เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจกองปราบปรามได้แถลงข่าวคดีเล็กๆ คดีหนึ่ง แต่มีความน่าสนใจ เพราะบุคคลในข่าวกลับเป็นคนดัง ดารายอดนิยม เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ เขาคนนั้นคือ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์”
สิ่งที่กองปราบแถลงในวันนั้น คือ การตามจับโจรผัวเมียคู่หนึ่งได้ โดยมีพฤติการณ์ ด้วยการตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านต่างๆ โดยเฉพาะบ้านว่างเปล่าที่เจ้าของไม่อยู่ หรือ บ้านที่กำลังก่อสร้าง ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งช่วงปีใหม่นี่เองถือเป็นช่วงที่ดีที่โจรเหล่านี้จะลงมือ
เบื้องหลังของคดีนี้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.กก.1 ป. นำทีมคลายทุกข์ให้กับประชาชน หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีแมวขโมยไล่ตระเวนลักทรัพย์มากกว่าสิบคดี โดยคนร้ายใช้รถยนต์ “สีฟ้า” (สีสะดุดตาเลยทีเดียว) ไปตระเวนตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อลักทรัพย์ยามวิกาล ทั้งในพื้นที่ โชคชัย รามอินทรา หลักสี่ หรือแม้แต่มีนบุรี
...
“ตอนแรกที่เราตาม เรารู้แค่ว่าโจรใช้รถยนต์เก๋งสีฟ้า ซึ่งได้เห็นลักษณะรถจากกล้องวงจรปิด และจากการสอบปากคำผู้เสียหาย แต่ยังไม่เห็นทะเบียนรถ จึงไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร เราจึงติดตามไล่ดูกล้อง แกะรอย และกระทั่งไปพบรถคันนี้จอดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยลาดพร้าววังหิน (ซอยลาดพร้าว 43) เราจึงได้ขอหมายค้นเพื่อตรวจสอบบ้านหลังนี้
เมื่อเรานำหมายค้นไปขอค้น เจ้าของบ้านก็อนุญาต และนำค้นแต่โดยดี เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เห็นสายไฟที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังไปเจอตุ๊กตา “แบร์บริค” (BE@RBRICK) ตั้งเรียงอยู่ภายในห้องนอน 9-10 ตัว!”
สองคนร้าย รับสารภาพว่า วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ได้ขับรถตระเวนไปลักทรัพย์ตามบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ไปเจอบ้านหลังหนึ่งกำลังก่อสร้าง โดยขับรถเข้าไปจอด โดยทำทีว่ามาเอาอุปกรณ์ก่อสร้าง เมื่อเข้าไปในบ้านหลังนี้ เห็นตุ๊กตาวางเรียงอยู่ ก็รู้ว่ามีราคาแพงแน่ๆ จึงขนตุ๊กตาออกมาแบบดื้อๆ
“สองโจรผัวเมีย บอกว่า เขาพอจะรู้จักของเล่นหมีนี้ รู้ว่ามีราคาแพง ยังคิดเลยว่าจะเอาไปปล่อยที่ไหนดี แต่เชื่อว่าจากพฤติการณ์ดังกล่าว น่าจะไม่ได้ขโมยตามใบสั่งแต่อย่างใด”
รอง ผบก.ป. เล่าเบื้องหลังให้ฟังอีกว่า ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นของ บอย ปกรณ์ แต่เมื่อตรวจสอบว่ามีใครมาแจ้งความไว้บ้าง ก็ได้ทราบในที่สุดว่า ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นของนักแสดงสุดฮอตขวัญใจคนไทย
ส่องประวัติ “หมีแบร์บริค” (BE@RBRICK)
เจ้าของเล่นคนมีกะตังค์อย่าง หมีแบร์บริค เป็นของบริษัท Medicom Toy บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 โดย “ทัทสึฮิโกะ อากาชิ” (Tatsuhiko Akashi)
นายทัทสึฮิโกะ เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นของ BE@RBRICK ว่า แรกเริ่มเดิมที เราพยายามขายสินค้าที่เรียกว่า Kubrick จำนวนมาก แต่ละเดือนมีความต้องการมากกว่า 10,000 ชิ้น ในตอนนั้นเลยมาคิดว่า พวกเราต้องทำอะไรสักอย่างที่เราไม่จำเป็นต้องสร้างชิ้นส่วนใหม่ๆ เพิ่ม และสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ เช่น ศิลปะ นั่นเลยเกิดเป็นเจ้านี่ขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่า BE@RBRICK เป็นเหมือนกับ "ผ้าใบ" (ไว้ให้เราละเลงสี)
...
