• เจาะเบื้องหลังขบวนการค้าวัตถุโบราณ เผยทำงานตามใบสั่งฝรั่ง ให้คนไทยลงมือขโมยสมบัติชาติตัวเอง

  • ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 - 2520 เป็นช่วงที่โดนโจรกรรมมากที่สุด โดยขนใส่รถบรรทุก แล้วส่งออกไปทางเรือ 

  • หวัง "คนไทย" ตื่นตัวเห็นคุณค่าสมบัติประเทศชาติ อย่ามองว่าเป็นแค่เศษหิน เศษปูน 

จากสกู๊ป เบื้องลึก ทับหลังหนองหงส์-เขาโล้น กลับมาตุภูมิ ที่นำเสนอไปแล้ว “อาสาม” ได้พูดคุยกับ 2 อาจารย์กูรูโบราณวัตถุของไทย ทั้ง 2 ท่าน คือ ดร.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี และหัวหน้ากลุ่มสำนึก 300 องค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย และ ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่เชี่ยวชาญด้านการอ่านจารึกโบราณ

โดยจากการพูดคุยกับกูรูทั้งสอง ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจนั่นก็คือ “การค้าโบราณวัตถุ” ที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวเองมาช้านานกว่า 60 ปี และทุกวันนี้มันก็ยังอยู่ ซึ่ง อาจารย์กังวล ปูพื้นข้อมูลโบราณวัตถุของไทย ได้เริ่มหายไปจำนวนมากตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ถึง 2520 เราเชื่อว่าเป็นยุคที่คนไทยสูญเสียศิลปะวัตถุล้ำค่ามากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม เพราะมีฝรั่งเข้ามาเยอะมาก

...

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับ อาจารย์ทนงศักดิ์ ที่ระบุว่า ทับหลัง “หนองหงส์-เขาโล้น” หายไปตั้งแต่ 2508 - 2510 ที่ผ่านมา เราพบหลักฐานการซื้อขาย ทับหลังทั้ง 2 ชิ้น ในปี 2509 และ 2510 นอกจากนี้ เรายังได้พูดคุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์เวลานั้นด้วย เฉกเช่นเดียวกับ ประติมากรรมสำริด หรือ ประติมากรรมศรีเทพ ที่หายไปในช่วงเวลาเดียวกัน

ดร.ทนงศักดิ์ เผยว่า เบื้องหลังการโจรกรรมวัตถุโบราณของไทย มีตัวการใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยมาจาก 2 ชาติมหาอำนาจในยุโรป โดยเฉพาะชายคนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เวลานี้ลูกหลานเขากำลังถูกดำเนินคดีอยู่ด้วย และเพื่อเป็นการแก้ปัญหา ญาติของเขาจึงตัดสินใจคืนโบราณวัตถุจำนวนหนึ่งให้กับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งถึงวันนี้ โบราณวัตถุบางส่วนยังติดค้างในประเทศไทย ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีใครตรวจสอบ...?

อาจารย์ทนงศักดิ์ กล่าวเป็นนัยให้คิดต่อ... คนเหล่านี้เข้ามาเปิดธุรกิจอื่น แต่ธุรกิจใหญ่เขาคือการ “ค้าโบราณวัตถุ” จากการสอบสวนของ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) เชื่อว่ามีการจ่ายสินบนกับเจ้าหน้าที่ราชการในยุคนั้น เพื่อนำวัตถุโบราณที่ถูกโจรกรรมมา ล่องเรือไปยังยุโรป เพื่อประมูลค้าขาย

รูปปั้นทองสำริด เชื่อว่าหายไปจากกรุประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
รูปปั้นทองสำริด เชื่อว่าหายไปจากกรุประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

ถามว่าโดนไปเยอะขนาดไหน อาจารย์ทนงศักดิ์ เองก็บอกไม่ได้ แต่ในปี 2542 เคยมีการตั้งกรรมมาธิการตรวจสอบเรื่องนี้ และเคยให้ความเห็นว่า ขบวนการนี้จะใช้รถบรรทุก 18 ล้อ ขน “โบราณวัตถุ” มาจากตาพระยา (สระแก้ว) วัตถุโบราณบางส่วนถูกลอบขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมุ่งมาที่กรุงเทพฯ จากนั้นก็ขนถ่ายไปลงเรือ

“เมื่อโบราณวัตถุออกไปจากประเทศไทย ทุกอย่างก็ง่ายมาก ด้วยการประมูลซื้อขาย จากบริษัทประมูลทั้ง 2 แห่งในยุโรป จากนั้นของเหล่านี้ก็กระจายไปทั่วโลก”

