- Spotify ประกาศความทะเยอทะยานครั้งใหม่ในรอบเกือบ 3 ปี ตั้งเป้ามียอดผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านคนทั่วโลก!
- หากแผนรุกคืบตลาดของ Spotify ประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้ "ยักษ์ใหญ่" รายนี้ทำตลาดครอบคลุมมากถึง 178 ประเทศ
- ปัจจุบัน Spotify มียอดผู้ใช้งานรวมต่อเดือนอยู่ที่ 345 ล้านแอคเคาต์ หรือเพิ่มขึ้น 27% และในจำนวนนี้มีมากถึง 155 ล้านแอคเคาต์ ที่สมัครใช้บริการแบบพรีเมียม
"A new golden age of audio"
"ยุคทองแห่งการฟังครั้งใหม่"
"สปอติฟาย" (Spotify) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสตรีมมิงเพลง ประกาศความทะเยอทะยานครั้งใหม่ในรอบเกือบ 3 ปี ด้วยการวางเป้าหมายมียอดผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านคนทั่วโลก!
และสำหรับพิมพ์เขียวที่จะพา "เจ้าพ่อสตรีมมิงสัญชาติสวีเดน" ไปสู่เป้าหมายอันสุดทะเยอทะยานนั้น คือ การรุกคืบเข้าไปทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมในอีก 85 ประเทศ จากเดิมที่เข้าไปทำตลาดรวม 93 ประเทศ โดยจะมีการรองรับภาษาเพิ่มเติมอีกมากกว่า 60 ภาษา จากเดิมที่รองรับอยู่แล้วถึง 36 ภาษา โดยการประกาศรุกคืบครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก Spotify เพิ่งบุกเข้าไปทำตลาดในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดอุตสาหกรรมเพลงที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หากแผนการรุกคืบทางการตลาดที่ดูราวกับการกลืนกินคนทั้งโลกด้วย "เสียง" นี้ประสบความสำเร็จ มันจะทำให้ Spotify ทำการตลาดได้คลอบคลุมมากถึง 178 ประเทศ! สำหรับลิสต์ 85 ประเทศที่ Spotify กำลังจะบุกเข้าไปเปิดตลาดนั้นมีในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรป ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน
...
Spotify เพิ่งรายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2020 ว่า ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานรวมต่อเดือนอยู่ที่ 345 ล้าน (เพิ่มขึ้น 27% จากปีที่ผ่านมา) โดยในจำนวนนี้มีจำนวนมากถึง 155 ล้าน ที่สมัครใช้บริการแบบพรีเมียม ซึ่งต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน (เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่ผ่านมา) สำหรับการให้บริการในปัจจุบันนั้น Spotify มีจำนวนเพลงที่ให้บริการมากกว่า 70 ล้านเพลง และรายการพอดแคสต์ (Podcast) อีกมากกว่า 2 ล้านรายการ!
เหตุใด Spotify จึงต้องโหมแผนการตลาดที่ใหญ่ยักษ์และสุดท้าทาย?
เสียงบ่นจากบรรดาศิลปินถึงผลตอบแทนค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ได้รับแบบเหมาจ่ายอันแสนจำกัดจำเขี่ย เริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันช่างขัดแย้งกับฐานจำนวนสมาชิกของ Spotify ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันๆ ขณะที่ การแข่งขันในธุรกิจสตรีมมิงเพลงเริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ จากจำนวนผู้เล่นที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งสร้างแรงกดดันให้ Spotify "ไม่กล้า" ที่จะเพิ่มค่าบริการรายเดือนเพื่อ "เพิ่มรายได้" ด้วยเพราะกลัวที่จะเสียลูกค้าไปให้กับ "คู่แข่ง"
"เมื่อไม่สามารถปรับราคาให้บริการได้ การเพิ่มฐานจำนวนสมาชิกใหม่จึงต้องเกิดขึ้นเพื่อหารายได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ภัยคุกคามจาก "คู่แข่ง" ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิลมิวสิก (Apple Music) ของค่ายแอปเปิล (Apple) และ แอมะซอน มิวสิก อันลิมิเต็ด (Amazon Music Unlimited)
แอมะซอน (Amazon) หรือยูทูบ มิวสิก (YouTube Music) ของกูเกิล (Google) คือ แรงกดดันสำคัญ ที่ทำให้ต้องสร้างความแตกต่างทั้งในเรื่องการสร้างเนื้อหาและการรองรับเรื่องภาษา เพื่อรุกเข้าไปในตลาดใหม่ที่วางเป้าหมายไว้" Andrew Milroy ผู้อำนวยการและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี บริษัท Veator8 ให้ความเห็น
สำหรับ "อาวุธหนัก" ที่ Spotify จะใช้ในกลยุทธ์ขยายจำนวนสมาชิกครั้งนี้ คือ Podcast ซึ่ง Spotify ทุ่มทุนเป็นเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นเนื้อหาหัวหอกที่ "สร้างความแตกต่าง" จาก "คู่แข่ง" รวมถึง "สร้างเม็ดเงินจากคอนเทนต์ใหม่ๆ" ในช่วงหลังๆ นี้มาโดยตลอด หลังกำรี้กำไรจากเพียงเฉพาะ "เพลย์ลิสต์เพลง" เริ่มลดลงทุกขณะ
โดยเนื้อหาพอดแคสต์ระดับแม่เหล็กเรียกแขกที่ได้รับการเปิดเผยในเวลานี้แล้ว ก็เช่น การทำข้อตกลงกับ AGBO สตูดิโอภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์อิสระของพี่น้องตระกูลรุสโซ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) และสตูดิโอวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros) รวมถึงดีซี คอมมิคส์ (DC Comics) มาช่วยสร้างสรรค์รายการให้ รวมถึงการได้ VIP ระดับบารัคและมิเชล โอบามา มาทำรายการให้ ซึ่งแค่เพียงชื่อของแขกรับเชิญที่เปิดเผยออกมาก็เรียกเสียงฮือฮาได้แล้ว เพราะได้ทั้ง "เดอะบอส" บรูซ สปริงทีน ศิลปินระดับตำนาน เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาเป็นแขกรับเชิญ
...
โดยแผนการรุกตลาด โดยใช้พอดแคสต์เป็นหัวหอกนี้ ทาง Spotify ยืนยันว่า จะทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ (Creators) ในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด ด้วยข้อเสนอที่สมเหตุสมผล รวมถึงสามารถเจาะตรงเข้ากับ "ความต้องการ" เฉพาะในตลาดของแต่ละประเทศด้วย
ด้านแผนการรุกด้วย "เพลย์ลิสต์เพลง" นั้น Spotify ยืนยันว่า "แผน" สำหรับผู้ใช้งานแบบฟรีและแบบพรีเมียมจะถูกนำมาใช้ในการบุกตลาดใหม่ครั้งนี้อย่างแน่นอน และในบางประเทศจะมีข้อเสนอพิเศษในแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น ข้อเสนอสำหรับ กลุ่มครอบครัว แพ็กคู่ หรือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
นอกจากนี้ จะมีการนำเสนอทางเลือกใหม่ในการฟังเพลงในช่วงปลายปีนี้ ที่เรียกว่า HiFi subscription ซึ่งจะให้คุณภาพไฟล์เพลงในระดับเทียบเท่ามาตรฐานคุณภาพเสียงจากแผ่นซีดี โดยเบื้องต้นคาดว่า ข้อเสนอ HiFi subscription จะเป็นส่วนเสริมของบัญชีพรีเมียมปกติ ทำให้มีแนวโน้มว่า ค่าบริการส่วนเสริมนี้ เมื่อบวกเข้ากับค่าบริการปกติซึ่งอยู่ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน รวมกันแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน เพื่อไม่ให้สูงกว่า "คู่แข่งสำคัญ" อย่าง Tidal ผู้บุกเบิกการให้บริการสตรีมมิงเพลงคุณภาพสูงมายาวนาน
สรุปผลงานการเติบโตของ Spotify ในปี 2020
...
ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 แม้จะทำให้วงการบันเทิงปั่นป่วนและได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส แต่กับ Spotify มันต่างออกไป ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสตรีมมิงเพลง กลับได้รับโอกาสอย่างงดงามจากวิกฤติที่เกิดขึ้น การแสวงหาความบันเทิงภายในบ้านทำให้ Spotify สามารถขยายฐานสมาชิกได้อย่างน่าประทับใจ
โดยสิ่งที่สามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้ คือการที่ Spotify เพิ่งรายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2020 ว่า ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานรวมต่อเดือน (Monthly Active Users) อยู่ที่ 345 ล้านแอคเคาต์ หรือเพิ่มขึ้น 27% จากปีที่ผ่านมา และในจำนวนนี้มีมากถึง 155 ล้านแอคเคาต์ ที่สมัครใช้บริการแบบพรีเมียม ซึ่งต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 24% จากปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดผู้ใช้งานรวมต่อเดือน สำหรับสนับสนุนการหาค่าโฆษณาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 199 ล้านแอคเคาต์ หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้มีรายรับรวมสูงถึง 2,168 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา และมีกำไรมากถึง 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 21%
ในขณะที่จำนวนเนื้อหา (Content) ที่เปิดให้บริการ ณ ปัจจุบันนั้น Spotify มีจำนวน "เพลง" ที่ให้บริการมากกว่า 70 ล้านเพลง และรายการพอดแคสต์ (Podcast) อีกมากกว่า 2 ล้านรายการ!
โดยนักวิเคราะห์มอง "ปรากฏการณ์" ความสำเร็จของ Spotify เมื่อปีที่ผ่านมาว่า เป็นผลมาจากการเน้นไปที่กลยุทธ์การผลิตและเป็นเจ้าของเนื้อหาสุดพิเศษในแบบฉบับส่งตรงถึงมือสมาชิก ในรูปแบบเดียวกับเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) โดยเฉพาะรายการพอดแคสต์ที่ลงทุนลงแรงอย่างหนัก จนกระทั่งสามารถกระตุ้นผู้ใช้งานรายใหม่ๆ ยอมเสียเงินสมัครสมาชิกพรีเมียมได้สำเร็จ และกลยุทธ์พอดแคสต์พิชิตโลกที่บรรดา "นักลงทุน" กำลังเฝ้าจับตาเป็นพิเศษว่า มันจะสามารถทำให้ตัวเลขยอดผู้สมัครใช้บริการแบบพรีเมียมของ Spotify เพิ่มสูงขึ้นได้อีกมากแค่ไหน อยู่ในเดือนพฤษภาคมที่ใกล้จะมาถึงนี้ นั่นเป็นเพราะรายการพอดแคสต์ของ "โจ โลแกน" (Joe Rogan) พิธีกรชื่อดังซึ่งมีฐานแฟนคลับจำนวนมากจะกลายเป็นเอ็กซ์คลูซีฟให้กับ Spotify แต่เพียงผู้เดียวนั่นเอง
...
ความคาดหวังของ Spotify ในปี 2021
สำหรับปี 2021 Spotify วางเป้าหมายเอาไว้ว่า จะสามารถทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 11,002 - 11,491 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่บรรดานักลงทุนคาดหวังเอาไว้ว่า ควรจะอยู่ที่ประมาณ 11,247 - 12,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 26 ก.พ.64)
อย่างไรก็ดี ทาง Spotify ได้พยายามอธิบายถึงความผิดหวังเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่นักลงทุน เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...
"ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2021 หรืออาจจะเลยไปถึงปี 2022 ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงควรมองไปข้างหน้ามากกว่าเพียงการคาดการณ์ในปัจจุบัน"
โดยเฉพาะเมื่อ...สงครามสตรีมมิงเพลงกับคู่แข่งสำคัญและผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมดนตรีรูปแบบใหม่ อย่าง "Apple Music" ไม่ได้ดุเดือดเลือดสาด เช่นที่ได้มีการคาดการณ์กันเอาไว้ก่อนหน้านี้
โดยตัวเลขคาดการณ์ของจำนวนสมาชิก Apple Music ซึ่งยังไม่เคยมีการเปิดเผยตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการนั้น ได้รับการคาดหมายว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 72 ล้านแอคเคาต์ หลังสิ้นสุดไตรมาส 3 ของปี 2020 ในขณะที่ ยอดสมาชิกพรีเมียมของ Spotify อยู่ที่ 130 ล้านแอคเคาต์ ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นเท่ากับยอดสมาชิกของ Apple Music มีตัวเลขเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่ยอมเสียเงินให้กับ Spotify และมันยังจะยิ่งห่างไกลออกไปอีก เมื่อเปรียบเทียบกับ ยอดสมาชิกที่ Spotify ใช้สำหรับสนับสนุนการหาค่าโฆษณา
สรุปสถิติที่น่าสนใจ ของ Spotify ประจำปี 2020
286 ล้านแอคเคาต์ คือ ตัวเลขใช้งานรายเดือนของ Spotify
130 ล้านแอคเคาต์ คือ ตัวเลขสมาชิกพรีเมียมของ Spotify
36% คือ ตัวเลขที่ Spotify อ้างว่า เป็นผู้ครอบครองในตลาดสตรีมมิงเพลงโลก
25 ชั่วโมง คือ ค่าเฉลี่ยมาตรฐานที่ Users ใช้สำหรับการฟังเพลงใน Spotify ต่อเดือน
44% ของจำนวนสมาชิกฟังเพลงในแอปฯ Spotify ทุกวัน
เพลง One Dance ของ Drake Feat. Wizkid & Kyla เป็นเพลงแรกที่ถูกฟังทะลุเกิน 1,000 ล้านครั้งในสตรีม
เพลง Shape of You ของ Ed Sheeran คือ เพลงที่ถูกฟังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Spotify
2,500 ล้านครั้ง (สถิติ ณ เดือนเมษายน ปี 2020)
Ed Sheeran คือ ศิลปินที่มียอดติดตามสูงสุด ของ Spotify โดยมียอดผู้ติดตาม 62.9 ล้านคน (สถิติ ณ เดือนเมษายน ปี 2020)
Drake คือ ศิลปินที่มียอดผู้เข้าฟังเพลงต่อเดือนสูงที่สุดของ Spotify ที่ 43 ล้านครั้ง
ประมาณ 1 ใน 3 ของเวลาที่ Users ใช้ในการฟังเพลง จะหมดไปกับ เพลย์ลิสต์ที่ Spotify สร้างขึ้น ส่วนเวลาที่เหลือ จะใช้หมดไปกับ เพลย์ลิสต์ของตัวเอง
"Today’s Top Hits" คือ เพลย์ลิสต์ที่มียอดผู้ติดตามสูงสุด (26 ล้านแอคเคาต์ สถิติ ณ เดือนเมษายน ปี 2020)
ในขณะที่ ค่าเฉลี่ยผู้ใช้ในการเลือกฟังเพลงอยู่ที่ 41 ศิลปินต่อสัปดาห์.
ผู้เขียน: นายฮกหลง
กราฟิก: Theerapong
ข่าวน่าสนใจ: