- "อู๋ม่งต๊ะ" ตัวประกอบทองคำ จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สิริอายุ 70 ปี
- "อู๋ม่งต๊ะ" สร้างชื่อครั้งแรกในบทบาท "โอ๊วทิฮวย" จากซีรีส์สุดฮิต "ชอลิ้วเฮียง" ฉบับ "เจิ้นเส้าชิว" แสดงนำ ในปี 1979
- ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ "อู๋ม่งต๊ะ" รับส่งมุกสุดฮากับ "โจวซิงฉือ" คือ "นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่" ที่ฉายตั้งแต่ปี 2001
"ผมเฝ้าติดตามข่าวคราวเรื่องอาการป่วยของเขา ไปพร้อมๆ กับการเตรียมพร้อมด้านจิตใจสำหรับเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่แม้กระนั้น ผมก็ยังรู้สึกเจ็บปวด และยังไม่อาจแบกรับความสูญเสียนี้ได้ อาการป่วยของเขาเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน และเขาก็จากพวกเราเร็วเกินไป เขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผมมาหลายปี ทำให้ผมยังคงยากที่จะยอมรับเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยู่"
ถ้อยคำอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่กล่าวถึง "คู่หูต่างวัย" ซึ่งกลั่นออกมาจากหัวใจของ "ผู้ชาย" ที่แฟนภาพยนตร์อยากได้ยินมากที่สุด หลังวงการบันเทิงฮ่องกงได้สูญเสียนักแสดงสมทบมากฝีมือ และยังเป็นดั่งคู่หูทางการแสดงที่ดีที่สุดคู่หนึ่งบนโลกแห่งแสงสีและมายาของ "ชายผู้นั้น" ผ่านสำนักข่าวหมิงเป้า (Mingpao) ของฮ่องกง
เหตุใด...ใครๆ จึงอยากได้ยินเสียงของ "ชายผู้นั้น" กล่าวอะไรถึง "ผู้ล่วงลับ"
นั่นเป็นเพราะ...มันเป็นเวลาเนิ่นนานกว่า 20 ปีแล้ว ที่ "ทั้งคู่" กลายเป็นเส้นขนานของกันและกัน โดยที่ "คนวงนอก" ไม่มีแม้เพียงโอกาสจะรับรู้ได้เลยว่า...
เพราะอะไร?...ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา "เรา" จึงไม่มีโอกาสได้เห็น "อาซิง" และ "ลุงต้า" คู่หูในโลกเซลลูลอยด์แห่งยุค 90 ซึ่งสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนได้แทบจะในทันทีที่ปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ทั้งคู่อาจจะทำเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เพียงไม่กี่วินาทีนั้น ได้ร่วมเล่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันอีกเลย!
...
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ สำหรับ "บางคน" ที่ช่วงวัยรุ่นเคยตัดตัดสินใจซื้อตั๋วดูหนังทันทีหลังเห็นแค่หน้าของ "ชายคนนี้" แปะหราอยู่หน้าโรงหนัง "เรา" อาจไม่ต้องบอกแล้วก็ได้มั้ง...ว่า เจ้าของคำพูดในบรรทัดแรกสุดนั้นคือใคร?
ส่วนสำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่า...เจ้าของคำพูดในบรรทัดแรกสุด คือ "โจวซิงฉือ" ส่วน "คู่หูต่างวัยที่เพิ่งลาลับ" คือ "อู๋ม่งต๊ะ" ที่เพิ่งจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สิริอายุ 70 ปี
อะไรคือ สาเหตุที่ทำให้เราไม่มีโอกาสเห็นคู่หู "โจวซิงฉือ - อู๋ม่งต๊ะ" เล่นหนังด้วยกันอีก?
"หากผมยังไม่ตาย หรือเขา (โจวซิงฉือ) รีไทร์ออกจากวงการบันเทิงเสียก่อน มันย่อมมีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะได้กลับมาเล่นหนังด้วยกันอีกครั้ง"
บรรทัดเมื่อสักครู่ที่ "คุณ" เพิ่งอ่านไป คือ บทสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับสื่อครั้งสุดท้ายของ "อู๋ม่งต๊ะ" ในช่วงปี 2018 ที่เจ้าตัวยอมเอ่ยปากถึงคำถามที่แฟนๆ ภาพยนตร์อยากทราบคำตอบมากที่สุด หลังบทบาทสุดท้ายที่ทั้งคู่รับส่งมุกอย่างสุดฮา นั่นคือ นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (Shaolin Soccer) มันเนิ่นนานมาตั้งแต่ปี 2001 แล้วโน่น!
อะไรคือ รอยปริแยกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่?
ในช่วงปี 2004 มีรายงานจากสื่อของฮ่องกงหลายสื่อรายงานตรงกันว่า การที่ "อู๋ม่งต๊ะ" ปฏิเสธข้อเสนอของ "โจวซิงฉือ" ที่อยากให้ไปช่วยรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง "คนเล็กหมัดเทวดา" (Kungfu Hustle) คือ จุดแห่งความขุ่นเคืองระหว่างทั้งคู่ ซึ่งถึงแม้ "อู๋ม่งต๊ะ" จะออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคู่หูไม่ได้แน่นแฟ้นเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
จากนั้นในปี 2016 "อู๋ม่งต๊ะ" ได้ออกมายอมรับกับสื่ออีกครั้งว่า ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ "โจวซิงฉือ" ที่ชวนให้มาร่วมเล่นในภาพยนตร์เรื่อง "เงือกสาวปัง ปัง" (The Mermaid) อีกครั้ง โดยคราวนี้ "อู๋ม่งต๊ะ" ให้เหตุผลในการปฏิเสธไปว่าเป็นเพราะเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ
และทั้งหมดใน 2 ย่อหน้านั้น คือ "เงื่อนงำ" ที่น่าจะมีอะไรไม่ปกติในความสัมพันธ์ที่หลุดออกมาให้คนภายนอกได้รับรู้ อย่างไรก็ดี... "เทียน ฉี่เหวิน" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถเข้าถึงได้ทั้ง "อู๋ม่งต๊ะ" และ "โจวซิงฉือ"...
...
เดี๋ยวก่อน! ... "เทียน ฉี่เหวิน" ผู้นี้ หาก "คุณ" ยังนึกไม่ออกว่าเขาคือใคร?
เขาคือ ผู้รับบทศิษย์พี่สามเจ้าของวิชาอาภรณ์เหล็กในภาพยนตร์นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ และยังเป็นทั้งเพื่อนรักและผู้อยู่ร่วมในช่วงวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของ "อู๋ม่งต๊ะ" อีกด้วย
นึกถึงใบหน้าของ "เทียน ฉี่เหวิน" ออกแล้วใช่ไหม งั้นเราไปกันต่อ...
โดย "เทียน ฉี่เหวิน" ได้ออกมาเปิดเผยกับ "แอปเปิล เดลี่" (Apple Daily) สื่อชื่อดังของฮ่องกงว่า แทบจะในทันทีที่มีข่าวว่า "อู๋ม่งต๊ะ" ต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันด้วยโรคมะเร็งตับ ก่อนที่จะเสียชีวิตในอีกเพียงไม่กี่วันต่อมานั้น "โจวซิงฉือ" ได้ติดต่อมาหาเขา เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอาการป่วยของ "อู๋ม่งต๊ะ" และยินดีที่จะให้การช่วยเหลือเพื่อนรักต่างวัยในทุกๆ ทางที่สามารถทำได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ศิษย์พี่สามแห่งวัดเส้าหลินยังยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกว่า ที่ผ่านมา "โจวซิงฉือ" ให้ความสำคัญและเอาใจใส่ทุกข์สุขของ "คู่หูในการแสดง" มาโดยตลอด เพียงแต่เขาไม่ได้เที่ยวบอกใครก็เท่านั้น! (จริงๆ)
ส่วน "ความจริง" ที่ทั้งคู่ขัดแย้งกันจริงหรือไม่ หรือขัดแย้งกันเพราะเหตุใด คงมีเพียง "โจวซิงฉือ" และ "อู๋ม่งต๊ะ" เท่านั้นที่รู้ว่า "อะไรคือความจริง"
...
และสำหรับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในชีวิตของ "อู๋ม่งต๊ะ" นั้น มีอยู่หลายประเด็นที่ตัวเขาเองได้เปิดเผยผ่านสื่อ และเป็นอะไรที่น่าจดจำและเรียนรู้อยู่ไม่น้อย
ร่ำสุรา มัวเมาผู้หญิง แถมติดการพนัน แต่กลายเป็นคนใหม่ได้เพราะ "โจว เฟวินฟะ"
"อู๋ม่งต๊ะ" เกิดเมื่อปี 1951 ที่เมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน เมื่ออายุได้ 5 ขวบ เขาและครอบครัวได้เดินทางมาแสวงหาโชคที่ฮ่องกง ต่อมาในปี 1970 ได้สมัครเข้าเรียนการแสดงในสังกัดของ Television Broadcasts Limited หรือ TVB โดยมีเพื่อนร่วมคลาสที่ในเวลาต่อมากลายเป็นนักแสดงดังระดับโลก อย่าง "โจว เหวินฟะ"
อย่างไรก็ดี กว่าที่ "อู๋ม่งต๊ะ" จะสามารถสร้างชื่อในวงการแสดงได้นั้น ก็ปาเข้าไปในปี 1979 จากซีรีส์สุดฮิตอย่าง "ชอลิ้วเฮียง" ฉบับที่มี "เจิ้นเส้าชิว" แสดงนำ โดย "อู๋ม่งต๊ะ" รับบทเป็น "โอ๊วทิฮวย" เจ้าแมวขี้เมาสหายสนิทของพระเอกจอมโจรผู้มีวิชาตัวเบาอันล้ำลึกนั่นเอง จากนั้นเป็นต้นมา "อู๋ม่งต๊ะ" จึงได้ลิ้มรสชาติในฐานะคนดังผู้มีชื่อเสียง!
เมื่อเข้าสู่แสงสปอตไลต์ "อู๋ม่งต๊ะ" กลายเป็นคนติดสุรา การพนัน และเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา จนทำให้ติดหนี้ตัวแดงโร่ถึง 300,000 เหรียญฮ่องกง หรือ 38,680 เหรียญสหรัฐฯ จนกระทั่งต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนการแสดงอย่าง "โจว เหวินฟะ" ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นมันช่างสุดเยือกเย็น!
"ผมคงต้องอับอายอย่างมากแน่ๆ หากต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ผมไม่กล้าบอกกับคนในครอบครัวในตอนแรก ด้วยเหตุนี้ ผมจึงต้องพยายามหาทางออกที่ผมคิดได้ในตอนนั้น คือ ไปหา โจว เหวินฟะ ซึ่งตอนนั้นเป็นดาราดังแล้ว เพื่อขอยืมเงินจากเขา
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การปฏิเสธอย่างเยือกเย็น แถมโจว เหวินฟะ ยังไม่ยอมบอกกับผมด้วยว่า เพราะอะไรจึงไม่ยอมช่วยเหลือผม ตอนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกโกรธ โจว เหวินฟะ เอามากๆ
...
เมื่อ โจว เหวินฟะ ไม่ให้ยืมเงิน ผมจึงหมดทางเลือก ต้องประกาศกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และกลับไปตั้งอกตั้งใจทำงานในวงการบันเทิงอย่างหนักอีกครั้ง เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาใหม่
เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จึงได้ตระหนักว่า เพราะเหตุใด โจว เหวินฟะ จึงทำเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะ...การให้ผมยืมเงินมันไม่ใช่วิธีการช่วยเหลือผมแต่อย่างใด แต่มันยิ่งจะทำให้ผมจมดิ่งไปกับอบายมุขพวกนั้นมากยิ่งขึ้น และไม่รู้จักหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ผมจึงรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก ที่ไม่ให้ผมยืมเงินในวันนั้น"
"อู๋ม่งต๊ะ" ยอมรับกับสื่อถึงช่วงชีวิตที่สุดตกต่ำดำมืดก่อนหน้านี้!
สำหรับเส้นทางในวงการมายาของ "อู๋ม่งต๊ะ" นั้น เขาปรากฏตัวในทีวีซีรีส์ 19 เรื่อง และภาพยนตร์อีกรวมกว่า 140 เรื่อง ในช่วงที่โลดแล่นในวงการบันเทิงระหว่างปี 1975-2020 โดยได้รับบทบาทการแสดงที่สุดหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ แก๊งอาชญากร คุณลุงผู้ใจดี และเพื่อนผู้แสนอบอุ่น โดยผลงานสุดท้ายที่ฝากไว้ให้กับชาวโลก คือ ภาพยนตร์จีนระดับบล็อกบลัสเตอร์ เรื่อง "ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ" (The Wandering Earth) ในปี 2019
สำหรับภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การจดจำจากฝีมือการแสดงของ "อู๋ม่งต๊ะ" นั้น มีอยู่ 5 เรื่องที่ "เรา" อยากแนะนำให้ "คุณ" ลองไปหาชมกันดู
1. ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ (A Moment Of Romance) ปี 1990
แทบไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องบรรยายถึงสรรพคุณภาพยนตร์ที่ฮิตระเบิดทั่วบ้านทั่วเมืองเรื่องนี้ แต่หาก "คุณ" ไม่หลงใหลไปกับความโรแมนซ์คู่จิ้นระหว่างไอ้หนุ่มนักบิดที่ไม่รู้จะเท่ไปไหนอย่าง "หลิวเต๋อ" และคุณหนูผู้สูงส่งจอมตื๊อ "อู๋เชี่ยนเหลียน" หรือเพลงฮิตที่ไม่รู้ชื่อเพลงแถมฟังไม่รู้เรื่องแต่เพราะเป็นบ้า ชนิดมากมายจนเกินไปนัก "คุณ" จะได้พบการแสดงที่สุดสะดุดตาของ "อู๋ม่งต๊ะ" ในบท "แรมโบ้" ลุงขี้แพ้ปากดีมาดสุดกวน ผู้ช่วยพระเอกที่ทำอาชีพล้างรถหาเลี้ยงชีพ ซึ่งมันโดดเด่นเสียจนส่งให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมฮ่องกงฟิล์มอวอร์ด ครั้งที่ 10 ในปี 1991
2. คนตัดเซียน (All For The Winner) ปี 1990
"อู๋ม่งต๊ะ" และ "โจวซิงฉือ" สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ตลกขายมุกตลาดมากมาย ในช่วงยุค 90 แต่หนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างความเกรียวกราว และถือเป็นก้าวย่างนับหนึ่งอย่างแข็งแรงให้กับสองคู่หูที่สุดเข้าขา เมื่อมี "ลุงต้า" ผู้ซึ่งมีอาการบ้าจี้ทันทีที่ถูกเรียกชื่อนี้ (หรือ "ลุงต้า" ตามสำนวนการพากย์ของทีมงาน-อินทรี-พันธมิตร) ก็ต้องมี "อาซิง" นั่นก็คือ ภาพยนตร์แอ็กชั่นคอเมดี้มุ่งตามรอยความสำเร็จของหนังคนตัดคน ภาค 1 (God Of Gamblers 1989) ที่มี "โจว เหวินฟะ" และ "หลิวเต๋อหัว" เป็นตัวชูโรง
แถมเมื่อ "คนตัดเซียน" หรือในชื่อ Saint Of Gamblers เมื่อนำไปฉายในภาษาจีนกวางตุ้ง ดันเกิดฮิตระเบิด "อาซิงและลุงต้า" จึงได้เข้าไปปรากฏตัวเคียงบ่าเคียงไหล่กับ "หลิวเต๋อหัว" ในคนตัดคน ภาค 2 ที่ออกฉายในปี 1990 เสียด้วย และจากนั้น ทั้งคู่จึงได้เป็นตัวเอกจริงๆ (สักที) ของซีรีส์คนตัดคน ในภาคที่ 3 ซึ่งออกฉายในปี 1991 ในที่สุด
3. คนเล็กสะท้านยุทธจักร (Justice My Foot) ปี 1992
แม้มันจะเป็นเพียงอีกหนึ่งหนังแนวตลกมุกตลาดสูตรสำเร็จสไตล์ "โจวซิงฉือ" ที่คราวนี้มาในมาดทนายขี้ฉ้อลิ้นลื่นเป็นปลาไหล ผู้นิยมพลิกดำให้เป็นขาวหากมีใครประเคนเงินให้มากพอ จนต้องแลกมาด้วยคำสาปที่ลูกชายต้องตายก่อนอายุ 1 ขวบ มาแล้วถึง 13 คน จนในที่สุดความสูญเสียก็เปลี่ยนให้เขาพยายามเปลี่ยนไปเป็นคนดี จนต้องฟาดฟันกับ "อู๋ม่งต๊ะ" ที่คราวนี้รับบทเป็นนายอำเภอจอมคอร์รัปชันที่ดันมีปัญหาเรื่องท้องอืด
การฟาดฟันกันในภาพยนตร์ระหว่าง "โจวซิงฉือ" และ "อู๋ม่งต๊ะ" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยครั้งมากๆ เพราะแทบทุกครั้งสองคนนี้จะอยู่ฝ่ายเดียวกัน เพื่อรับส่งมุกถล่มฝ่ายตรงกันข้ามเสียมากกว่า ประเด็นนี้จึงกลายเป็นจุดที่น่าสนใจไปโดยปริยาย นอกจากนี้ในแต่ละครั้งที่นายอำเภอผู้มีความสามารถพิเศษผายลมได้พร่ำเพรื่อปรากฏตัวขึ้น มันยากเสียเหลือเกินที่คุณจะไม่หลุดขำออกมา
4. นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (Shaolin Soccer) ปี 2001
หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดและดูจริงจังมากที่สุดของ "โจวซิงฉือ" การรวมตัวของกลุ่มคนขี้แพ้ ที่ยอมก้มหัวให้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างอนาถา ก่อนจะกลับมาฮึดรวมพลังและรู้จักปรับตัวเองให้เท่าทันกับโลกที่มุ่งไปข้างหน้าได้ในท้ายที่สุด
"อู๋ม่งต๊ะ" รับบทเป็นอดีตนักเตะแข้งทองผู้แสนหยิ่งผยองก่อนจะพบกับจุดเปลี่ยนที่แสนน่าเวทนา การแสดงบทขำปนเศร้าได้ตามมาตรฐาน เมื่อบวกเข้ากับการเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่พวกเราได้เห็น ลุงต้าและอาซิงเล่นด้วยกัน มันจึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด
5. ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ (The Wandering Earth) ปี 2019
แน่นอนมันคือหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตของนักแสดงสมทบที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์
แม้จะได้เล่นในบทบาทที่หลากหลายมาเกือบตลอดชีวิต แต่การไปปรากฏตัวในหนังแอ็กชั่น-ไซไฟทะลุอวกาศกู้โลกของ "อู๋ม่งต๊ะ" เรื่องนี้ มันก็ดูแปลกหูแปลกตาออกไปจริงๆ สำหรับผู้ติดตามดูหนังของเขามาเกือบตลอดชีวิตนั่นแหละ
โดย "อู๋ม่งต๊ะ" เกือบบอกปัดบท "ปู่ของพระเอก" ในอภิมหาหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ไปแล้ว ด้วยเพราะต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ แต่ด้วยสปริตที่แรงกล้าและการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวที่อยากมีส่วนร่วมในการยกระดับหนังแนววิทยาศาสตร์ของประเทศจีน
แม้ร่างกายจะยังไม่ฟื้นตัวดี รวมถึงไม่สามารถถ่ายทำในซีนที่ต้องใช้ร่างกายหนักเกินไป แต่ "ลุงต้าของเรา" ก็ฮึดจนกระทั่งถ่ายหนังเรื่องนี้จบ เพื่อปิดฉากอาชีพนักแสดงของตัวเองได้ในท้ายที่สุด
ตลอดชีวิตในวงการบันเทิงหลายสิบปีที่ผ่านมา แม้จะผ่านการรับบทบาทมาแล้วอย่างมากมาย แต่ "อู๋ม่งต๊ะ" ไม่เคยมีโอกาสได้เป็นพระเอกในภาพยนตร์หรือซีรีส์ทางโทรทัศน์ใดๆ แม้แต่เรื่องเดียว จนกระทั่งถูกขนานนามว่า "ตัวประกอบทองคำ" หากแต่สิ่งที่ "อู๋ม่งต๊ะ" กระแทกตอบเสียงกระแนะกระแหนเหล่านั้น คือ คำพูดที่ว่า...
"ด้วยการสนับสนุนของนักแสดงสมทบ นักแสดงนำก็จะยิ่งเจิดจรัสมากขึ้น"
ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะคำพูดนี้ก็ได้ โชคชะตาจึงลิขิตมาให้เขาได้พบกับ "โจวซิงฉือ" และกลายร่างเป็น "ม้าเซ็กเธาว์" เพื่อวิ่งวันละพันลี้ ส่งพระเอกหน้าทะเล้นไปสู่การเป็นพระเอกแถวหน้าและมหาเศรษฐีของเกาะฮ่องกง
หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล สื่อที่ประโคมข่าวเรื่องความสูญเสียในครั้งนี้ ต่างพาดหัวเหมือนๆ กันทั้งในโลกออนไลน์และหน้ากระดาษของตัวเองว่า "อู๋ม่งต๊ะนักแสดงคู่หูของโจวซิงฉือได้เสียชีวิตลงแล้ว"
นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาต่างเป็น... "แสงและเงาของกันและกันที่ไม่มีวันแยกจาก" ในสายตาของแฟนๆ ภาพยนตร์ทั่วโลก.
ผู้เขียน: นายฮกหลง
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์
ข่าวน่าสนใจ:
- ไขปริศนาการหายตัว "เอลิซา แลม" หลากทฤษฎีสมคบคิด สุดท้ายจบแสนเศร้า
- หนีโควิดอยู่ติดบ้าน 10 ที่สุด ซีรีส์เกาหลีชวนจดจำปี 2020
- ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ กับความลับ 7 ปี ป่วยพาร์กินสัน หัวเราะทั้งน้ำตาอำลาจอ
- I Care a Lot จากหนังสู่ความจริง กับกฎหมายทรัสต์ ช่วยดูแลเงินคนสูงอายุ
- รัฐประหารเมียนมา "พญาอินทรี" โฉบฉวย แผ่อิทธิพลกลืน "พญามังกร"