ถือเป็นคดีที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีก เมื่อสาวมีอาการป่วยทางจิต “จิตรลดา” ที่เคยก่อเหตุแทงเด็กนักเรียนโรงเรียนชื่อดัง ได้รับบาดเจ็บ 4 คน กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง ด้วยการทำร้ายเด็กวัย 5 ขวบ จนเสียชีวิต หลังจากผ่านมา 15 ปี

3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอพาทุกท่านย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญกลางกรุงเทพฯ เมื่อปี 2548 โดยเหตุการณ์เริ่มต้นขึ้น..เมื่อตั้งแต่เวลาช่วง 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ 9 กันยายน 2548

จากวันแสนธรรมดา กลายเป็นวันที่สับสนอลหม่าน จากเสียงร้องโหวกเหวก แต่ทุกอย่างก็เงียบลง..เพราะทุกคนล้วนต้องเอาตัวรอด หาที่หลบภัย หญิงวิกลจริตสวมรอยเป็นผู้ปกครอง เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ของตึกเรียน จากนั้นได้ก่อเหตุใช้มีดที่เตรียมมาไล่แทงเด็กนักเรียนอย่างบ้าคลั่ง


โดยผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย เด็กนักเรียนชั้น ป.6 วัย 12 ปี หนึ่งคน และอีก 3 คน เป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.2 หลังจากก่อเหตุ เธอก็เดินออกไปจากโรงเรียนหน้าตาเฉย จากนั้นได้นั่งวินมอเตอร์ไซค์ ไปลงย่านสะพานเหลือง พร้อมกับทิ้งมีดที่ก่อเหตุไว้ในถังขยะข้างทาง

หลังจากนั้น 1 วัน ก็มีพลเมืองดี แจ้งตำรวจพบ “หญิงผู้ต้องสงสัย” นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านจตุจักร เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบ พบว่า เป็นคนร้ายจริงๆ เธอคือ “จิตรลดา” เธอยอมรับกับพนักงานสอบสวนว่าที่ทำไปเพราะ “ได้ยินเสียงสวรรค์ สั่งให้ทำ..”

...

จากการตรวจเช็กอาการเบื้องต้น พบว่า “มือมีดสาว” มีอาการป่วยทางจิต ประเภท “หวาดระแวง” ตำรวจจึงตั้งข้อหาไว้ 3 ข้อหาประกอบด้วย

1.พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ทำร้ายร่างกาย และ 3.พกพาอาวุธมีดเข้าไปในที่สาธารณะ ต่อมา นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ (ขณะนั้น) ได้แถลงข่าว ยืนยันว่า เธอป่วยจิตเภท "โรคซิฮิโซฟิเนีย" (Schizophrenia) ชนิดพารานอยด์ หรือที่เรียกภาษาทั่วไปว่า "โรคหวาดระแวง”

“จะมีความรับผิดชอบเหมือนคนทั่วไป แต่ความคิดการกระทำจะสับสน ไม่ทราบว่าจะทำเพื่ออะไร รวมทั้งมีอาการหวาดระแวง จะได้ยินเสียงพูดหลอน หรือสั่งให้ทำอะไร”

13 กันยายน 2548 พนักงานสอบสวน นำตัว “จิตรลดา” ไปส่งรักษาอาการป่วย สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ สิ่งที่ตำรวจทำในเวลานั้น คือ หาคำตอบว่า “จิตรลดา” รับรู้กับการกระทำของตนเองหรือไม่ แต่หากแพทย์ยืนยันว่า “รู้ตัว” ก็จะส่งฟ้องดำเนินคดี..

ในปี 2549 คดีนี้ถึงมือในชั้นอัยการและอัยการ ได้ยื่นฟ้อง ต่อศาลกรุงเทพใต้ ในฐานความผิดพยายามฆ่าและพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ศาลประทับรับฟ้อง แต่เนื่องจากเห็นว่าจำเลยยังมีอาการจิตกังวล ดังนั้นจึงออกหมายขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง แต่ให้ส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์พร้อมให้แพทย์ส่งรายงานการตรวจรักษามาให้ศาลพิจารณาด้วย

20 พ.ย. 2551 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก “จิตรลดา” 8 ปี จำเลยสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 4 ปี ทั้งนี้ ศาลไม่เชื่อว่าป่วยทางจิต เนื่องจากมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนก่อนก่อเหตุ หลังพ้นโทษให้ส่งตัวไปคุมตัวรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จนกว่าจำเลยจะอยู่ร่วมในสังคมได้โดยไม่เป็นอันตราย...

แต่เหตุการณ์ร้าย ยังไม่จบลงเท่านั้น 29 มีนาคม 2563 “จิตรลดา” ในวัย 51 ปี ก็ก่อเหตุสลดอีกครั้ง คราวนี้ คนที่รับเคราะห์ก็ยังคงเป็นเด็ก โดยเธอได้พกมีดปอกผลไม้มาร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังจากนั้น เธอได้สั่งข้าว 6 กล่อง แล้วเดินเข้าไปในร้าน ภายในร้านซึ่งไม่มีใครนั่งรับประทานอาหาร เพราะเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด จึงมีเพียง “จิตรลดา” และหลานของเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง อีก 2 คน คือเด็ก วัย 5 และ 6 ขวบ กำลังนอนหลับที่แคร่ไม้ จากนั้นไม่กี่อึดใจ ได้ยินเสียงหลานเด็กวัย 5 ขวบ ร้องขึ้น ย่าจึงหันมาบอกให้เด็กไปนอน

แต่ “ย่า” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเอะใจ จึงกลับเข้ามา เห็นหลานถูกแทง ที่บริเวณท้อง และเห็น “จิตรลดา” วิ่งหนีออกไป กระทั่งเด็กหญิงวัย 5 ขวบ เสียชีวิต ก่อนจะถึงวันเกิดเพียงวันเดียว ต่อมา ญาติของ “จิตรลดา” ได้เดินทางเข้าพบตำรวจ และยินดีจะเยียวยากับครอบครัวผู้เสียชีวิต

...

ส่วนเรื่องคดีความล่าสุด ตำรวจ สภ.นครชัยศรี ได้เปิดเผยว่า “จิตรลดา” ยังอยู่ในความดูแลของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ คงต้องให้แพทย์ประเมินสภาวะทางจิตให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอน “ยังไม่อยู่ในสภาวะสามารถต่อสู้คดีได้”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ชมสกู๊ป 3 นาทีคดีดัง