจากขนบเกมทั่วไป ตัวละครอย่างโจล ไม่ใช่คนหล่อเหลา วัยรุ่น หรือแม้แต่เชื่อในเรื่องคุณงามความดี แต่กลับเป็นชายสูงวัยที่ชีวิตผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามาก ในขณะที่ "เอลลี่" ก็ไม่ใช่สาวสวยที่อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้ หรือเก่งกาจเว่อร์วังและถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเพียงอาหารตาให้กับผู้เล่น แต่เป็นเด็กน้อยปากซนที่ค่อยๆ เรียนรู้โลกจากคนรอบข้าง และเหตุการณ์ที่เธอประสบพบเจอ

ทั้งสองคนไม่รู้จักกัน แต่กลับต้องมาเจอกันในสภาวะที่ไม่คาดฝัน และค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ที่มีร่วมกันอย่างช้าๆ เช่นเดียวกันกับการที่ผู้เล่นย่อมไม่เคยรู้จักตัวละครเหล่านี้มาก่อน และต้องใช้เวลากว่าที่พวกเราจะเข้าใจ และหลงรักตัวละครเหล่านี้

โทนของเกมนั้นถูกกำหนดมาตั้งแต่แรก ทีมงานอยากสร้างเรื่องราวที่สมจริง ตึงเครียด และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่โจลและเอลลี่จะได้พบเจอ แต่ความท้าทายแรกที่ทีมงานได้พบเลยก็คือ ในช่วงแรกพวกเขาคิดว่าจะเล่าเรื่องราวโลกล่มสลายโดยโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างเดียว โดยตัดเนื้อหาเกี่ยวกับการแปรสภาพร่างกายผู้ติดเชื้อเป็นอสุรกายไปทั้งหมด และหันมาถ่ายทอดความดราม่าจากปฏิสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อกันมากกว่า แต่ทีมงานก็มาพบในภายหลังว่าถ้าจะสร้างเกมแอ็กชัน ผู้เล่นก็จำเป็นที่จะต้องสู้กับอะไรสักอย่าง พวกเขาก็เลยนำไอเดียเรื่องผู้ติดเชื้อกลายร่างกลับมาใช้ในการช่วยเล่าเนื้อเรื่องของเกม

...

ส่วนแรงบันดาลใจและที่มาของการออกแบบเหล่าผู้ติดเชื้อนั้น ก็มาจากการที่ทีมงานได้ไปรับชมสารคดีของ BBC ชื่อ Planet Earth ที่ตอนนั้นเป็นเรื่องของ "เชื้อราคอร์ดิเซป" (Cordyceps) ที่ฝังตัวเข้าไปในสมองมดและควบคุมการเคลื่อนไหวพามดขึ้นไปบนยอดไม้ และแตกหน่อออกมาจากหัวของมดผู้โชคร้ายตัวนั้นเพื่อแพร่สปอร์และขยายจำนวนเชื้อราสู่มดตัวอื่น ทีมงานก็เลยนำเอาเจ้าเชื้อนี้ให้มามีผลกับคนแทน

ด้านการออกแบบรูปร่างของผู้ติดเชื้อนั้น ทีมงานหาคอนเซปต์ที่ชอบอยู่นาน จนสุดท้ายก็ชื่นชอบกับการนำเอารูปเชื้อรา เห็ด เชื้อโรค มาผสมผสานกัน ให้มันมีลักษณะผลิดอกออกมาจากภายใต้ใบหน้าของผู้ติดเชื้อ จนกลายเป็นรูปแบบ เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และน่ากลัวอย่างที่เราได้เห็นกัน ซึ่งเมื่อได้รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ทีมงานก็ต้องมาคิดต่อไปอีกว่าจะให้เจ้าเหล่าผู้ติดเชื้อนี้มีวงจรชีวิตอย่างไร หรือมีพฤติกรรมอย่างไร ทีมงานบอกว่าเมื่อเจ้าเชื้อราเห็ดนั้นเริ่มก่อตัวภายในสมอง ใบหน้าของผู้ติดเชื้อก็จะต้องเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูป จนเมื่อมันแตกหน่อออกมาภายนอก ผู้ติดเชื้อก็จะสูญเสียการมองเห็น และใช้การสร้างเสียงสะท้อนจากในลำคอในการระบุตำแหน่งสิ่งต่างๆ รอบตัวแทน และเมื่อผู้ติดเชื้อเหล่านั้นสิ้นอายุขัย พวกเขาก็จะตายและร่างกายก็จะผลิตสปอร์ออกมาเพื่อแพร่กระจายเชื้อต่อไป

...

