“สำหรับผู้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยมของ บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) ในฐานะครอบครัว เราอยากแชร์ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า บรูซ วิลลิส ผู้เป็นที่รักของเรา ได้ประสบปัญหาด้านสุขภาพและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภาวะบกพร่องทางการสื่อความ (Aphasia) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการรับรู้ของเขา ด้วยเหตุนี้ พร้อมกับการพิจารณาอย่างรอบคอบ บรูซ วิลลิส จึงขอก้าวออกจากอาชีพที่มีความหมายต่อตัวเขาเองอย่างมาก”
ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของคนในครอบครัว ของ อดีตนักแสดงตลกที่ผันตัวเองจนกลายเป็น Megastar แถวหน้าของฮอลลีวูดได้จาก บทฮีโร่แอ็กชั่นใช้สมองมากกว่ากระสุนปืน จากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ DieHard
อะไรคือโรคภาวะบกพร่องทางการสื่อความ (Aphasia) ที่ทำให้ บรูซ วิลลิส ต้องจบเส้นทางบนอาชีพนักแสดง?
มันคือ ความผิดปกติทางการสื่อสาร ซึ่งมักเป็นผลมาจากสมองได้รับความเสียหายจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติในด้านทักษะของการสื่อสารและการใช้ภาษา ไม่สามารถโต้ตอบหรือทำความเข้าใจได้ และอาจมีปัญหาทางด้านการอ่านและการเขียนร่วมด้วย
...
หาก “ใคร” อ่านบรรทัดเมื่อสักครู่แล้ว ยังนึกภาพของโรคนี้ไม่ออก งั้น ขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้แล้วกันว่า มันเหมือน “คุณ” เดินทางไปยังประเทศๆ หนึ่ง แล้ว “คุณ” ไม่สามารถพูดภาษาของประเทศนั้นได้ นั่นย่อมแปลว่า “คุณ” ย่อมจะไม่สามารถแสดงออกว่าสามารถเข้าใจคนอื่นๆ ได้ ซึ่งในที่นี้รวมถึงการอ่านหรือเขียนด้วย ถึงแม้ว่า “คุณ” จะยังคงรู้ตัวเองดีว่าต้องการที่จะพูดหรือสื่อสารอะไร
เอาล่ะ...“เรา” ไปกันต่อ
ปัญหาสุขภาพของ บรูซ วิลลิส เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
จริงๆ แล้ว ปัญหาสุขภาพของ ผู้หมวดจอห์น แมคแคลน (John Mcclane) ถูกตั้งคำถามมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว เนื่องจากในระยะหลังโดยเฉพาะช่วงหลังปี 2015 นักแสดงระดับ A-list อย่างเขา กลับไปเลือกรับเล่นหนังแอ็กชั่นทุนต่ำเกรดบีหลายๆ เรื่องติดต่อกัน และบางเรื่องเป็นหนังในระดับโฮมวิดีโอด้วยซ้ำไป!
โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา OK Magazine ได้ลงข่าวกอสซิปในทำนองที่ว่า “บรูซ วิลลิส” กำลังต่อสู้กับอาการสูญเสียความทรงจำและต้องการใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ “เหตุการณ์ดรามา” ในช่วงต้นปี 2021 ที่นักแสดงแอ็กชั่นร่างเล็กรายนี้ เดินออกจากร้านขายยาในแอลเอ โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งทำให้ คนอึดตายยากผู้นี้ ถึงกับต้องออกมา “ขอโทษต่อสังคม” ในขณะที่บรรดาคนใกล้ชิดพยายามช่วยเก็บรักษาอาการป่วยเอาไว้ โดยให้ความเห็นว่า มันเป็นแค่เพียงการ “หลงลืม” เท่านั้น
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเป็นต้นมา “สื่อจอมแฉ” หลายสำนัก รายงานตรงกันว่า "บรูซ วิลลิส" เริ่มมีปัญหาการทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์ที่เขาร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ช่วงปี 2020 แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ American Siege (2021), Survive the Game (2021), Cosmic Sin (2021) , และ Hard Kill (2020) โดยคนในกองถ่ายได้บอกเล่าว่า...
“ทุกคนในกองไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือนักแสดงต่างรู้ดีว่า บรูซ วิลลิส กำลังมีปัญหาในการทำความเข้าใจกับคนอื่นๆ จนทำให้คนในครอบครัวต้องเข้ามาช่วยดูแล และในระหว่างการถ่ายทำนั้น บรูซ วิลลิส ถึงกับต้องใช้หูฟังในการรับฟังสิ่งต่างๆ ที่ทีมงานคอยป้อนข้อมูลให้ มันจึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะมีชายผู้นี้โลดแล่นอยู่บนหน้าจอภาพยนตร์ได้อีกครั้ง”
ซึ่งความยากลำบากที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คนในกองถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้ทั้งเวลาและร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาที่มี บรูซ วิลลิส ร่วมแสดง และทำให้ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งถึงกับต้องจำใจยอมหั่นฉากที่มีเขาปรากฏตัว จนกระทั่ง บรูซ วิลลิส ใช้เวลาในการทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนั้นเพียง 3 วัน รวมถึงยังได้พยายามไปถ่ายทำในสถานที่ ที่อยู่ใกล้กับบ้านพักของเขาเพื่อให้สะดวกต่อการถ่ายทำด้วย
...
อย่างไรก็ดี สื่อหลายสำนักมองว่า ในความเป็นจริงแล้ว "บรูซ วิลลิส" น่าจะเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่ในช่วงปี 2013 ด้วยซ้ำไป เพราะหลังจากกลับมาสร้างชื่อได้อีกครั้งกับ ภาพยนตร์ Moonrise Kingdom ซึ่งเป็นการร่วมงานกับ ผู้กำกับจอมติสต์ อย่าง เวส แอนเดอร์สัน (Wes Anderson) ในปี 2012 แล้ว
“บรูซ วิลลิส” เริ่มมีปัญหากับอีกหลายโปรเจกต์ที่ตามมา โดยเฉพาะกับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ The Expendables 3 หนังแอ็กชั่นรวมดาราบู๊แห่งยุค 80 จนกระทั่งถูกขับออกจากโปรเจกต์โทษฐานเรียกร้องเงินมากเกินไปเพื่อแลกกับเวลาในการถ่ายทำเพียงเล็กน้อย และยังทำให้มีปัญหากับมิตรสหายอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ที่นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์แฟรนไชส์อีกด้วย
และอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพของ “บรูซ วิลลิส” นั่นก็คือ การถูกขับออกจากโปรเจกต์ Cafe Society ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง “วูดดี้ อันเลน” (Woody Allen) โดยในครั้งนั้นหลังจากเริ่มถ่ายทำไปได้เพียงไม่กี่วัน จู่ๆ บทของ “บรูซ วิลลิส” ก็ถูกแทนที่ด้วย “สตีฟ คาร์เรล” (Steve Carell) โดยในครั้งนั้น มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่า สาเหตุเกิดจาก “บรูซ วิลลิส” เคลียร์ตารางคิวถ่ายทำไม่ลงตัว อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา มีข่าวกอสซิปหลุดออกมาว่า สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ คือ นักแสดงวัย 67 ปีรายนี้ "ไม่สามารถจดจำบทของตัวเองได้!"
ภาพยนตร์ที่เหลือของ “บรูซ วิลลิส” ก่อนอำลาแสงสปอตไลต์
...
White Elephant , Vendetta , Fortress 2 : Sniper’s Eye คือ 3 ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่มี บรูซ วิลลิส ร่วมแสดง นั้นได้ปิดกล้องและอยู่ระหว่างขั้นตอน Post Production แล้ว อย่างไรก็ดี โปรเจกต์ Fortress 3 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอน Pre Prodution และได้มีการวางตัวให้ “บรูซ วิลลิส” เอาไว้เรียบร้อยแล้ว อาจต้องประสบปัญหาในการถ่ายทำรวมถึงอาจต้องจำใจเปลี่ยนบทภาพยนตร์ที่ไม่มีเขาเป็นจุดขายให้อีกต่อไป
เพราะในเวลานี้...ผู้หมวดจอห์น แมคแคลน ของเราทุกคน ถึงเวลาคืนตราตั้งตำรวจนิวยอร์ก เพื่อกลับไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของคนในครอบครัวแล้ว
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
...