“หน้าพ่อแม่ลอยเข้ามา หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย รีบเดินออกจากบ้าน ในมือคว้าโทรศัพท์มือถือโทรหาแม่ บอกว่าไปเจอกันที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกจากบ้าน แต่ก็เดินได้ไม่เร็วนัก เพราะลมหายใจที่สูดเข้าได้น้อย จึงต้องสูดถี่ๆ กระทั่งเรียกรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล พอถึงโรงพยาบาลก็ขึ้นรถเข็น เหมือนเราเห็นฉากในหนัง ที่เห็นแสงไฟสีขาวๆ ผ่านเป็นวูบๆ จากนั้นก็ไม่ได้สติอีกเลย กระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมา”

นี่คือความรู้สึกของหนุ่มคนหนึ่งที่เฉียดเข้าใกล้ความตายถึง 2 ครั้ง เหตุเพราะใช้ชีวิตมากจนทำให้ป่วยหนักเป็นโรคร้าย และครั้งล่าสุด เขานอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน ถูกปั๊มหัวใจยื้อชีวิตถึง 2 หน ก่อนจะเรียกวิญญาณกลับมาได้!

ไม่ผิดหรอก ที่ใช้คำว่า “วิญญาณ” แทนที่จะใช้คำว่า “สติ” เพราะการป่วยครั้งนี้เขาบอกว่ารู้สึกเหมือนจิตได้หลุดลอยออกจากร่าง จิตเขาลอยไปไหน ทำไมเขาถึงป่วยหนักถึง 2 หน วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอเปิดเผยชีวิตชายผู้หนึ่งโดยหวังว่าเรื่องราวในชีวิตของเขาจะสามารถเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนให้เลือกใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ทะนุถนอมร่างกายเสียบ้าง

...

ปาฏิหาริย์ชีวิต หนุ่มป่วยโรคเลือด หวิดตาย เพราะใช้ชีวิตประมาท กินเที่ยว ไม่ดูแลร่างกาย 

ว่าที่ ร.ต.ภาสกร ยุทธศักดิ์สุนทร ปัจจุบัน อายุ 35 ปี มีอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และหากมีเวลาว่างก็จะเขียนหนังสือขาย โดยที่ผ่านมาเคยหารายได้เดือนหนึ่งหลักแสนบาท แต่ปัจจุบันเงินที่มีก็สูญเสียไปกับการกิน เที่ยว และบางส่วนก็ใช้รักษาตัว

ว่าที่ ร.ต.ภาสกร เล่าให้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า หลังจากเรียนจบ เขาทำงานเบื้องหลัง ตัดต่อรายการทีวีให้โทรทัศน์ช่องหนึ่ง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคอะไร เพราะตอนนั้นร่างกายแข็งแรงดี

“ช่วงนั้นเพื่อนเยอะและบ้างาน แต่ที่หนักที่สุด คือ การเที่ยวเตร่ กินเหล้า สูบบุหรี่ ถึงแม้ลักษณะงานจะเป็นงานที่ต้องอดหลับอดนอน ทำงานกลางคืน ตัดต่อรายการถึงเช้าบ้าง แต่สิ่งที่หนักกว่าคือการกินเหล้า สูบบุหรี่ เรียกว่าหนักมาก ผมใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ประมาณเกือบ 2 ปี กระทั่งวันหนึ่ง...เห็นร่างกายตัวเองมีจุดแดงๆ ขึ้นเต็มตัว แต่ก็ยังคิดว่าสงสัยเป็นไข้เลือดออก แต่ก็ยังไม่ไปหาหมอ ก็ยังจะฝืนไปทำงาน กระทั่งวูบไป เขาเลยพาส่งโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง”

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก็ต้องนอนให้เลือดอยู่ตลอด วันแล้ววันเล่า หมอก็ยังคงนำเกล็ดเลือดมาให้ กระทั่งใช้เกล็ดเลือดจากโรงพยาบาลไป 60 ถุง

“คุณกร หลังจากวันพรุ่งนี้เราจะหยุดให้เกล็ดเลือดคุณแล้วนะ เพราะเรานำเกล็ดเลือดมาให้กับคุณก็เหมือนกับเสียเปล่า เกล็ดเลือดเป็นสิ่งมีค่ามากๆ เกล็ดเลือดที่ให้คุณไป 60 ถุงนั้นเราสามารถนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้มาก”

พ่อแม่ และ น้องสาว ได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่ร้องไห้...

