ท่ามกลางการจับตามหาสงคราม CONSOLE ระหว่าง PlayStation 5 และ Xbox Series X ที่กำลังจะระเบิดขึ้นในช่วง SUMMER นี้

แต่แล้ว...จู่ๆ ไฟสปอตไลต์ทุกดวงก็พุ่งเข้าหาม้าที่กำลังอยู่นอกสายตา อย่าง Nintendo Switch ด้วยความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

หลัง CONSOLE HYBRID ซึ่งนำเสนอทางเลือกใหม่ให้ 'เกมเมอร์' ด้วยการสามารถหยิบจับมันไปเล่นได้ในทุกหนแห่ง หรือเบื่อๆ อยู่กับบ้านก็เล่นกับ TV เหมือนคืนวันเก่าๆ กลับมามียอดขายพุ่งทะยานในระดับ BLOCKBUSTER ชนิดโลกตะลึง ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 โรคระบาดร้ายแรง ที่จนถึงทุกวันนี้ยังคงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร...

แล้วเหตุไฉน Nintendo Switch จึงถูกสปอตไลต์สาดไฟกลับมาอีกครั้งน่ะหรือ?

นั่นก็เพราะ...บริษัท Nintendo ประกาศผลประกอบการของบริษัทหลังสิ้นสุดไตรมาสที่ผ่านมาว่า สามารถสร้างผลกำไรได้สูงอย่างน่าเหลือเชื่อถึง 145,000 ล้านเยน หรือเพิ่มขึ้น 428%! เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา (27,000 ล้านเยน) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่าที่ Refinitiv บริษัทวิเคราะห์ด้านการตลาดชื่อดังระดับโลก คาดการณ์เอาไว้ว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณเพียง 62,000 ล้านเยนเท่านั้น

'คุณ' ยังไม่หายตะลึงใช่ไหม งั้นฟังอีกครั้ง ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัท Nintendo ทำกำไรสูงถึง 428% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา!

...

ซึ่งผลสำเร็จระดับปรากฏการณ์นี้ นับเป็นก้าวย่างสำคัญที่ช่วยผลักสถานะของ Nintendo ให้กลับมามีที่ยืนอย่างโดดเด่นอีกครั้งบนสมรภูมิ CONSOLE NEXT GEN! อย่างเต็มภาคภูมิ

โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายของ Nintendo เพิ่มสูงเกือบ 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้คนเกือบทั่วโลกอยากจะหาอะไรมาบำบัดความเหงาในระหว่างที่ต้อง STAY AT HOME

ซึ่ง Nintendo Switch คือ หนึ่งในคำตอบจากโจทย์ที่ว่านั้น!

โดยสามารถยืนยันได้จากยอดขายของ Nintendo Switch ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา ที่สูงถึง 5.68 ล้านเครื่อง (3.05 จากรุ่น STANDARD และอีก 2.62 ล้านเครื่อง จากรุ่น LITES) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 166.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา

และผลจากการขายดิบขายดีเกินไปในช่วงเวลาดังกล่าว ถึงกับทำให้เครื่อง Nintendo Switch ขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้นในหลายประเทศ (รวมทั้งประเทศไทย) โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากมีการปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนหลายแห่งในประเทศจีน จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กระทั่งทำให้ชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตมีไม่เพียงสำหรับการป้อนให้โรงงานประกอบเครื่อง Nintendo Switch ในประเทศเวียดนาม

อย่างไรก็ดี Nintendo ได้ออกมายืนยันอย่างหนักแน่นแล้วว่า ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขและสายการผลิตทั้งหมดได้กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว

สำหรับยอดขาย Nintendo Switch ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 นั้น ปัจจุบันมียอดขายทั่วโลกรวมกันแล้วทั้งสิ้น 61.44 ล้านเครื่อง โดยนักวิเคราะห์ในญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า 20% ของรายได้รวมทั้งหมดของ Nintendo มาจากยอดขาย CONSOLE HYBRID นี้ (แต่มันยังคงหากไกลจาก CONSOLE ที่เคยขายดีที่สุดของ Nintendo อย่าง Wii ที่ขายได้ถึง 101.63 ล้านเครื่อง ชนิดห่างไกลลิบสุดกู่เช่นกัน)

แต่…อะไรกันล่ะ ที่ผลักดันให้ผู้คนแห่แย่งซื้อ Nintendo Switch จนกลายเป็นยาสามัญแก้เหงาประจำบ้านในช่วงเวลาแห่งความหม่นหมองนั้น?

ถูกต้อง สิ่งที่ผลักดันยอดขายมันได้เป็นอย่างดีก็คือ 'เกม' ที่คุณคิดนั่นแหละ!

"มันคือ เกมที่สุด PERFECT สำหรับผู้คนในปัจจุบัน เพราะคุณสามารถใช้เวลาทุกชั่วโมงที่สุดอบอุ่นไปกับโลกที่แสนอ่อนโยน และผมแทบไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ผู้คนจำนวนมากร่วมกันแชร์ Screenshot อันหลากหลายจากเกมเพียงเกมเดียวใน SOCIAL NETWORK มากมายขนาดนี้มาก่อน" คาซูโนริ อิโต (KAZUNORI ITO) นักวิเคราะห์จากสำนักวิจัยชื่อดัง Morningstar ให้คำจำกัดความถึงความ POP อันน่าทึ่งของเกมที่ว่านั้น

คุณคงรู้แล้วใช่ไหมว่า เรากำลังพูดถึงเกมอะไร?

Animal Crossing New Horizons หรือ Doubutsu no Mori ในภาษาญี่ปุ่น คือชื่อของเกมที่ว่านี้

เกมนี้มันดียังไง?

"Animal Crossing New Horizons" ถือเป็น FRANCHISES ในลำดับที่ 5 จากซีรีส์ Animal Crossing ที่เริ่มต้นการสะสมฐานแฟนมาตั้งแต่ปี 2001 โดยเกมนี้จะพาคุณไปติดเกาะแล้วเพลิดเพลินกับการตกปลา จับปลา จับแมลง เพื่อหาเงินมาสร้างและตกแต่งบ้านในแบบที่คุณชอบ รวมถึงสามารถ ENJOY กับเพื่อนๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งถือเป็นเกมที่ตอบโจทย์การหาอะไรกัดกินทุกๆ วินาทีแห่งความเบื่อหน่ายให้หายไปในแต่ละวันโดยไม่รู้ตัว

...

แถมมันยังเล่นได้ง่ายแสนง่าย วนไปวนมาไม่ต่างจากการทำกิจวัตรประจำวัน อีกทั้งยังไม่มี FINAL BOSS หรือฉากจบสุดประทับใจ เพราะมันมีเพียงเกาะเล็กๆ ที่คุณเป็นเจ้าของ ซึ่งคุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ (เท่านั้นจริงๆ)

แต่ใครจะไปเชื่อว่า "อะไรเพียงแค่นี้" กลับดันฮิตระเบิด โดยตามสถิติที่ Nintendo เปิดเผยออกมา กลุ่มผู้เล่นเกมนี้ไม่ได้มีเพียงกลุ่มเด็กและวัยรุ่นอย่างที่ใครๆ คิด เพราะกลุ่มอายุระหว่าง 20-30 ปี กลายเป็นอีกกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ที่ร่วมเล่นเกมนี้ด้วย เนื่องจากมองว่า เกมจับปลา จับแมลง เอาตัวรอดบนเกาะร้างนี้ ทำให้พวกเขาหวนรำลึกถึงวันชื่นคืนสุขเมื่อครั้งมีประสบการณ์เล่นเกมครั้งแรกในวัยเยาว์

หากแต่สิ่งที่ไม่เกินไปกว่าการคาดเดาก็คือ จำนวนมากกว่า 40% ของผู้ที่ซื้อเกมนี้ไป คือ เกมเมอร์สาวๆ (เป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด)

แล้วมันขายดีแค่ไหน?

1.88 ล้านก๊อบปี้ คือ ยอดขายภายใน 3 วันแรกในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเกม FRANCHISES ระดับ AAA ที่ FANBOY ทั่วโลกของ Nintendo รอคอย อย่าง Super Smash Bros. ที่กว่าจะทำยอดขายได้สูงขนาดนั้น ต้องใช้นานถึง 2 สัปดาห์นับตั้งแต่วันวางจำหน่าย

...

