- ไทยถูกจับตามองร่วม 9 ชาติเอเชีย ที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ มองว่าอาจมีพฤติการณ์ "บิดเบือนค่าเงิน"
- นับตั้งแต่ 20 ก.ค. 2563 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่า 6% และเมื่อ 17 ธ.ค. 2563 ร่วงลงต่ำกว่า 30 บาทเป็นครั้งแรกในปีนี้
- นักวิเคราะห์มองนี่เป็นการทิ้งทวนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันเข้าสู่ "สงครามค่าเงิน" ในอนาคต
เกิดเสียงเซ็งแซ่ทั่วโลกโซเชียล เมื่อสหรัฐอเมริกาแปะป้ายไทยเป็นหนึ่งในรายชื่อกลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองว่าอาจมีพฤติการณ์ "บิดเบือนค่าเงิน" อย่างน่าสงสัย...
แน่นอนว่า จำเลยของเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น "รัฐบาล" อีกนั่นแหละ ว่า "ไปทำอีท่าไหนถึงโดนแบบนี้!?"
TO BE FAIR…
ไทยโดนข้อหาแนวๆ นี้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้เพิ่งโดนครั้งแรก... ซึ่งทุกครั้งเราก็ยืนยันมาตลอดว่า ไม่เคยเลย ไทยไม่เคย "บิดเบือนค่าเงิน" อย่างที่กล่าวหากัน และในช่วง 2-3 ปีนี้ เราก็รอดจากการถูกขึ้น "บัญชีดำ" มาตลอด
ในครั้งนี้...โอเคว่า ไทยรอดจาก "บัญชีดำ" เหมือนเช่นเคย แต่การมีชื่ออยู่ในกลุ่มต้อง "จับตามอง" ก็น่าหวาดหวั่นอยู่เหมือนกัน เพราะเกณฑ์ 3 ข้อที่สหรัฐอเมริกาใช้ตัดสิน เราเองก็เกินมาแล้ว 1 ข้อ อีก 2 ก็น่าระแวงอยู่!!
ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราต้องมาย้อนดูกันอีกครั้งว่า เกณฑ์ 3 ข้อนั้น เราเกินอะไรไปบ้าง?
...
ย้อนกลับวันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม 2563 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองว่าอาจเข้าข่าย "บิดเบือนค่าเงิน" (Currency Manipulator) ซึ่งในบรรดารายชื่อที่ว่านั้นส่วนใหญ่เป็น "ชาติเอเชีย" และไทยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น!!
และในวันเดียวกัน "เงินบาท" ก็แข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ 29.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการร่วงลงต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งหากนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมากกว่า 6%
การที่ "เงินบาทแข็ง" ย่อมสร้างความกังวลให้กับ "ผู้ส่งออกไทย" ไม่น้อย ไหนจะความต้องการซื้อชะลอตัวจากวิกฤติโควิด-19 แล้วเงินบาทยังแข็งค่าอีก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ในภูมิภาคอย่าง "จีนและเวียดนาม" ก็ทำเอาปาดเหงื่อเลยทีเดียว
แต่ช้าก่อน!! อย่าเพิ่งคิดว่าเขาจะรอดจากการถูกจับตามอง "บิดเบือนค่าเงิน" เหมือนที่เราโดน โดยเฉพาะประเทศหลัง "เวียดนาม" นี่หนักกว่าเราซะอีก...
เพราะกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เขายิงปืนขู่ข้ามทวีปมาเลยว่า เวียดนามเนี่ยส่อ "บิดเบือนค่าเงิน" แน่ๆ แล้ว โดยอ้างเหตุผลและหลักฐานสนับสนุนต่างๆ ที่มีในมือ จากการเป็นที่สังเกตว่า ช่วงที่สหรัฐอเมริกากำลังฟาดฟันกับจีนใน "สงครามการค้า" นั้น เวียดนามนี้แหละเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากกว่าใครๆ หรือจะบอกว่าเป็น "ผู้ชนะ" ก็ย่อมได้
ฉะนั้นแล้ว ผู้เขียนขออนุญาตแวะพัก "เวียดนาม" สักครู่ ดูผลงานเขาหน่อยว่าทำไมถึงโดนสหรัฐอเมริกาเล่นงานเอาได้
"เวียดนาม" โดดเด่นเกิน ก็ถูกเพ่งเล็ง!!
จริงๆ แล้วเคยเอ่ยถึง "เวียดนาม" ไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม เมื่อข้อหาตามมา...เพราะส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกามากกว่านำเข้า โดยตัวแปรสำคัญ คือ "ค่าเงิน" ซึ่งนี่ต่างจากไทยนะ เพราะเขานั้น "ค่าเงินอ่อน" พออ่อนก็ทำให้ชาวอเมริกันสั่งของไปได้เยอะ...ปัญหาเลยบังเกิด!!
เพียงแค่ 7 เดือนแรกของปี 2563 เวียดนามก็เกินดุลการค้าสหรัฐอเมริกามากเป็นอันดับ 4 มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ขนาดที่ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมอำลาเก้าอี้ ถึงกับลั่นวาจา "นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าจีนซะอีก!!"