จากนั้นก็ได้มีการปรึกษากันภายในครอบครัวและลงความเห็นว่า ควรย้ายโรงพยาบาลโดยด่วน ยังดีคือ มีน้าคอยช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชน เหมือนกับเรากำลังดูหนัง สภาพตัวเองนอนบนเตียง มีภาพขาวๆ เพดาน วับๆ ผ่านไป

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลใหม่ ตรวจเลือดพบว่า เกล็ดเลือดแดงเหลืออยู่ประมาณ 2,000 ทั้งที่คนเราจะมีเกล็ดเลือดอยู่ 140,000 - 300,000

“ถ้าคุณมาช้ากว่านี้...คุณคงตายไปแล้ว” หมอโรงพยาบาลใหม่พูดกับเขา

...

คุณกร เล่าต่อว่า คำแรกที่หมอบอกว่า “คุณอาจจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว” เพราะโรคนี้ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ แต่ก็ยังไม่ชัดเจน จึงขอทำการเจาะไขกระดูกตรวจ ซึ่งการเจาะไขสันหลัง คืออะไรที่เจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว...

จากนั้น ผลวิเคราะห์ก็ออก หมอบอกว่าผมเป็นโรค ITP หรือ โรคเกล็ดเลือดต่ำ พูดง่ายๆ เป็นเหมือนโรคพุ่มพวง ร่างกายสร้างแอนติบอดีให้ม้ามกินเกล็ดเลือดของตัวเอง ซึ่งโรคนี้เป็น 1 ใน 42 โรคที่หาสาเหตุไม่ได้

“ขั้นตอนรักษาเป็นอะไรที่โหดร้ายสำหรับผมมาก เพราะยาที่กินส่วนใหญ่จะเป็นยาที่เกี่ยวกับฮอร์โมนเพศชาย ยาที่จะต้านไม่ให้ม้ามกินเลือดตัวเองได้ นอกจากนี้ยังให้ยา “สเตียรอยด์” กินผสมไปด้วย ซึ่งการกิน สเตียรอยด์ จะมีผลข้างเคียง ทำให้เรารู้สึกหิวตลอดเวลา จากคนน้ำหนัก 75 น้ำหนักขึ้นเป็น 110 กิโลกรัม ไปไหนไม่ค่อยได้ ร่างกายอ้วน ทำอะไรก็ลำบาก นอกจากนี้ยังติดเชื้อ ป่วยง่าย โดยรักษาแบบประคองอาการแบบนี้มาเป็นปี จากคนปกติ กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ทำลายข้าวของ เพราะรู้สึกเครียดมาก ไม่อยากเป็น ไม่อยากป่วย แต่ก็ไม่หาย”

กระทั่ง ไปหาข้อมูลต่างๆ มากมาย ด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ก็เจอข้อความในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อความของฝรั่งเขียนไว้ แนะนำให้ “ตัดม้าม” ทิ้ง ในข้อมูลที่อ่าน บอกว่าคนเราตัดม้ามทิ้งแล้วสามารถอยู่ได้ แต่ก็จะป่วยง่าย

...

