ในระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2018 จู่ๆ "แชดวิก โบสแมน" (Chadwick Boseman) เจ้าของหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก "กษัตริย์ที-ชาลา" (T'Challa) หรือ "แบล็คแพนเธอร์" แห่งจักรวาล Marvel ต้องหยุดการให้สัมภาษณ์ลงชั่วคราวและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบใบหน้าแทนความรู้สึกของตัวเอง ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่อยู่รายล้อม
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาเอ่ยถึง "หนูน้อย 2 คน" ที่ไม่สามารถรั้งชีวิตของตัวเองให้ถึงวันที่ภาพยนตร์ที่พวกเขาทั้งคู่รอคอยอย่าง "Black Panther" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่หนูน้อยระบุว่ามันคือ "ภาพยนตร์ที่เป็นตัวแทนของคนผิวสี" ออกฉายในโรงภาพยนตร์ได้
โดยหนูน้อยเจ้าของเรื่องเศร้านี้คือคนที่ "แชดวิก โบสแมน" ได้ไปพบเพื่อให้กำลังใจก่อนฉากสุดท้ายของชีวิต และได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ หลังจากป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กัดกินพลังชีวิตของพวกเขามาอย่างยาวนาน
ทุกคน ณ ที่นั้น คิดว่า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของพระเอกชื่อดังเกิดจากความเศร้าโศกในความสูญเสีย แต่ไม่มีใครสักคนเดียวนึกเฉลียวใจเลยว่า สาเหตุลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้คราบน้ำตานั้น มันเชื่อมโยงถึงอะไรบางอย่างภายในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ "กษัตริย์แห่งวากันดา"
ใช่แล้ว!...แทบไม่มีใครรู้เลยว่า "แชดวิก โบสแมน" ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้มานานถึง 4 ปี และในระหว่างที่กำลังรักษาตัวเองอยู่นั้น ชายผู้นี้เก็บงำความลับเรื่องอาการป่วยของตัวเองอย่างมิดชิดมาโดยตลอดในระหว่างที่รับบท "กษัตริย์ที-ชาลา" ซึ่งต้องไปปรากฏตัวในภาพยนตร์ของ Marvel อย่าง "Black Panther", "Avengers Infinity War" และ "Avengers Endgame" รวมถึงภาพยนต์ของค่ายอื่นๆ ที่เขาไปรับบทในช่วงเวลานั้น
...
ไม่มีใครสักคนเดียวที่คิดว่า Superhero วัยเพียง 43 ปี ที่กำลังเฉิดฉายในฮอลลีวูด กำลังทุกข์ทรมานจากโรคร้าย นั่นเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพอันแข็งแกร่งที่แสดงออกมานั้น มันไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกถึงความทรุดโทรมแห่งร่างกายเลยสักนิดเดียว
เรื่องนี้สามารถยืนยันได้โดย "แอดดิสัน แฮนเดอร์สัน" (Addison Henderson) เทรนเนอร์ส่วนตัวที่ "แชดวิก โบสแมน" จ้างให้มาดูแลเรื่องการดูแลร่างกายให้เหมาะสมกับความเป็น Superhero
"เราทั้งคู่แทบไม่เคยหยุดนิ่งในระหว่างการฟิตซ้อมร่างกาย เราฝึกฝนกันอย่างหนักราวกับกำลังจะไปต่อสู้เพื่อชีวิตของเราเอง"
"One day I'll live to tell the story."