อย่างไรก็ตามหลายๆ องค์ประกอบของวงจรชีวิตผู้ติดเชื้อบางอย่างก็ถูกตัดออกไปในการสร้างซีรีส์ครับ เช่น ไม่มีสปอร์ให้เราได้เห็น เพราะว่ามันจะทำให้นักแสดงต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาแล้วจะถ่ายทำลำบาก

ระหว่างการเดินทางของ "โจลและเอลลี่" เราก็จะได้พบกับหลายๆ สังคมที่ได้รับผลกระทบจากเจ้าเชื้อรานี้ในรูปแบบแตกต่างกันไป สภาพของโลกที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนั้นก็เป็นสิ่งที่ทีมงานต้องค้นคว้ากันอย่างมากว่าสังคมมนุษย์ที่ล่มสลายจะเป็นอย่างไร ยิ่งเวลาผ่านไปถึง 20 ปีแบบในเกม ก็จะทำให้ธรรมชาติสามารถเข้าทวงคืนพื้นที่อย่างเมืองที่เราอยู่อาศัยได้รวดเร็ว สภาพแวดล้อมนั้นย่อมแทบจะเปลี่ยนแปลงไปจนคนอาจจะอยู่ไม่ได้ แต่เหล่าสัตว์ป่าก็จะหวนคืนกลับมาแทนที่ ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซปต์ที่ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นชีวิตย่อมหาทางไปต่อด้วยตัวของมันเองหรือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ได้ และทำให้โลกนี้งดงาม ควรค่ากับการรักษามันเอาไว้

The Last of Us ได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากนักวิจารณ์ทั่วโลกอย่างท่วมท้นครับ โดยคะแนนของเกมนั้นสูงถึง 95 คะแนน เต็ม 100 จาก 98 สำนักรีวิวบนเว็บไซต์เมตาคริติกส์ คว้ารางวัลเกมยอดเยี่ยมประจำปี จาก 200 เวทีที่เข้าประกวด และได้ปฏิวัติวงการเกมในด้านความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงาน การเล่าเรื่อง ระบบเกมเพลย์ และการพัฒนาตัวละคร ที่ฉีกและเหนือล้ำกว่าเกมในยุคเดียวกัน จนกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้วงการเกมในยุคหลังพยายามพัฒนาผลงานที่มีคุณภาพติดตามออกมา ตัวเกม The Last of Us ถูกวางขายใหม่อีก 2 ครั้ง ซึ่งก็คือในปี 2014 เป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์ และปี 2022 ที่เป็นการรีเมกเกมปรับปรุงคุณภาพครั้งใหญ่ อีกทั้งเกมยังวางจำหน่ายภาค 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากภาคแรกไปเมื่อปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ยอดขายของซีรีส์ The Last of Us ทั้งสองภาครวมกันอยู่ที่ 37 ล้านชุด

...

"กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" หรือ "พี่กู้" ครีเอเตอร์สายเกมไทยรัฐออนไลน์

สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของตัวเกม ซึ่งก็คือ บรูซ สตราลีย์ และนีล ดรักแมน นั้น ก็ยังได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในการกำกับเกมยอดเยี่ยมอีกหนึ่งเกมของค่ายอย่าง Uncharted 4: A Thief’s End ก่อนที่ตัวบรูซจะลาออกจาก Naughty Dog ไปในปี 2017 และไปก่อตั้งบริษัทเกมอินดี้ชื่อ Wildflower Interactive ขึ้นมา

ส่วนนีลนั้นก็ยังทำงานอยู่ที่ Naughty Dog สานต่อกำกับเกม The Last of Us ภาค 2 ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นกัน และปัจจุบันเขาก็ดำรงตำแหน่งเป็นประธานร่วมของสตูดิโอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และนั่นก็คือประวัติความเป็นมาของเกม The Last of Us ที่เรานำมาฝากกันในสัปดาห์นี้ หวังว่าจะชอบกันนะครับ