“ผมเดินไปหาคุณหมอที่รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน เขาพูดกับผม “การตัดม้ามไม่ใช่เรื่องสนุกนะ หากคุณไม่มีม้ามคุณก็จะป่วยง่าย โดยเฉพาะโรคหวัด ม้ามนี่มีประโยชน์หลายอย่าง ถามว่าไม่มีแล้วอยู่ได้มั้ย คำตอบคือ ได้ แต่คุณจะใช้ชีวิตลำบาก” หมอเตือนผมแบบนี้ แต่ผมไม่ฟัง ผมไปหาหมออีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ​ เขาก็ให้ยา สเตียรอยด์ มากินอีก เราโอดครวญกับหมออีกท่านเรื่อยๆ จนเขาเริ่มรู้สึกสงสาร ซึ่งหมอท่านนี้ท่านเชี่ยวชาญด้านการตัดม้าม เขาก็เลยรับปากว่าจะทำให้ แต่ครอบครัวมารู้ทีหลังว่าเราแอบไปหาหมออีกที่ และจะไปตัดม้าม ครอบครัวจึงขอไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้ตัด”

ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น โรคหายได้เอง ด้วยการกินสมุนไพร นั่งสมาธิ

ระหว่างนั้น ว่าที่ ร.ต.ภาสกร เล่าต่อว่า เขาก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ กระทั่งไปเจอข้อมูลอีกชุดของต่างประเทศ โดยมีการแนะนำให้นั่งสมาธิ ไม่น่าเชื่อว่าชาวต่างชาติก็มีการพูดเรื่องนี้ การทำสมาธิจะทำให้เกล็ดเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ ทางบ้านเขาก็ให้ยาสมุนไพรไทยมากิน พวกอบเชย ขมิ้นชัน กินวิตามินซี ปั่นน้ำผลไม้ เรียกว่าตอนนั้นเหมือนกินชีวจิต ซึ่งมีการกินยาปัจจุบันควบคู่ไปด้วย แต่แล้วจู่ๆ เกล็ดเลือดมันก็เพิ่มขึ้นมาเอง อาการผิดปกติค่อยๆ หาย เกล็ดเลือดเพิ่มมาเป็นแบบคนปกติ หมอที่รักษาตนก็งง ว่าหายได้ไง ก็ถามว่าไปทำอะไรมา ตนก็เล่าให้ฟังว่ากินอะไรไปบ้าง ขณะเดียวกันก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น แต่...สุดท้ายก็เผลอตัวเผลอใจอีกครั้ง

เสียใจสุด แฟนที่คบหานับ 10 ปีบอกเลิก... ชีวิตพลิกผัน กลายเป็นท็อปเซลส์ หาเงินแสนง่ายนิดเดียว

ร.ต.ภาสกร เล่าต่อว่า ช่วงที่ตนป่วยหนักนั้น โชคดีที่คบหากับแฟนคนหนึ่ง ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน คอยช่วยเหลือคบหาดูแลกันมาเกือบ 10 ปี กระทั่งหายป่วย เราก็ยังคบหากันอยู่ แต่...ไม่มีงานทำ เครียดมาก กลับมากินเหล้าสูบบุหรี่อีก กลายเป็นคนติดเหล้า แฟนที่เคยรักกันมากก็เริ่มที่จะทนไม่ได้ กระทั่งมีวันหนึ่ง เธอได้ก้าวเข้ามาบอกว่า จะขอไปมีชีวิตใหม่ เพราะอยู่ด้วยกันมา อายุเริ่มมากขึ้น ชีวิตเราไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเลย แม้จะหายป่วย แต่ก็ยังตกงานอยู่ เขาอยากจะแต่งงาน สร้างครอบครัว ตอนนั้นเหมือนคนตกอับ จึงต้องจำใจปล่อยเขาไป

...

“ตอนนั้นเฮิร์ต เสียใจมาก แต่ก็ต้องยอม เพราะบางทีเงินจะกินข้าวยังไม่มี อาชีพก็ไม่มี ได้แต่เขียนหนังสือไปวันๆ เราบอกเขา ให้ความหวังเขา ว่าเราจะมีหนังสือ ออกพ็อกเก็ตบุ๊ก แต่ก็ไม่ได้ออกเสียที กระทั่งเขามาขอ จึงต้องปล่อยเขาไป...”

