ประเทศไทยเพิ่งจะครบ 100 วันแห่งความสำเร็จของการปราศจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ภายในประเทศ ไปเมื่อวันที่ 2 กันยายนนี้เอง ก็กลับมาพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศในวันถัดมาทันที ซึ่งเป็น ‘รายแรก’ นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

โดย ‘ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่’ นี้เป็น ‘ผู้ต้องขังชาย’ ที่เพิ่งเข้ากักตัวในขั้นตอนแรกรับก่อนส่งเข้าเรือนจำ โดยจากประวัติของ ‘ผู้ป่วย’ พบว่า อาศัยอยู่กับครอบครัว 5 คน และทำงานเป็น ‘ดีเจ’ ภายในร้านอาหารย่านพระราม 3 และถนนข้าวสาร มีอาการป่วยเล็กน้อยจากการมีเสมหะมาตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม และมีการตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 2 กันยายน

ที่น่าสนใจคือ ‘ผู้ป่วย’ รายนี้ไม่มีประวัติการเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ

แต่อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ถือเป็นความเสี่ยงการติดเชื้อแบบฉับพลันในบรรดาผู้ต้องขัง เพราะตามระเบียบแล้ว ผู้ต้องขังใหม่ทั้งหมดจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วันก่อน

ซึ่งการค้นพบ ‘ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19’ ภายในประเทศครั้งนี้ บ่งบอกได้ระดับหนึ่งเลยว่า จริงๆ แล้ว ‘โควิด-19’ ยังไม่ได้หายไปจากประเทศไทย...

และการจะค้นพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ภายในชุมชนอาจต้องใช้เวลา โดยทางกระทรวงสาธารณสุขก็ออกมาบอกว่า “พวกเราไม่สามารถอยู่กับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ 0 รายได้ตลอดไป แต่ทันทีที่มีการค้นพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ ก็จะมีการยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วที่สุดทันที”

...

ฉะนั้น อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจไป แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด

เหตุการณ์ลักษณะนี้มีความคล้ายคลึงกับ ‘เวียดนาม’ และ ‘นิวซีแลนด์’ ที่มีการปรากฏของการติดเชื้อภายในประเทศอีกครั้งหนึ่ง หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ไปเพียงไม่นาน

โดยเฉพาะ ‘นิวซีแลนด์’

ที่ถึงจุดสิ้นสุด...การปราศจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ภายในประเทศ ระยะเวลากว่า 102 วัน

หันกลับสู่วิถีการปูพรมค้นหา ‘ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่’ กดปุ่มล็อกดาวน์ ‘โอ๊คแลนด์’ เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเพื่อสกัดการแพร่กระจายที่อาจลุกลามเป็นวงกว้างในอนาคต หลังพบสมาชิกครอบครัวหนึ่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ถึง 4 ราย

แต่ปัญหาคือ “ไม่ทราบแหล่งที่มา”

ดังนั้น นิวซีแลนด์ ยังจำเป็นต้องรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ไปอย่างน้อยจนถึงกลางเดือน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาใน ‘โอ๊คแลนด์’ เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หยุดชะงักลงแล้ว

ตลอดที่ผ่านมา 102 วัน สถานการณ์โควิด-19 ของ ‘นิวซีแลนด์’ คล้ายกับประเทศไทย คือ ไม่มีการติดเชื้อภายในชุมชน หรือภายในประเทศ มีเพียงแค่ผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่กักกันตัวที่เดินทางเข้ามาในประเทศเท่านั้น

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ก็ออกมาเรียกความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า “ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ปราศจากการติดเชื้อภายในประเทศได้ยาวนานเท่ากับนิวซีแลนด์ เราเคยผ่านมันมาได้ เราก็จะสามารถผ่านไปได้อีกครั้ง”

ปัจจุบัน ‘นิวซีแลนด์’ มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสม 1,700 ราย และเสียชีวิตกว่า 20 ราย

กลับมาที่ประเทศไทย

การฟื้นกลับมาของการติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ อาจทำให้แผนการกลับมาเปิดชายหาดอันโด่งดังและแหล่งวัฒนธรรมต้องหยุดชะงัก ซึ่งตอนแรกหวังว่าจะเปิดรับผู้เยี่ยมเยือนต่างชาติในเดือนตุลาคม ที่ตอนนี้ยังคงปิดพรมแดนรับผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติอยู่ และคนที่จะเข้าประเทศเกือบทั้งหมดก็ต้องเข้าสู่สถานที่กักกันตัวที่รัฐมีการควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวก หรือโรงแรม เป็นเวลา 14 วัน

...

ก็ต้องยอมรับว่า ความสำเร็จของ ‘ประเทศไทย’ ในการควบคุมโควิด-19 ที่เป็นผลมาจากการบังคับใช้นโยบายที่เคร่งครัดจากการปิดพรมแดนรับชาวต่างชาตินานหลายเดือน ต้องแลกมาด้วย ‘ต้นทุน’ ที่ยอดเยี่ยมของประเทศ ทั้งชายหาดที่โด่งดังและสถานที่ทางวัฒนธรรม จนทำให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

หากจะอธิบายสถานะประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ก็ต้องเรียกว่า หวานอมขมกลืน ทั้งการกลับมาของการติดเชื้อภายในประเทศ และแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจที่หวังกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้งเพื่อรักษาแผลภาคการท่องเที่ยวที่เจ็บออดๆ แอดๆ จากโควิด-19 ซึ่งแต่เดิมเคยมีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจไทยสูงถึง 20% โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากซีกโลกทางเหนือก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว แม้จะยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดถึงวิธีการที่จะทำอย่างไรให้มีความปลอดภัยก็ตาม

เรียกได้ว่า นี่เป็น ‘ด่านหิน’ ที่สุดที่รัฐบาลทั่วโลกจะต้องพบเจอเลยก็ได้ กับการพยายามทำให้ ‘สาธารณสุข’ และ ‘เศรษฐกิจ’ รอดไปได้อย่างสมดุล

หากไปมองประเทศใหญ่ๆ อย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 6 ล้านราย หรือ ‘อินเดีย’ ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 3 ล้านราย และได้มีการประกาศชัตดาวน์อย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปี ก็ต้องเผชิญกับผลร้ายทางเศรษฐกิจที่ตามมา คือ กำลังกลายเป็น ‘หมี’ หรือตลาดช่วงขาลง จนต้องพยายามหาหนทางที่จะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะยังรุนแรงอยู่ก็ตาม

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะมีการกระตุ้นให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวและใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้ โดยปี 2562 ประเทศไทยมีผู้เยี่ยมเยือนต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน แต่พอมาปีนี้กลับมีเพียง 7 ล้านคนเท่านั้น

...

ยังไงก็แล้วแต่...‘ไทยเที่ยวไทย’ ก็เป็นหนทางที่พอจะช่วยเยียวยาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้บ้าง แม้จะเล็กน้อย แต่การออกไปจับจ่ายก็จะช่วยพยุงให้ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยืนอยู่ได้.

ข่าวน่าสนใจ: