ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยกับ ชมพู่ ภัทราวรรณ พานิชชา หรือ Miss Wheelchair Thailand 2012 เธอเปิดใจถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับเรื่องราวความรักอันหวานชื่นของเธอและแฟนหนุ่ม
ขอเกริ่นสักนิดว่า ชมพู่ ภัทราวรรณ สาววีลแชร์หัวใจแกร่งวัย 26 ปีผู้นี้ เคยประสบอุบัติเหตุรถสิบล้อชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของเธอเมื่อ 10 ปีก่อน เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้ร่างกายของเธอตั้งแต่สะโพกลงไปไร้ความรู้สึกและขยับเขยื้อนไม่ได้...
ทว่า ชมพู่ ภัทราวรรณ ได้ย้อนเล่าให้ทีมข่าวฟังถึงที่มาที่ไปของการพบรักอันสวยงามของเธอว่า “เราเจอกันในเฟซบุ๊กค่ะ ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะมาจีบเรา เขาเคยทักแชตเฟซบุ๊กเรามาเพื่อให้กำลังใจเรา พร้อมกับบอกว่า เขาเห็นเราในรายการๆ หนึ่ง และเขาก็ชื่นชมเราว่า เราเข้มแข็งจังเลย เขาขอเป็นกำลังใจให้ ซึ่ง ณ ตอนนั้น เขาก็ทักมาบอกกับเราเหมือนที่คนทั่วๆ ไปทักมา จากนั้น 6 เดือนต่อมา เขาก็ทักเราอีกว่า ผมเห็นคุณเป็นพิธีกรอยู่ที่รายการหนึ่ง ตอนนี้คุณยังทำอยู่ไหม ออกอากาศวันไหนบ้างครับ ผมอยากติดตาม” ชมพู่ กล่าว

...
“หลังจากนั้น เขาก็ทักมาจีบเรื่อยๆ ซึ่งเราใช้เวลาคุยกันประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ประมาณ 1 เดือน เราก็ตัดสินใจเป็นแฟนกัน” ชมพู่ จดจำทุกเรื่องราวระหว่างเธอและเขาได้ดี
ชมพู่ประทับใจอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ จนทำให้ตัดสินใจเป็นแฟน? ผู้สื่อข่าวซักถึงเรื่องราวความรักอันหอมหวานของเธอ
“ตั้งแต่วันแรกที่มาจีบ วันที่เราตัดสินใจเป็นแฟนกับเขา จนกระทั่งวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีต่อเรา หรือปฏิบัติกับเรานั้น สม่ำเสมอมาตลอด ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นแฟนกัน เราก็มีคนที่เข้ามาจีบอยู่เรื่อยๆ เราก็จะเห็นข้อเปรียบเทียบเลยว่า เวลาที่เรามีปัญหา หรือมีความทุกข์ แล้วเราอยากปรึกษาใครสักคน ผู้ชายคนอื่นจะบอกว่า สู้ๆนะ แค่นี้เลย แต่กับผู้ชายคนนี้ เขาจะรีบบอกกับเราเลยว่า มีอะไรให้เราช่วยมั้ย ถ้ามีรีบบอกเราเลยนะ ซึ่งเขาเห็นความทุกข์ของเรา เป็นความทุกข์ของเขาเหมือนกัน” เธอบอกเล่าถึงความจริงใจของแฟนหนุ่ม

“เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ชมพู่อยู่กรุงเทพฯ ส่วนเขาทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่ราชบุรี ตั้งแต่คบกันมา 1 ปี ไม่มีอาทิตย์ไหนเลยที่เขาจะไม่มาหาชมพู่ เขามาหาอยู่ตลอด มาดูแล ถ้าเราบอกว่าเราป่วยอยู่นะ ไม่ว่าเวลานั้น จะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน เขาก็จะขับรถมาจากราชบุรี เพื่อมาดูแลเรา พาเราไปหาหมอด้วยตัวเอง” เธอบอกเล่าถึงความดีงามในตัวแฟนหนุ่ม
เคยเจอพ่อแม่ฝ่ายชายหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง?
ชมพู่ ตอบข้อซักถามนี้ด้วยความแช่มชื่นว่า “ชมพู่ได้เจอกับแม่ของเขาแล้ว ซึ่งคุณแม่น่ารักมาก หากคุณแม่รู้ว่าเราป่วย เขาก็จะบอกกับลูกชายเขาว่า ให้รีบพาชมพู่ไปโรงพยาบาลเลย ซึ่งคุณแม่ของเขารักและเมตตาเราเป็นอย่างดี”
ชมพู่เคยถามฝ่ายชาย ถึงความคิดเห็นของพ่อแม่ฝ่ายชายไหม? ผู้สื่อถามถึงปัญหาสำคัญที่ชีวิตของคู่รักหลายๆ คู่ต้องพบเจอ
“ถามค่ะ เราถามเขาว่า ทำไมถึงมารักเราทั้งๆ ที่เราเดินไม่ได้ ซึ่งเขาก็ตอบกับเรามาว่า มันไม่ใช่สาระสำคัญอะไร เดินได้หรือเดินไม่ได้ เขาก็ดูแลได้ ชมพู่ก็เลยถามไปอีกว่า แล้วแม่เธอ ญาติเธอ เธอไม่กลัวเขาจะว่าอะไรหรอ เขาก็ตอบเรามาว่า ตั้งแต่ที่เขามาคุยกับเรา เขาก็บอกแม่และญาติๆ เขาแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปของชีวิตอย่างไรบ้าง ซึ่งแม่เขาก็ชื่นชมเราว่า เราเป็นคนเก่งนะ สู้ชีวิตนะ และที่บ้านของเขาก็เข้าใจในความรักของเราเป็นอย่างดี ไม่ได้ว่าอะไรเราทั้งสิ้น”

ชมพู่เคยถามแฟนหนุ่มไหมว่า รักชมพู่ที่อะไร? เธอตอบด้วยนำ้เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขว่า “เราเคยถามเขานะคะ ซึ่งเขาก็ตอบว่า ชอบเราที่เราเป็นคนเข้มแข็ง เราเป็นคนเฮฮา มองโลกในแง่ดี”
...
ส่วนในเรื่องของอนาคตนั้น ชมพู่เปิดใจว่า ด้วยความที่ฝ่ายชายกำลังง่วนกับการทำธุรกิจ และต่างฝ่ายอาจจะยังไม่พร้อมด้วยกันทั้งคู่ จึงยังไม่มีแผนที่แต่งงาน หรือมีลูกด้วยกันในเร็วๆ นี้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทั้งคู่จึงอยากใช้เวลาดูใจกันไปเรื่อยๆ ก่อน

สุขภาพร่างกายของชมพู่เป็นอย่างไรบ้าง? ทีมข่าวถามไถ่ถึงสุขภาพของเธอ
“ตอนนี้ป่วยบ่อยค่ะ เป็นไข้หวัดธรรมดา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้มีงานค่อนข้างเยอะ เลยทำให้พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอเท่าไร” สาววีลแชร์คนสวย อัพเดตสารทุกข์สุกดิบ.