คุณกร เล่าว่าเขาตกงานมา 2-3 ปี แฟนมาบอกเลิก เพราะทำตัวเอง ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพาย และเพิ่งรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมา แต่...ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดี จู่ๆ ก็ได้เจอคนที่เป็นเซลส์ขายรถ เขาแนะนำให้ไปสมัครงาน หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำ เมื่อไปสมัครงานก็เล่าเรื่องราวชีวิตให้ MD โชว์รูมรถนั้นฟัง เขาก็ชอบ บอกเจอชีวิตแบบนี้น่าจะขายรถได้ เราจึงได้มาเป็นเซลส์

“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังมาทำงานแค่ 2 เดือน จากคนที่ขายรถไม่เป็น ก็กลายเป็นท็อปเซลส์ ถึง 2 ปีติด เปอร์เซ็นต์จากการขายรถ ได้เงินหลักแสนทุกเดือน ความประมาทในชีวิตเริ่มมากอีกครั้ง ใช้เงินฟุ่มเฟือย ซื้อทอง ซื้อรถใหม่ กินเที่ยว อีกครั้ง”

ชีวิตตอนนั้นดีมาก มีเงินเข้ามามากมาย และอีกครั้ง มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาในชีวิต ตนเริ่มที่จะมีแฟนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม...

ได้เจอรักครั้งใหม่ ไม่สมหวัง พ่อฝ่ายหญิงมาขอ "ปล่อยให้ลูกเขาไปมีชีวิตที่ดีกว่าเถอะ" 

หนุ่มท็อปเซลส์ เล่าต่อว่า ในเวลาต่อมาแฟนคนใหม่มาอยู่ที่บ้านตนทุกวัน ไม่ค่อยยอมกลับบ้าน กระทั่งวันหนึ่งพ่อของแฟนเขามาหาเราที่โชว์รูม ได้มีการเปิดอกพูดคุยกันถึงอนาคต และเขาอยากให้ลูกสาวเขาไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยยื่นคำขาดขอให้เลิกกัน เพื่ออนาคต

ชีวิตการงานตอนนั้นกำลังไปได้ดี กำลังจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีโชว์รูมที่ดีกว่ามาชวนมาเป็นเซลส์ แต่ก็เพราะผิดหวังเรื่องความรัก ทำให้ตนตัดสินใจพลาดอีกครั้ง โดยเลือกที่จะไปขายประกัน เพราะหลงเชื่อว่า การขายประกัน จะเป็นอาชีพที่ดีมีอนาคต ซึ่งเหตุผลลึกๆ แล้ว แค่อยากจะหนีจากโชว์รูมเดิม ที่แฟนมาหาบ่อยๆ เท่านั้นเอง

เฉียดตายครั้งที่ 2 ป่วยประหลาด เป็นโรคคนแก่อายุ 70-80 ปี 

หนุ่มขายรถ เปลี่ยนอาชีพมาขายประกัน ก็ต้องเผชิญกับเรื่องไม่สมหวังอีกครั้ง เพราะการขายประกัน ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ลูกค้าที่เคยมีหายหมด จากนั้น...ก็เริ่มเครียด แล้วก็เริ่มป่วยอีกครั้ง โดยเริ่มต้นเป็นไซนัส ทำให้ต้องไปฉีดวัคซีน กินยาแก้อักเสบ ก็ไม่หาย กระทั่งผ่าตัดเปิดรูไซนัส ปรากฏว่ากลายเป็นผลร้ายกับเรา เพราะเราแพ้ฝุ่น ผืนแดงเริ่มขึ้น