อย่างไรก็ดี เมื่อร่างกายของชายผู้แข็งแกร่งเริ่มซูบผอมลงอย่างผิดปกติ จนสามารถสังเกตได้ด้วยสายตา และหนักขึ้นไปอีกเมื่อปรากฏภาพร่างกายผิดปกติที่ว่านี้แชร์ในโลกโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นไวรัล แถมยังตามมาด้วยคำพูดหยามหยันอย่างน่ารังเกียจ แต่ "แชดวิก โบสแมน" ก็ยังคงไม่ปริปากตอบโต้ หรือพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนแต่อย่างใด
โดยเหตุการณ์เดียวที่ทำให้ "แชดวิก โบสแมน" เกือบเปิดเผยความลับเรื่องความผิดปกติในร่างกายนั้น น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2017 หลังถูกนักข่าว "แมทธิวส์ เจคอป" หยอกล้อเรื่องร่างกายที่ซูบผอมลง รวมถึงมีคำถามหนึ่งที่สื่อไปในทางที่ว่า เขากำลังประสบกับเรื่องร้ายๆ อยู่ใช่หรือไม่?
ซึ่ง "แชดวิก โบสแมน" ได้หล่นประโยคที่ชวนฉงนเอาไว้ในวันนั้นว่า...
"คุณไม่มีทางรู้หรอก... แต่สักวันหนึ่ง ผมจะมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าเรื่องนี้"
แต่แล้ว...ก็อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดี ชายผู้แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยน้ำใจคนนี้ ไม่อาจเป็นผู้บอกเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากปาก เพื่อแก้คำหยาบช้า ความโป้ปดมดเท็จ และข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง ซึ่งถาโถมใส่เขาเต็มโลกโซเชียลมีเดียอีกต่อไปแล้ว...
แล้วเพราะอะไร "แชดวิก โบสแมน" จึงสามารถเก็บงำอาการป่วยหนักของเขา จากทั้งสาธารณชน หรือแม้กระทั่งสตูดิโอ Marvel ได้ขนาดนี้?
"ชอยเลอร์ มัวร์" (Schuyler Moore) นักกฎหมายของบริษัท Greenberg Glusker และผู้คร่ำหวอดในวงการฮอลลีวูด ให้ความเห็นในประเด็นนี้กับ The Hollywood Reporter ไว้อย่างน่าสนใจว่า เหล่าสตูดิโอยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวูดมักจะไม่นิยมทำสัญญา Completion Bonds (นักแสดงจะต้องเล่นหนังจนจบเรื่อง) กับนักแสดงที่ยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก ในขณะที่ นักแสดงระดับ A-list จะแตกต่างออกไป สตูดิโอบิ๊กๆ เหล่านั้นจะให้การประคบประหงมเป็นอย่างดี รวมถึงอาจถึงขั้นลงทุนทำประกันชีวิตให้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียพลังแม่เหล็กเหล่านั้นไปจากอาการป่วยหรือเสียชีวิต
...
ฉะนั้น กรณี "แชดวิก โบสแมน" ตอนที่ยังไม่ได้เล่น Black Panther ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่ "สตูดิโอ" ยังไม่ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดนัก รวมถึงไม่มีการพาไปตรวจร่างกายก่อนทำสัญญา ซึ่งจะนำไปสู่การทำประกันชีวิตและการดูแลสุขภาพอื่นๆ เพื่อรอดูว่า เขาจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดกับบทบาท "กษัตริย์ที-ชาลา"
: ก้าวต่อไปของ Black Panther 2
แต่คำถามที่ตามมาดังๆ หลังการเสียชีวิตของ "แชดวิก โบสแมน" คือ Marvel จะทำอย่างไรกับภาพยนตร์ที่ทำเงินถล่มทลายเมื่อปี 2018 อย่าง "Black Panther" ในเมื่อพวกเขาขาดนักแสดงที่ผู้คนลุ่มหลงอย่าง "แชดวิก โบสแมน" ไปแล้ว
โปรเจกต์ Black Panther ภาค 2 จะยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่? รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อการสร้างจิ๊กซอว์ต่อๆ ไปของ Marvel Cinematic Universe หรือไม่?
ประเด็นเหล่านี้ คือ คำถามที่สาวกกำลังรอคำตอบที่ชัดเจนจาก Marvel อย่างใจจดใจจ่อ
การเลือกนักแสดงคนใหม่มารับบท "กษัตริย์ที-ชาลา" แทนที่ "แชดวิก โบสแมน"?
