รักแท้ของพ่อ ยอมออกงานที่ใฝ่ฝัน ทั้งที่กว่าจะสอบเข้าได้ต้องพยายามนับปี มาดูแลลูก Full Time เพราะลูกป่วยโรค “หัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดชนิดเขียว" หรือ TOF มีโอกาส “หัวใจหยุดเต้น” หรือ “หัวใจวาย” พร้อมจากไปทุกวินาที
เงินสำคัญกับการใช้ชีวิต แต่สำหรับพ่อแม่ “ลูกสำคัญกว่าเสมอ” เฉกเช่น MONDAY SHARES ในวันนี้ กับเรื่องราวชีวิตของครอบครัว “โกมลกนก” ที่ผู้เป็นพ่อ "คุณพงศ์ปณต โกมลกนก" หรือ โบ๊ต วัย 31 ปี ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตลูกผู้ชายที่ทำเพื่อ “ลูก” ยอมทิ้งงานประจำที่รักและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กถึงขั้นตั้งชื่อลูกตัวเองว่า “เดปโป้” (depot) ที่แปลว่า สถานีรถไฟ หรืออู่รถไฟ อีกทั้งกว่าจะได้เป็น “คนขับรถไฟฟ้า” เขาต้องทุ่มเทและพยายามสอบ 7 ด่าน นานนับปี จนเหลือ 17 คน จากนั้นมาเรียนขับรถไฟฟ้าอีก 1 ปี
...
“เดือนที่แล้วลูกผมผ่าตัดหัวใจ เป็นตายเท่ากัน ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญกว่าลูกและครอบครัว ผมตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นคุณพ่อ full time ไม่ให้อะไรสำคัญไปกว่าลูกอีกแล้ว หลายคนอาจจะมองว่าโง่ แต่ถ้าใครไม่อยู่ในจุดนี้จะไม่มีทางเข้าใจได้เลย”
นั่นคือเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ของคุณโบ๊ตที่ยอมทำเพื่อลูกรัก อีกทั้งคิดว่า ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว งานอยากทำแค่หาสมัครใหม่ แต่ลูกถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่ได้ดูแลและใช้ชีวิตร่วมกันอีกเลยตลอดชีวิต เพราะลูกของคุณโบ๊ตโชคร้ายเกิดมาพร้อมโรคประจำตัว ทั้งๆ ที่ทั้งสองบำรุงครรภ์มาอย่างดี โดยหลังคลอดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2562 คุณหมอเข้ามาแจ้งว่า ลูกต้องอยู่ห้อง NICU คือห้องอภิบาลทารกแรกเกิด หรือเรียกว่าหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤติ (Neonatal Intensive Care Unit - NICU) เพราะลูกสำลักน้ำคร่ำ มีอาการหายใจเร็ว และได้ยินเสียงฟู่จากหัวใจลูก ต้องรักษาอยู่ห้อง NICU 3 วัน
จากเสียงฟู่ สู่โรคที่พร้อมตายจากพ่อแม่ทุกวินาที
ตอนนั้นคุณโบ๊ตยังไม่รู้แน่ชัด ลูกเป็นโรคอะไร ผ่านไป 1 เดือน พาลูกมาพบหมอตามนัด หมอฟังเสียงหัวใจยังฟู่ จึงตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram, Echocardiography) หรือเอคโค (Echo) ผลตรวจยืนยันลูกเป็น “โรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดชนิดเขียว” หรือ TOF มีรูรั่วที่ผนังหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ และมีเส้นเลือดเกิดขึ้นผิดที่ผิดทาง ทำให้น้ำในปอดเยอะ และออกซิเจนในเลือดจะต่ำลงเรื่อยๆ มีโอกาส “หัวใจหยุดเต้น” หรือ “หัวใจวาย” พร้อมจากไปทุกวินาที
“จำได้ว่าตอนนั้น ฟังหมอพูดได้ประมาณ 3 ประโยค แล้วหูดับวิ้งไปเลย จับมือภรรยาแน่น ให้กำลังใจกัน แล้วถามหมอต่อว่าต้องทำยังไง ลูกจะหายไหม”
พ่อแม่ใจสลาย ท้อแท้ ร้องไห้ แต่ไม่หมดหวัง
ข่าวร้ายจากหมอทำทั้งสองใจสลาย เพราะวางแผนชีวิตลูกไว้ โตขึ้นอยากให้เป็นนักบิน ทหาร ตำรวจแต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี หมอบอกโรคนี้รักษาได้ ผ่าตัดก็หายเป็นปกติ แต่ต้องผ่าตอนลูกน้ำหนัก 10 กิโลฯ หากต่ำกว่านั้น เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
...
ความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอ ระหว่างรอน้ำหนักลูกครบ คุณโบ๊ตและภรรยา (คุณณัฐธิตา โกมลกนก หรือ ตุ๊ก) ทำหน้าที่พ่อ และแม่อย่างดีที่สุด แม้เหนื่อยหนักที่ต้องดูแลลูกมากกว่าเด็กปกติทั่วไปก็ตาม เนื่องจากโรคนี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าให้เหนื่อย หรือวิ่งเล่นเยอะ และระวังไม่ให้ร้องไห้ หากร้องไห้แล้วตัวเขียว ออกซิเจนในเลือดต่ำเรื่อยๆ มีโอกาสจากไปได้ทุกวินาที
“ทุกครั้งพาลูกไปหาหมอตามนัด ผมกลับมาร้องไห้กับภรรยาตลอดว่าทำไมเราโชคร้ายจัง หมอบอกให้เผื่อใจ เพราะการผ่าตัดเสี่ยงมากๆ บางครั้งรู้สึกท้อ เพราะไม่รู้ว่าเลยว่าวันนี้ หรือพรุ่งนี้ลูกจะไม่อยู่ ก็ทำทุกวินาทีที่ดูแลลูกให้ดีที่สุด จะได้ไม่รู้สึกผิดทีหลัง”
วินาทีชีวิต หัวใจลูกอยู่นอกตัว เป็นตายเท่ากัน
เด็กป่วยเป็น “โรคหัวใจ” การผ่าตัดคือการได้ “โอกาส” และแล้วก็ถึงวันที่คุณโบ๊ตและภรรยาเฝ้ารอคอย ซึ่งได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เมื่อลูกอายุ 1 ขวบ 3 เดือน มีน้ำหนักแค่ 7 กิโลฯ ต้องผ่าตัดด่วนในวันที่ 13 ก.ค. 63 เนื่องจากอาการเริ่มแย่ ปากม่วง ตัวเขียว ไม่มีแรง เหนื่อยหอบ ไม่กินข้าว ไม่นอน น้ำท่วมปอด
...
หมอให้เซ็นหนังสือยินยอม และแจ้งวิธีรักษา ต้องผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery) เปิดหน้าอก ทำให้หัวใจหยุดเต้น นำหัวใจออกมาซ่อมแซม ระหว่างนี้จะใส่เครื่องปอดไตหัวใจเทียม ให้ทำงานแทนหัวใจของลูก และใช้เลือดที่ได้รับบริจาคหมุนเวียนในตัวลูกตลอดการผ่าตัด 6 ชั่วโมง เมื่อซ่อมแซมหัวใจเสร็จ ก็จะนำหัวใจลูกกลับใส่ที่เดิม
“ทั้งดีใจ ถ้าผ่าตัดสำเร็จแล้วลูกหาย แต่ก็กลัวว่าลูกจะจากไปขณะผ่าตัด กลัวว่าหัวใจลูกจะไม่เต้น กลัวว่าลูกจะติดเชื้อเพราะแผลผ่ากลางหน้าอก ยาวประมาณ 30 เซนฯ”
ลุ้นระทึก เฝ้าระวัง 7 วันอันตราย
สิ้นสุดความทุกข์ ผลผ่าตัดหมอทำสำเร็จ ออกซิเจนในเลือดครบ 100% หลังผ่าตัด 4 วัน ลูกฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คิด ปากเริ่มอมชมพูครั้งแรก แต่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นร่างกายทรงตัวเองได้ ใส่เครื่องช่วยหายใจ เจาะช่องท้องเดรนเลือดเจาะคอเพื่อใส่สายเข้าเส้นเลือดใหญ่ เพื่อฉีดยาเข้าถึงหัวใจ อุปกรณ์จะค่อยๆ ถอดทีละชิ้นจนอาการดีขึ้นตามลำดับ และออก รพ. ได้หลังนอนพักรักษาตัว 6 วัน
...
ปัจจุบันผ่านมาหนึ่งเดือนกว่า ตอนนี้ลูกหายแล้ว แต่ยังต้องเหลืออาการลิ้นหัวใจรั่ว แผลเล็กๆ ไว้เพื่อไม่ให้หัวใจลูกทำงานหนัก แต่อาการลิ้นหัวใจรั่วจะผ่าตัดหรือซ่อมแซมตัวเองได้ตอนลูกโต อย่างน้อยๆ เมื่ออายุ 10 ขวบ
“พอลูกได้ผ่าตัด หายดีขึ้น โล่งใจมาก เหมือนปลดล็อกอะไรสักอย่าง เพราะกังวลมานานมาก ตอนนี้ลูกไม่ถึงกับเสียชีวิตทุกวินาทีเหมือนแต่ก่อน ลูกมีชีวิตใหม่ที่ดี กินเก่งมากๆ ตอนนี้ลูกซนกว่าเดิม 10 เท่า หมอบอกเตะบอลได้เลย”
แนะแนวคิด ตัดสินใจ ลาออกจากงาน
รายได้ของครอบครัวหลังจากตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกได้ 24 ชั่วโมง ของคุณโบ๊ต คือ รับสอนทำโมเดล ฉากจำลอง โดยเปิดสอนที่บ้านและเป็นคอร์สออนไลน์ สำหรับใครที่กำลังคิดอยากออกจากงาน เพื่อมาอยู่กับลูกและครอบครัวไ้ด้อย่างเต็มที่ คุณโบ๊ตแนะนำตัดสินใจให้ดี มันอาจจะถูกหรืออาจจะผิดไปตลอดชีวิต และชั่งใจให้ดี ว่าอะไรสำคัญมากที่สุด
“ผู้ที่เป็นเสาหลักในการหารายได้ ถ้ายังไม่มีธุรกิจอะไรทำ ให้ทำงานไปก่อน แต่อาจจะหางานใกล้บ้าน เพื่อจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากๆ ส่วนใครที่กำลังบ้างานโดยไม่มีเวลาให้ครอบครัว ขอให้คิดใหม่ เพราะครอบครัวจะอยู่กับคุณตลอดไป ไม่ใช่หน้าที่การงาน”
ข่าวน่าสนใจ