“กินยาก็ไม่หาย ผ่าตัดอีกก็ไม่ได้ สุดท้ายหมอก็ให้ สเตียรอยด์ มากิน (อีกแล้ว) ยาดังกล่าวทำให้อาการดีขึ้น แต่มีอยู่วันหนึ่งได้ไปทำความสะอาดที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ปรากฏว่า ฝุ่นได้เข้าไปในปอด และปอดก็เริ่มที่จะติดเชื้อ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นเกือบตาย ผมรีบออกจากบ้าน เริ่มหายใจไม่ออก หน้าพ่อแม่ลอยเข้ามา ในมือคว้าโทรศัพท์มือถือโทรหาแม่ บอกว่าไปเจอกันที่โรงพยาบาล ตอนนั้นทรมานเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ พยายามวิ่งไปที่รถ แต่ก็ขับไม่ไหว จึงค่อยๆ ออกจากบ้าน ขึ้นรถแท็กซี่ กระทั่งถึงโรงพยาบาล เสียงที่ได้ยินเสียงหมอพูด “เจาะคอๆ” จากนั้นก็สลบไม่รู้เรื่อง กระทั่งอีก 2 สัปดาห์ต่อมาเริ่มค่อยๆ ฟื้น”

แม่เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่นอนโคม่าอยู่นั้น เกือบจะตายไป 2 หน หมอปั๊มหัวใจขึ้นมา กระทั่งรอดพ้นวิกฤติมาได้ หมอบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าทำไมป่วยเป็นโรคคนแก่ คือ ปอดติดเชื้อ ภาวะการหายใจล้มเหลว และติดเชื้อในกระแสเลือด หมอบอกกับพ่อแม่ ว่า "คงไม่รอด นี่คนอายุ 70-80 หนุ่มแบบนี้ไม่น่าเป็น"

ช่วงที่นอนอยู่ 2 สัปดาห์นั้น เหมือนจิตหลุดออกจากร่าง ล่องลอยไปเรื่อย ตอนนั้นเหมือนกับความฝัน วิญญาณออกไปนอกโรงพยาบาล ไปโผล่ห้องนู้นห้องนี้ตามโรงพยาบาล โดยที่มองไม่เห็นตัวเอง แต่เห็นคนอื่นๆ จากนั้นก็ลอยแวบไปโผล่ที่ทะเล ไปริมภูเขา เห็นภาพเป็นสีเหลืองๆ รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ

กระทั่งล่องลอยไปที่แห่งหนึ่ง สถานที่เหมือนป่าแห่งหนึ่ง กระทั่งเห็นว่าพระรูปหนึ่งนั่งอยู่ ในจิตคิดว่า นั่นคือพระพุทธเจ้า ตอนนั้นก็เลยก้มลงกราบ และบอกกับท่านว่า “ถ้าผมรอดตายไปได้ ผมจะขอบวชถวายท่าน” เมื่อสิ้นคำพูดนี้ จิตก็กลับเข้ามา สะดุ้งตื่น...

หลังจากฟื้นก็ทราบว่า ทางครอบครัวได้พยายามสวดมนต์ขอพรให้ จึงเชื่อว่าที่เราไปสถานที่ดีๆ มากมาย เพราะเป็นการสวดมนต์ให้รอดชีวิต ซึ่งจากการสนทนาธรรมกับพระที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะจิตหลุดออกจากร่างไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ก็ค่อยๆ รักษาตัวกระทั่งดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลได้ในที่สุด

ว่าที่ ร.ต.ภาสกร ยุทธศักดิ์สุนทร เล่าทิ้งท้ายว่า อุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ส่วนตัวว่าใครที่ได้อ่านก็คงจะทราบว่า การใช้ชีวิตประมาท ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ร่างกายคนเราหากไม่ดูแลไม่รักษา ก็อาจจะทำให้ป่วย หรือ กระทั่งเสียชีวิตได้ ส่วนชีวิตหลังจากนี้ ก็ขอบวชตามที่ตั้งใจไว้ก่อน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้เขียนหนังสือไว้ 1 เล่ม ช่วงที่เป็นท็อปเซลส์ ประสบความสำเร็จ ชื่อเรื่อง A SUPER SALESMAN ลองหามาอ่านกันได้