โดยเมื่อเดือนตุลาคม กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เปิดดำเนินการไต่สวนการบิดเบือนค่าเงิน มาตรา 301 กับเวียดนาม ก่อนที่จะมีการชี้ว่า เวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์ "บิดเบือนค่าเงิน"
ในขณะที่ "จีน" เองก็ยังคงรักษาสถานะอย่างเหนียวแน่น ในการถูกจับตามองว่าอาจเข้าข่าย "บิดเบือนค่าเงิน" พร้อมๆ กับไทย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และมาเลเซีย
คำถาม คือ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการตัดสินประเทศอื่นๆ ว่า "บิดเบือนค่าเงิน" หรือเป็นการกล่าวหาลอยๆ?
...
เกณฑ์ในการตัดสินมีด้วยกัน 3 ข้อ ประกอบด้วย
1. เกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 597,000 ล้านบาท
2. เกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
และ 3. การแทรกแซงค่าเงินและแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือซื้อดอลลาร์สหรัฐ มากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ซึ่งหากพิจารณาตามเกณฑ์ที่ว่านี้ ไม่ว่ายังไง...ไทยก็หนีไม่พ้นการถูกจับตามอง เพราะเท่าที่ดูตัวเลขแล้ว เราก็เกินไปถึง 2 ข้อ!!
ที่ว่าเกินนั้น เกินแค่ไหน?
เช็กลิสต์ 3 เกณฑ์ตัดสิน สหรัฐฯ เล็งเป้าไทย
ข้อแรก: ห้ามเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (596,000 ล้านบาท)
พบว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาไปแล้วกว่า 21,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 647,000 ล้านบาท
ส่วนเวียดนาม: ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท
...
ข้อสอง: ห้ามเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของ GDP
คาดว่า ไทยน่าจะมากกว่า 2% ของ GDP ไปแล้วในปีนี้ โดยปี 2562 อยู่ที่ 7% ของ GDP
ส่วนเวียดนาม: เกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่าที่กำหนด อยู่ที่ 4% ของ GDP
และข้อสาม: ห้ามแทรกแซงค่าเงินและเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐมากกว่า 2% ของ GDP
ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดว่า การเข้าซื้อสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 รวมทั้งหมดอยู่ที่ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 298,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของ GDP ซึ่งถือว่ายังอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนด
ส่วนเวียดนาม: เข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ สะสมเท่ากับ 3% ของ GDP
แต่ถามว่า เมื่อประเมินออกมาแบบนี้ ควรวางใจไหม?
ในภาพรวมก็คงไม่ได้น่าห่วงมากนัก แต่ก็อาจทำให้ผู้ออกนโยบายอาจต้องลังเลกันนิดนึงหากจะทำการแทรกแซงค่าเงิน
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการแนะนำจากบรรดานักวิเคราะห์เวียดนามว่า กรณีลักษณะนี้ เราอาจทำการโต้แย้งได้ ว่าการเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐในปริมาณมากก็เป็นเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเงิน และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในสมัยประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจเห็นพ้องด้วยอย่างยิ่งว่าควรยกเลิกข้อกล่าวหา
...
ขณะที่ อีกมุมมองหนึ่งของนักวิเคราะห์มองว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสที่จะลดลงอีกครั้ง เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก และเชื่อว่า ธนาคารกลาง (เฟด) อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปี 2564
แต่จากการออกมาตั้งข้อหาในครั้งนี้ของสหรัฐอเมริกา หลายคนก็ปักธงเชื่อว่าเป็นนโยบายทิ้งทวนของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อยากยิงขู่ชาติเอเชียว่า จาก "สงครามการค้า" อาจเข้าสู่ "สงครามค่าเงิน" ได้ในอนาคต เพราะหากเทียบกับค่าเงินชาติอื่นๆ ในเอเชียแล้ว ดอลลาร์สหรัฐถือว่าตกต่ำเลยทีเดียว
ปิดท้ายสำหรับเศรษฐกิจไทย...
ก็คาดการณ์ว่า ปี 2563 นี้ GDP จะหดตัวอย่างน้อย 7.7% เพราะจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่มองไม่เห็นแววเลยว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนถึง 12% ของ GDP จะกลับมาตอนไหน การลงทุนภาคเอกชนก็ลดลงถึง 8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ถึงจะยังไม่ปักใจเชื่อว่า ปีนี้...ไทยจะไม่แย่ที่สุดในอาเซียน แต่ก็พอเชื่อมั่นได้ว่า ปี 2564 ไทยจะกลับมาดีแน่นอน!!
ผู้เขียน: เหมือนพระอาทิตย์
กราฟิก: Supassara Traiyansuwan
ข่าวน่าสนใจ:
- เมื่อ "เวียดนาม" ผู้ชนะสงครามการค้า ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกสหรัฐฯ ตั้งข้อหา
- ข้อหาแรง "จีนบิดเบือนค่าเงินหยวน" เจาะลึกศึกใหม่ "สงครามค่าเงิน" ไทยเจอหางเลข
- "หยวนดิจิทัล" GAME CHANGER ท้าชนยักษ์ใหญ่ ลดอำนาจผูกขาด "ดอลลาร์"
- PM 2.5 เหตุผลที่ต้องเร่งแก้ ยิ่งกว่าโรคร้าย คือ "ต้นทุนค่าเสียโอกาส
- ไทยดูไว้! เกาหลีใต้การ์ดตก โควิดทุบเศรษฐกิจ ตกงานเป็นประวัติการณ์ 4.2 แสน