...
ประเด็นนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก หากพิจารณาจากสิ่งที่ "เควิน ไฟกี" (Kevin Feige) ประธาน Marvel Studios และผู้ขับเคลื่อน Marvel Cinematic Universe ตัวจริง กล่าวหลังการเสียชีวิตของ "แชดวิก โบสแมน" เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2020
"แชดวิก โบสแมน คือ กษัตริย์ที-ชาลา และ Black Panther ของเรา และเขาคือเพื่อนรักของเราด้วยเช่นกัน ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวด้วยบาทบาทนี้บนจอภาพยนตร์ เขาเปล่งประกายและสร้างความสุขให้กับทุกคน รวมถึงเขายังสามารถสร้างสิ่งที่ไม่มีวันถูกลบเลือนไปได้"
นอกจากนี้ แม้การใช้นักแสดงคนใหม่มาสวมบท Superhero ในโลกภาพยนตร์ ไม่ถือเป็นเรื่องใหม่หรือเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสูญเสียนักแสดงนำอย่างกะทันหันเช่นนี้ เพราะ Marvel เองก็ทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงมากฝีมืออย่าง "เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน" (Edward Norton) ซึ่งเคยถูกแทนที่บทมนุษย์ยักษ์เขียวจอมพลังด้วย "มาร์ค รัฟฟาโล" (Mark Ruffalo) มาแล้ว หลังเปิดหน้าก่อกบฏกับขนบ All-for-one ของ Marvel ด้วยการพยายามเข้าไปยุ่งย่ามกับบทภาพยนตร์ Hulk
หรืออย่างกรณี "เทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด" (Terrence Howard) ซึ่งถูกแทนที่บท War Machine ด้วย "ดอน ชีเดล" (Don Cheadle) หลังเปิดศึกพิพาทเรื่องสัญญากับ Marvel หรือหากเอาเมื่อเร็วๆ นี้ ตัวละคร "ธานอส" ที่แต่เดิมเป็น "เดมิออน พอยเทียร์" (Damion Poitier) ก็ยังถูกแทนที่ด้วย "จอช โบรลิน" (Josh Brolin) ได้เช่นกัน
หากแต่...กับนักแสดงที่สามารถสวมบทบาทนั้นได้อย่างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อย่างสมบูรณ์แบบในกรณีของ "แชดวิก โบสแมน" น่าจะเป็นเรื่องที่ทำเช่นนั้นได้ยาก เพราะทั้งจากการแสดงออกในโลกโซเชียลมีเดีย และรายงานล่าสุดของ Entertainment Weekly ซึ่งออกสุ่มถามความเห็นบรรดาสาวกเดนตายของ Marvel ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะเอาใครคนไหนก็ตามมาแทนที่ "แชดวิก โบสแมน" ในบท "กษัตริย์ที-ชาลา" โดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
...
: สถานการณ์ล่าสุดของ Black Panther 2
โปรเจกต์ Black Panther 2 แต่เดิมถูกบรรจุเอาไว้ในเฟส 5 ตามแผนการของ Marvel ซึ่งเบื้องต้นถูกคาดการณ์เอาไว้ว่า น่าจะออกฉายตามโรงภาพยนตร์ได้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 หลังจากภาคแรกสามารถทำเงินเฉพาะในสหรัฐอเมริกาได้ถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ทั่วโลกกวาดรายได้ถล่มทลายถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะสามารถเปิดกล้อง หรือกำหนดตารางการถ่ายทำได้เมื่อไร?
