เรียกว่าเป็นคดีสยองขวัญที่สุดคดีหนึ่งในปี 2555 สำหรับคดีฆ่าหั่นศพสามีตัวเอง ของสาวคลั่งคนหนึ่ง แต่หลังจากคดีความจบไปแล้วหลายปี กลับมีเรื่องเล่าสุดหลอนกลับมาอีกครั้งในปี 2561

3 นาทีคดีดัง โดยทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอพาย้อนรอยคดีความสุดสยองกับเรื่องราวชวนขนหัวลุก โดยคดีนี้ เริ่มต้นที่ห้อง 714 อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในย่านบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. ซึ่งเป็นที่อยู่ของสามีภรรยาคู่หนึ่ง โดยวันหนึ่งภรรยาได้มาแจ้งกับอพาร์ตเมนต์ว่าจะขอย้ายออกจากห้อง และขอให้ รปภ.มาช่วยขนกระเป๋า

แต่..ระหว่างที่ รปภ.ขนกระเป๋าลงลิฟต์มาจอดที่ชั้น 2 ก็รู้สึกถึงความไม่ปกติ เมื่อลิฟต์มาจอดที่ชั้น 2 รปภ.จึงตัดสินใจแง้มกระเป๋าดู..สิ่งที่เห็นทำให้ตกใจและผงะ เพราะภายในบรรจุร่างมนุษย์ห่อด้วยผ้าห่มสีชมพูลายการ์ตูน ไม่มีศีรษะ ด้วยเหตุนี้จึงรีบแจ้งความให้ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งก็เป็นดั่งที่ รปภ.บอก

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ระบุว่า แขนทั้ง 2 ข้างถูกพับเข้าหากัน มัดด้วยเชือกฟาง ข้อมือทั้งสองข้าง และข้อเท้าขวาถูกตัดขาด ลำตัวถูกฟันเป็นแผลเหวอะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุพักกับสามีมา 9 ปีแล้ว ฝ่ายชายเป็นดีไซเนอร์ ส่วนผู้หญิงเป็นแม่บ้าน มักจะฝากให้คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างซื้อเครื่องดื่มเป็นประจำ 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายชายได้ป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน เพื่อนข้างห้องมักจะได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันเป็นประจำ

...

กระทั่งวันเกิดเหตุ สาวใหญ่ที่ก่อเหตุได้มาแจ้งกับอพาร์ตเมนต์ว่าจะขอย้ายออก โดยเธอแต่งหน้าทาปากสีแดงเข้ม ใส่สร้อยมุกเต็มคอ ติดดอกไม้พลาสติกช่อใหญ่สีแดงบนศีรษะ เดินถือถุงพลาสติกรูปการ์ตูนสีขาวลงไปที่ชั้น 1 และยังมีคนเห็นว่าสาวผู้ก่อเหตุโยนถุงลงไปในคลองบางกอกน้อยที่อยู่ติดกับอพาร์ตเมนต์

ต่อมา ตำรวจขึ้นไปตรวจสอบห้องพักของผู้ก่อเหตุ ตำรวจเรียกให้ผู้ก่อเหตุมาเปิดประตู ซึ่งเธอก็มาเปิด..ภาพที่เห็นภายในห้อง คือ ที่ผนังห้องพบคราบเลือดเป็นทางยาว มีหยดเลือดกระจายอยู่ที่พื้นและเตียงนอน นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติด

สอบปากคำสาวผู้ก่อเหตุอ้างว่า ตัวเองเป็นร่างทรงเทพอานนท์ ส่วนสามีที่เสียชีวิต ป่วยเป็นอัมพาต เป็นปิศาจไม่ใช่มนุษย์ อยู่ร่วมกันไม่ได้ ต้องกำจัดให้สิ้นซาก แต่เมื่อถามว่าเสพยาเสพติดหรือไม่ สาวใหญ่ร่างทรงยอมรับว่าเสพ..

อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้แบ่งทีมอีกชุดไปค้นหาถุงที่คลอง ก็พบศีรษะสามีผู้ก่อเหตุ มีร่องรอยถูกฟันเป็นแผลหลายแห่ง

ตำรวจที่สอบสวน กล่าวว่า ลักษณะผู้ก่อเหตุเหมือนคนเสียสติ พร่ำเพ้อถึงเทพเจ้าต่างๆ จึงต้องรอให้สงบสติอารมณ์ กระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย

คดีนี้เงียบหาย จนกระทั่งเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2561 กับเรื่องเล่าสุดหลอนของบรรดาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ สน.บางขุนนนท์ ทำให้ตำรวจหลายคน หรือแม้แต่ผู้ต้องขังหวาดผวา

เหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้นหลายครั้ง อาทิ ระหว่างนั่งดูทีวีเก่าเครื่องหนึ่งที่ไม่มีรีโมต อยู่ๆ ทีวีก็เปลี่ยนช่องเอง..เหมือนมีคนไปกด ระหว่างกำลังตรวจตราตามปกติ มีความรู้สึกว่ามีคนเดินตาม ทำให้ขนลุก หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงคนลากกระเป๋า พอเหลือบมองกระเป๋าใบนั้น ก็เห็นล้อหมุนหลายรอบ โดยที่กระเป๋าไม่ขยับ

ตำรวจเปิดเผยว่า คดีนี้ศาลได้สั่งจำคุกผู้ก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกปล่อยตัวคืนสู่สังคม แต่..ของกลางยังถูกเก็บอยู่ที่ชั้น 4 ของโรงพัก ซึ่งตามปกติแล้ว เมื่อคดีสิ้นสุดแล้วก็จะนำไปทำลาย แต่คาดว่าสาเหตุที่ยังถูกเก็บอยู่ เพราะอาจจะหลงลืม ซึ่งต่อมาจึงได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีทางศาสนา และได้ทำลายกระเป๋าใบดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถือเป็นการปิดตำนานเรื่องเล่าสุดหลอนของโรงพักบางขุนนนท์..

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

 

ชม 3 นาทีคดีดังที่น่าสนใจ 

...