ต่อมา BE@RBRICK เป็นของเล่นที่คนนิยมสะสม ได้รับการออกแบบและผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่น Medicom Toy ส่วนชื่อนั้นก็นิยามมาจากต้นแบบคาแรกเตอร์ "หมี" และการผสมผสานกับ Kubrick ของ Medicom กลายมาเป็น BE@RBRICK นั่นเอง
ตัวแรกออกวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 27 พฤษภาคม 2001 ในฐานะของขวัญให้แก่ผู้เยี่ยมเยือน World Character Convention 12 ณ กรุงโตเกียว ซึ่งนับแต่นั้นมา BE@RBRICK ก็ออกวางจำหน่ายหลายขนาด และมีการใช้วัสดุที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งไม้ ผ้าสักหลาด (ขนสัตว์) รวมถึงพลาสติกเรืองแสง
...
ไซส์พื้นฐานคือ สูง 70 มิลลิเมตร เรืยกกันว่า BE@RBRICK 100% ในส่วนไซส์อื่นๆ ก็อย่างเช่น 50% สูง 35 มิลลิเมตร, 70% สูง 50 มิลลิเมตร, 400% สูง 280 มิลลิเมตร และ 1000% สูง 700 มิลลิเมตร ซึ่งไซส์ 200% ของ BE@RBRICK โชโกคิน (Chogokin) มีการผลิตออกมาสูง 14 เซนติเมตร ส่วนไซส์ 150% ของ BE@RBRICK Light ที่มีการผลิตเมื่อปี 2012 มีขนาดความสูง 10.5 เซนติเมตร พร้อมกับมีโซ่กุญแจบนหัวด้วย
สำหรับไซส์ 100% มีทั้งหมด 4 สไตล์; ส่วนประกอบพื้นฐาน 9 ชิ้น ที่สามารถแยกกันได้ ทนทาน 100% โดยมีการเปิดตัวนับตั้งแต่ซีรีส์ 14 ในปี 2007 มีการเปิดตัว BE@RBRICK ประเภทใหม่ ที่เรียกว่า BB BEAR@RBRICK และเปิดตัวของเล่นสำหรับเด็ก ในปี 2008 ที่ชิ้นส่วนแต่ละอันไม่สามารถแยกจากกันได้
BE@RBRICK เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อมีการจับมือกับศิลปินร่วมสมัย และดีไซเนอร์จากทั้งเอเชีย, ออสเตรเลีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ
หนึ่งในกุญแจความสำเร็จของ BE@RBRICK คือ สามารถทำงานร่วมกับแบรนด์ หรือศิลปินใดก็ได้ เช่น Nike, KAWS, BAP เป็นต้น และไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นของเล่นที่มีการวางจำหน่ายอย่างจำกัด ผลที่ตามมาคือ BE@RBRICK กลายเป็นของเล่นญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และเข้าสู่วงการของวัฒนธรรมแฟชั่นและแนวสตรีทไปแล้ว
...