อาจารย์ทนงศักดิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างสิ้นหวัง ถึงแม้ช่วงหนึ่งคนไทยจะตื่นตัว โดยเฉพาะช่วงทวงนารายณ์บรรทมสินธุ์ แอ๊ด คาราบาว แต่งเพลง แต่พอเวลาผ่านไป ก็เริ่มเงียบ แก๊งขบวนการค้าโบราณวัตถุก็ตื่นตัวขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีการซื้อขายกันอยู่ ด้วยวิธีการย้อมแมว ใช้ของใหม่หุ้มของเก่าไว้

“ส่วนตัวผมแทบไม่มีความหวังกับคนไทยเลย เพราะน้อยคนนักที่จะเห็นคุณค่า บางคนยังเข้ามาด่าผมเลย ว่าจะทวงคืนทำไม ของอยู่ที่อเมริกาเขาจัดแสดง เก็บรักษาดีกว่าประเทศไทยตั้งเยอะ”

ผู้เขียนฟังอาจารย์ทนงศักดิ์ ถึงกับถอนหายใจและเศร้าตามไปด้วย...

งานปูนปั้น ที่เคยอยู่ในปราสาทหินพนมรุ้ง
งานปูนปั้น ที่เคยอยู่ในปราสาทหินพนมรุ้ง

...

สกัดออกมาดื้อๆ ขนไปแบบด้านๆ โดยไม่มีการยับยั้ง

อาจารย์กังวล เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ลงพื้นที่ไปสอบถามชาวบ้าน กลุ่มที่ลักลอบนำวัตถุโบราณออกไป เขาก็มาจ้างคนไทยนี่แหละสกัดออกมา ขนออกไป โดยไม่มีใครไปห้ามได้ ไม่ได้มีการลักลอบหรือแอบทำ โดยอาจจะมีนายทุนซึ่งเป็นคนไทยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งชาวบ้านในสมัยนั้นก็รู้จักกันดี แต่เขาบอกว่า “มันก็นานมาแล้วนะ” เขาก็เอารถบรรทุกมาขนออกไปนะ

“เราจะโทษชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไง...แต่ขายแล้วมันได้เงิน ถึงแม้จะเป็นสมัยนี้ก็ตาม เมื่อเขาเจอสมบัติทางวัฒนธรรม เขาก็จะไม่แจ้งกรมศิลปากร เพราะแจ้งไปก็จะถูกยึด”

แต่ในความเป็นจริงแล้ว กรมศิลปากรเองก็มีหน่วยงานหนึ่งที่คอยประเมินราคาศิลปวัตถุเหล่านี้ หากเรามอบสิ่งของที่เราพบให้กรมศิลป์ฯ ก็จะมีการมอบรางวัลให้คิดเป็น 10% ของสิ่งของที่ถูกตีราคาออกมา

อาจารย์กังวล อยากจะประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ของล้ำค่าของไทยสูญหายไปจากประเทศ

เชื่อว่าเคยอยู่ใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
เชื่อว่าเคยอยู่ใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์

...

ขณะที่ ดร.ทนงศักดิ์ เองก็บอกว่า วัตถุโบราณแต่ละชิ้น มีการขโมยตามใบสั่ง!

“จะมีชาวต่างชาติมาถ่ายรูปไว้ จากนั้นก็จ้างคนไทย ติดต่อชาวบ้านให้มาขโมย เช่น ที่ทับหลังเขาโล้น สามารถบอกชื่อได้หมดเลยว่าใครทำหน้าที่อะไรบ้าง ใครช่วยกันขน ซึ่งชาวบ้านเขาก็เห็นแหละ แต่เขาไม่ยุ่งกัน”

การสกัดออกมาจะทำได้ง่ายๆ เลยหรือ ชาวบ้านทั่วไปจะทำได้ไหม อาจารย์ทนงศักดิ์ บอกว่า ดูจากรอยงัดแล้ว ไม่ต้องใช้ความรู้อะไร ก็งัดกันแบบดื้อๆ ทำให้ด้านหน้าปราสาทเสียหายค่อนข้างเยอะ

ทั้งหมด คือ เบื้องหลังของขบวนการปล้นชาติ ขโมยวัตถุโบราณของไทยไปขาย ถึงแม้การทวงคืนสมบัติชาติจะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งลงมือทำ แต่มันจะไปมีประโยชน์อันใดเล่า ถ้าคนไทยไม่รู้คุณค่าของวัตถุโบราณเหล่านี้ และยังเห็นเป็นแค่เศษหิน เศษดินปูน ก้อนกรวด...

แล้วถ้าใครอยากรู้คุณค่าของวัตถุโบราณนี้ ลองย้อนกลับไปอ่าน ทวงคืนสมบัติชาติ EP.1 เบื้องลึก ทับหลังหนองหงส์-เขาโล้น กลับมาตุภูมิ

ผู้เขียน : อาสาม

กราฟิก : Sathit Chuephanngam

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ

...