ข่าวล่าสุด ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียนั้น ได้รับการยืนยันเพียงว่า "ไรอัน คูเกลอร์" (Ryan Coogler) ผู้กำกับและผู้ร่วมเขียนบทใน Black Panther ภาคแรก จะหวนกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง
ส่วนนักแสดงหลักคนอื่นๆ ที่ชัดเจนแล้วว่าจะกลับมารับบทเดิมในภาคต่อนี้ ประกอบด้วย "มาร์ติน ฟรีแมน" (Martin Freeman) รับบทสายลับ CIA (Everett Ross), "ดาไน กูริรา" (Danai Gurira) เจ้าของใบหน้าเย้ยหยันอันน่าจดจำในภาพยนตร์ Avengers: Infinity War จะกลับไปรับบท "โอโคเย" (Okoye) หัวหน้าหน่วย Dora Milaje กองกำลังหน่วย Special forces พิทักษ์วากันดาเช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีข่าวลือ ออกมาอย่างต่อเนื่องว่า "ไมเคิล บี จอร์แดน" (Michael B. Jordan) อาจจะหวนกลับมารับบทที่ส่งให้เขาสามารถแจ้งเกิดในฮอลลีวูดอย่าง "อีริค คิลมองเกอร์" (Erik Killmonger) คู่ปรับของ "กษัตริย์ที-ชาลา" อีกครั้ง
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่สู้ดีนัก สำหรับการเดินหน้าโปรเจกต์ Black Panther 2 หลังความสูญเสียออกสื่อไม่ใช่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรายงานเรื่อง Marvel อาจจะต้องชะลอโปรเจกต์ Namor the Sub-Mariner หรือ Aquaman เวอร์ชัน Mavel ซึ่งตาม Comics จะมีเนื้อหาเชื่อมโยงกับ Black Panther ออกไปก่อน
รวมถึงการที่ "ไรอัน คูเกลอร์" ดันเกิดไปมีความสนใจโปรเจกต์ Kraven the Hunter คาแรกเตอร์ที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก หากสตูดิโอ Sony ซึ่งกำลังระหองระแหงกับ Marvel กรณีลิขสิทธิ์ Spider-Man เกิดอยากจะสร้าง Superhero ยอดนายพรานเป็นฉบับภาพยนตร์ขึ้นมาจริงๆ
แต่อะไรก็คงไม่เท่ากับการที่ "เควิน ไฟกี" ยอมรับแบบอ้อมๆ กับ Entertainment Weekly ถึงการพัฒนาบทภาพยนตร์ในภาคที่ 2 ของ Black Panther ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะโฟกัสไปที่การเล่าเรื่องในภาคที่ 2 เอาไว้อย่างไร?
: แล้วทำไมจึงยังต้องมี Black Panther 2?
คำตอบง่ายๆ Black Panther ทำให้ Marvel ได้ฐานกลุ่มผู้ชมที่เป็นชาวแอฟริกันผิวสีจำนวนมาก ประการต่อมา Black Panther ที่ถูกสร้างมาเป็นภาคแยกเดี่ยวๆ ยังสามารถกอบโกยเงินได้อย่างมหาศาล และข้อสุดท้าย สถานะของ Black Panther ในปัจจุบัน ได้ถูกนำเข้าไปเป็นสมาชิกของ Avengers อย่างสมบูรณ์แล้ว ฉะนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่แปลกแน่ๆ หากจะไม่มี Black Panther ภาค 2 รวมถึงไม่มี Black Panther ไปปรากฏตัวใน Marvel Cinematic Universe อีกต่อไป
: อนาคต Black Panther 2?
ในเมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า "แชดวิก โบสแมน" จะไม่สามารถกลับมารับบท "กษัตริย์ที-ชาลา" ได้ และแฟนๆ ก็ไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะให้ใครมา แทนที่ชายผู้นี้อย่างเด็ดขาด หนทางข้างหน้าของ Marvel สำหรับการเดินหน้า Superhero ขวัญใจชาวแอฟริกันผิวสี มันควรจะไปทิศทางไหนกันได้บ้าง?