สำหรับ BE@RBRICK ที่แพงที่สุด คือ Qiu Tu 1,000% BE@RBRICK (2008) สร้างสรรค์โดยศิลปินร่วมสมัยชาวจีน ยูเอะ มินจุน (Yue Minjun) ราคาประมูล (ขายทอดตลาด) สูงถึง 157,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.7 ล้านบาท (*เทียบอัตราแลกเปลี่ยน ณ 18 ม.ค. 64 : 30.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)
โควิดระบาด ดันราคา BE@RBRICK พุ่งขึ้น 2-10 เท่า
จากความคูล ของ “หมี แบร์บริค” ที่ทั่วโลกคลั่งไคล้กัน ก็เป็นเรื่องไม่แปลกที่คนไทยจะหลงรักมันด้วย ซึ่งเวลานี้ก็กลายเป็นของเล่นที่เหล่าดารา คนดัง หรือคนในวงการไฮโซ จะนิยมชมชอบมันด้วย
คุณโต้ง หรือ นายตระกูล หิรัญประทีป เจ้าของร้าน Bearbrick Thailand Shop บอกกับผู้เขียนว่า เริ่มต้นจากการชื่นชอบส่วนตัวและเก็บสะสม ได้เห็นแล้วนำมาวางรวมกันแล้วมันดูสวย โดยเฉพาะตัวที่ถูกออกแบบในแนว collab กับแบรนด์ที่เราชอบ ซึ่งจำได้เลยว่าซื้อมาครั้งแรกในราคา 12,000 บาท รุ่น รีลัคคุมะ
ตอนนี้ตลาดแบร์บริคมีมูลค่าสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะคนนิยมนำมาแต่งบ้านเหมือนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน แต่ราคามันจะไม่เสื่อมลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น บางคนที่มาซื้อเพื่อแต่งบ้าน เขาไม่รู้จักแบร์บริคแม้แต่น้อย แต่เขาก็ให้เราเลือกให้
จากประสบการณ์การขาย ตัวที่นิยมในเวลานี้จะเป็นแนวการ์ตูน เช่น FANTASIA MICKEY ซึ่งราคาของ แบร์บริค ขึ้นอยู่กับความหายากของสินค้า เพราะวิธีการซื้อขาย จะต้องพรีออเดอร์ก่อน ซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่หลักหมื่นกว่าบาท ในไซส์ 1000% พูดง่ายๆ เลยคือ ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการของคน ของที่คนต้องการมากก็จะราคาสูง
นอกจากนี้ยังมีบางรุ่นที่ต้องใช้สิทธิ์ในการ “จับฉลาก” เพื่อสั่งซื้อ หรือต้องใช้สัญชาติญี่ปุ่นเท่านั้น ถึงจะซื้อได้ แบบนี้จะราคาแพงมาก เพราะเราต้องไปซื้อต่อจากคนญี่ปุ่นอีกที
สำหรับเทรนด์หมีแบร์บริคทั่วโลก จะเล่นกันในแนวคาแรกเตอร์การ์ตูน และตัวที่ออกแบบโดยศิลปินระดับโลก ในขณะที่คนไทยจะชอบแนวคาแรกเตอร์การ์ตูนมากกว่า เช่น การ์ตูนของดิสนีย์ นอกจากนี้ยังมีแบบลายไทย ขนาดดาราดังๆ อย่าง “ชมพู่ อารยา” ก็มี
สาเหตุที่เป็นที่นิยมในหมู่ดารา ส่วนตัวคุณโต้งมองว่า เป็นเพราะเหล่าดาราอาจจะมีไว้อวดกันเอง แต่เมื่อเอามาวางเรียงๆ มันก็ดูเท่ดี ของแบบนี้ก็เหมือนการสะสมของอื่นๆ เช่น รองเท้าสนีกเกอร์ เป็นต้น
สำหรับตัวแพงที่สุด ที่เคยขายผ่านทางร้านคือ รุ่นชาแนล ซึ่งซื้อไปตัวละ 7 แสนบาท ในความสูง 1000% โดยขายไปเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ตอนนี้เชื่อว่าน่าจะราคา 1 ล้านบาท
“ตอนนี้ราคาแบร์บริคในประเทศไทยสูงขึ้นกว่าเดิมมาก หากเทียบราคาก่อนโควิด-19 ระบาด เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุคาดว่าเพราะคนไม่ได้ไปเที่ยวไหน อยู่บ้านมากขึ้น ก็ไม่รู้จะใช้เงินทำอะไร ก็เลยมาหาซื้อแบร์บริคไปสะสม แต่งบ้าน ทำให้ของราคาดีดขึ้น 2-10 เท่า ยกตัวอย่าง BE@RBRICK รุ่น X-girl 1000% ก่อนโควิดระบาดตอนแรกขายที่ 35,000 บาท ส่วนราคาเวลานี้คือมากกว่า 2 แสนบาท เรียกว่าขึ้นเกือบ 10 เท่าตัว แต่ราคาไม่ได้เพิ่มขึ้นทุกตัว จะเพิ่มขึ้นเฉพาะบางตัวเท่านั้น”
ราคาของ แบร์บริค จะอยู่ที่ขนาด และความนิยม ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท แต่ถ้านิยมมากๆ ก็ขึ้นหลักแสนหลักล้านบาท.
ผู้เขียน : อาสาม
กราฟิก : เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์
ที่มารูป : http://www.bearbrick.com , Bearbrick Thailand Shop และ กองปราบปราม
อ่านข่าวที่น่าสนใจ