หนึ่งในวิธีที่น่าจะละมุนละม่อมกับสาวกมากที่สุดวิธีหนึ่ง คือ การส่งมอบชุดเกราะไวเบรเนียม (Vibranium) ไปให้กับคาแรกเตอร์คนอื่นๆ ในอาณาจักรวากันดา โดยเฉพาะผู้ที่มีความใกล้ชิดกับ "กษัตริย์ที-ชาลา" อย่าง "ชูริ" (Shuri) ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งรับบทโดย "เลทิเทีย ไรท์" (Letitia Wright)
แต่หาก Marvel ไม่เลือกวิธีการนี้ บางทีหนังสงครามแห่งดวงดาวในจักรวาลอันไกลโพ้นอย่าง Starwars The Rise of Skywalker อาจคือคำตอบที่ว่านั้น...
โดยหลังการสูญเสีย "แคร์รี่ ฟิชเชอร์" (Carrie Fisher) ผู้รับบท "เจ้าหญิงเลอา" ไปอย่างกะทันหันเมื่อปี 2019 ทางทีมผู้สร้างภาพยนตร์ตัดสินใจใช้ฟุตเทจที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้มาปรับใช้กับภาพยนตร์ที่ยังถ่ายไม่แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการแสดงความคารวะและให้เกียรติ "คาแรกเตอร์" ที่คนทั้งโลกอยากจะกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักที่ล้นหัวใจ
ซึ่งในกรณีของ "แชดวิก โบสแมน" ก็น่าจะทำเช่นนั้นได้เช่นกัน เพราะฟุตเทจจากภาพยนตร์ของ Marvel ที่มี "แชดวิก โบสแมน" ไปปรากฏตัวนั้นน่าจะมีอย่างล้นเหลือมากมายเพียงพอที่ Marvel จะทำในแบบที่ The Rise of Skywalker ทำได้ หากสตูดิโอ Superhero คิดอยากจะทำเช่นนั้นจริงๆ
สรุปผลงานภาพยนตร์ของ Chadwick Boseman เฉพาะที่รับบทนักแสดงนำและสมทบ
1. ปี 2013 ภาพยนตร์ 42 รายได้รวมทั่วโลก 97 ล้านเหรียญสหรัฐ
2. ปี 2014 ภาพยนตร์ Draft Day รายได้รวมทั่วโลก 29 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. ปี 2014 ภาพยนตร์ Get on up รายได้รวมทั่วโลก 33 ล้านเหรียญสหรัฐ
4. ปี 2016 ภาพยนตร์ Gods of Egypt รายได้รวมทั่วโลก 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. ปี 2016 ภาพยนตร์ Captain America Civil War รายได้รวมทั่วโลก 1,153 ล้านเหรียญสหรัฐ
6. ปี 2016 ภาพยนตร์ Message from the King รายได้รวมทั่วโลก 315,132 เหรียญสหรัฐ
7. ปี 2017 ภาพยนตร์ Marshall รายได้รวมทั่วโลก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
8. ปี 2018 ภาพยนตร์ Black Panther รายได้รวมทั่วโลก 1,347 ล้านเหรียญสหรัฐ
9. ปี 2018 ภาพยนตร์ Avengers Infinity War รายได้รวมทั่วโลก 2,048 ล้านเหรียญสหรัฐ
10. ปี 2019 ภาพยนตร์ Avengers Endgame รายได้รวมทั่วโลก 2,797 ล้านเหรียญสหรัฐ
11. ปี 2019 ภาพยนตร์ 21 Bridges รายได้รวมทั่วโลก 49 ล้านเหรียญสหรัฐ
12. ปี 2020 ภาพยนตร์ Da 5 Bloods ถ่ายทำเสร็จแล้ว กำหนดฉายเดิม 12 June 2020 แต่ถูกเลื่อนฉายจาก Covid-19 ปัจจุบัน ยังไม่มีกำหนดวันฉายอย่างเป็นทางการ
13. ปี 2020 ภาพยนตร์ Ma Rainey’s Black Bottom ถ่ายทำเสร็จแล้ว กำหนดฉายเดิม ภายในปี 2020 ปัจจุบัน ยังไม่มีกำหนดวันฉายอย่างเป็นทางการ
End credit
"แชดวิก โบสแมน" ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 39 ปี ซึ่งถือเป็นกรณีที่พบได้ยาก ตามข้อมูลพื้นฐานเดิมที่วงการแพทย์ที่โดยมากมักจะพบในผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุเฉลี่ย 66 ปีสำหรับเพศชาย และ 69 ปี สำหรับเพศหญิงมากที่สุด
โดยสมาคมโรคมะเร็งสหรัฐฯ คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า อัตราค่าเฉลี่ยผู้ป่วยโรคนี้จะอยู่ที่ 11 คนต่อจำนวนประชากร 100,000 คน ในกลุ่มอายุ 35-39 ปี ส่วนกลุ่มที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 65-69 ปี ที่จะพบสูงถึง 120 คนต่อจำนวนประชากร 100,000 คน อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ป่วยมะเร็งอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุด กลุ่มอายุต่ำกว่า 50 ปีนั้น พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึง 11% หรือเพิ่มขึ้น 2.2% ต่อปี
: มะเร็งลำไส้ใหญ่พบบ่อยแค่ไหน?
หากไม่นับมะเร็งผิวหนัง "มะเร็งลำไส้" ถือเป็นมะเร็งที่พบมากสุดอันดับ 3 ในสหรัฐฯ โดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐฯ คาดว่าปี 2020 จะพบผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ 104,610 ราย และมะเร็งไส้ตรง 43,340 ราย โดยอัตราการตรวจพบผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมีแนวโน้มลดลงในแต่ละปี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 1980 สาเหตุหลักคือ มีผู้รับการตรวจคัดกรองมากขึ้นและมีการเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค แต่แนวโน้มที่ลดลงนี้ เกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ และตั้งแต่ปี 2007-2016 พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่มีอายุ 55 ปี ขึ้นไป ลดลง 3.6% ทุกปี แต่ในทางกลับกันมีการตรวจพบผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 55 ปี เพิ่มขึ้น 2%
: ตลอดช่วงชีวิตมนุษย์จะมีกี่คนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่?
โดยภาพรวมตลอดช่วงชีวิตของผู้ชายทุกๆ 23 คน จะพบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ 1 คน (4.4%) และในผู้หญิงทุกๆ 25 คน จะพบผู้ป่วย 1 คน (4.1%)
: จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่?
ในประเทศสหรัฐฯ "โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่" ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตมากเป็นลำดับที่ 3 และในปี 2020 นี้ คาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 53,200 คน
: การรักษาและโอกาสในการรอดชีวิต?
หากถูกตรวจพบว่าเป็นในระยะที่ 1 ผู้ป่วยก็มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ โดยปัจจุบัน วิธีการรักษามะเร็งลำไส้ก้าวหน้าขึ้นมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้นพบว่า มีผู้ป่วยถึง 1.5 ล้านคนที่สามารถเอาชนะโรคนี้ได้ ฉะนั้น ผู้ป่วยโรคนี้ทุกคนย่อมมีความหวังเสมอ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: Pradit Phulsarikij
ข่าวอื่นๆ:
- วรรณกรรม ล้ำ เวลา แกะรอย 9 หนัง "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ก่อนชม TENET
- "เดปป์ - แอมเบอร์" วิวาห์ วิวาท ชีวิตรักใต้เตียงยิ่งกว่าหนังฮอลลีวูด
- ไขรหัส THE MATRIX 4 สปอยล์หนังบู๊ปรัชญา Keanu Reeves บอก "โคตรดี"
- เจาะสเปก iPhone 12 สีใหม่ กล้องเทพ ยังกั๊กไม่เปลี่ยน
- "เราเที่ยวด้วยกัน" ไม่ปังปุริเย่! โรงแรมครวญ "ปิดขาดทุนน้อยกว่าเปิด"