390,000 เครื่อง คือ ยอดจำหน่ายเครื่อง Nintendo Switch ในช่วงสัปดาห์เดียวกับที่ Animal Crossing New Horizons วางขายในประเทศญี่ปุ่น ตามมาด้วยอีก 280,000 เครื่องในสัปดาห์ต่อมา

10.6 ล้านก๊อบปี้ คือ ยอดจำหน่ายที่ทำให้ Animal Crossing New Horizons กลายเป็นแชมป์เกมที่ขายดีที่สุดประจำไตรมาสที่ 1 ของบริษัท Nintendo

22.4 ล้านก๊อบปี้ คือ ยอดขายรวม ณ ปัจจุบัน ของ Animal Crossing New Horizons ทำให้มันขึ้นแท่นอันดับ 2 เกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลสำหรับเครื่อง Nintendo Switch ตามหลังอันดับ 1 คือ เกม Mario Kart 8 Deluxe ที่มียอดขาย 26.7 ก๊อบปี้ อยู่เพียงเล็กน้อยแล้ว (อ้างอิงข้อมูล: nintendo.co.jp)

แล้วเพราะอะไร Animal Crossing New Horizons มันจึงตอบโจทย์ STAY AT HOME ได้อย่างลงตัว!

มีบทความของนักวิเคราะห์ในต่างประเทศหลายบทความพยายามหาคำตอบให้กับปรากฏการณ์ที่ว่านั้น เราลองไปทัศนากันดู

ประเด็นที่ 1: โลก VIRTUALLY ที่สุดแสนอิสระ

...

มันคือ โลกเสมือนจริงที่ปราศจากเงื่อนไขเหมือนเกมปกติทั่วๆ ไป ไม่มีจุดจบ ไม่มีรัฐที่ล้มเหลว (จากปัญหาการแพร่ระบาด COVID-19 ไม่มีปริศนา) หรือเป้าหมายที่ต้องพุ่งชน ทุกคนถูกปล่อยให้เป็นอิสระบนเกาะร้าง ที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากชีวิตจริงที่ผู้คนแทบจะปราศจากอิสระในช่วง LOCKDOWN อย่างสิ้นเชิง

ประเด็นที่ 2: มันคือ "ทางออก" ท่ามกลางความโกลาหลปนเบื่อหน่าย

มาตรการ LOCKDOWN ที่ถูกนำมาใช้ในหลายประเทศๆ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ทำให้ผู้คนนับล้านๆ คนทั่วโลก ต้องติดอยู่ภายในบ้านของตัวเองนานนับเดือน คือ ประสบการณ์ใหม่ที่ชาวโลกแทบไม่เคยพานพบมาก่อน ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงต่างพยายามมองหาอะไรที่จะมาฆ่าเวลาในแต่ละวันอันน่าเบื่อหน่ายนี้ให้หมดไป

ในเมื่อ Animal Crossing New Horizons สามารถทำให้คุณโฟกัสไปกับภารกิจในแต่ละวันคืน (ในเกม) ที่ต้องพิชิตลงให้สำเร็จ เพื่อสร้างบ้านและเกาะให้กลายเป็นสรวงสรรค์สำหรับคุณ หรือเอาไว้คอยอวดใครๆ ด้วยตัวเอง และแน่นอน ภายในเกมยังอาวุธลับที่สำคัญที่สุดในการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในระหว่างการ LOCKDOWN ด้วย นั่นก็คือ การเชื่อมโยงผู้คนให้ยังคงสามารถพบปะกันได้ผ่านระบบออนไลน์ในเกม ด้วยเหตุนี้ มันจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นชนิดลืมวันลืมคืน

ประเด็นที่ 3: Shared Inspiration

ในชีวิตจริงช่วง COVID-19 ระบาด สิ่งที่ผู้คนอาจทำได้ในเวลานั้น คือ นั่งแชทกับบรรดาเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิด แต่ Animal Crossing New Horizons ทำให้เกิดความแตกต่างออกไป

"ในเมื่อฉันมีเกาะที่ดีไซน์มาอย่างสุดครีเอทแบบนี้จะรออะไรล่ะ?"

คุณคงไม่แปลกใจแล้วใช่ไหมว่า ภาพเกาะต่างๆ ของประชาชนชาว Animal Crossing New Horizons ที่กลายเป็นไวรัลเต็มโชเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะที่มากจนแทบจะล้นใน Instagram มันได้สร้าง INSPIRATION จนสามารถดึงดูดคนที่ยังไม่เคยสัมผัสเกมนี้ ให้ยอมเสียเงินควานหาทั้ง Nintendo Switch และเกมติดเกาะนี้มาเล่นจนมากมายขนาดไหน

ผลกระทบหลังชาวโลก HYPE เกม ช่วยพาฉันไปติดเกาะทีเถอะ!

หลัง Animal Crossing New Horizons สร้างความ HYPE ไปทั้งโลก จนสามารถช่วยดันยอดขายของ Nintendo Switch ให้กลับมาร้อนแรงได้อีกครั้ง ทำให้ Nintendo แสดงท่าที(ค่อนข้าง) ชัดเจนแล้วว่า อาจจะยอมถอนตัวออกจากตลาดเกมมือถือที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 77,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังความเพียรพยายามมานานหลายปี เพื่อพาตัวเองเข้าสู่ "โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย" ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิดหวังไว้

โดย 'ชุนทาโร ฟุรุคาวะ' (Shuntaro Furukawa) ประธานของ Nintendo ได้ประกาศเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า "เรายังไม่มีความจำเป็นที่จะปล่อย New Applications เพิ่มเติม เพื่อป้อนให้กับตลาดโทรศัพท์มือถือ"

ทั้งๆ ที่เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ผู้นำทัพบริษัทยักษ์ใหญ่วงการเกมโลกได้ผุดโปรเจกต์บุกเกมมือถือ เพื่อหวังเอาไว้ "ซับเลือด" จากบาดแผลความล้มเหลวของเครื่อง Wii U และลั่นวาจาเอาไว้ว่า ธุรกิจเกมบนสมาร์ทโฟนน่าจะทำเงินให้กับบริษัทได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากตลาดที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับให้คำมั่นว่า Nintendo จะปล่อยเกมอีกอย่างน้อย 2-3 เกม เพื่อร่วมวงชิงเค้กก้อนโตนี้ด้วย

แต่หลังจาก Animal Crossing New Horizons ช่วยผลักดันให้ผลกำไรของ Nintendo พุ่งทะลุเกือบจะถึงชั้นบรรยากาศ STRATOSPHERE จนเป็นที่พึงพอใจแกบรรดานักลงทุนเป็นอย่างยิ่งแล้ว มันจึงมีความเป็นไปได้(สูงมาก)ว่า Nintendo กำลังประเมินตลาดที่ตัวเองไม่รู้จักใหม่ เพื่อเตรียมกลับไปมุ่งโฟกัสที่การขาย CONSOLE อันแสนคุ้นเคย (เหมือนเดิม)

ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความทะเยอทะยานบุกตลาดเกมสมาร์ทโฟนของ Nintendo (อาจจะ)ต้องสิ้นสุดลงนั้น ก็น่าจะมาจาก FRANCHISES ลูกรัก ที่แทบไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับยักษ์ใหญ่แห่งโตเกียวแม้สักครั้งเดียว อย่าง Super Mario ที่ดันไป RUN และขับรถแข่งจนตกท่อประปาตายคาที่ใน STORE ของทั้ง iOS และ ANDROID อย่างสุดเหลือเชื่อ (รายงานผลประกอบการปี 2019 Nintendo มีรายได้จากตลาด SMARTPHONE เพียง 51,000 ล้านเยน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่บริษัทวางไว้)

แต่แล้วเมื่อตัดภาพกลับมาที่ Animal Crossing New Horizons กลับสามารถพา Nintendo คืนสู่สรวงสวรรค์ ด้วยการทำให้ราคาหุ้นของบริษัททำสถิติสูงสุดในรอบ 12 ปี ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดโรค COVID-19

แบบนี้...คงชัดเจนมากพอแล้วนะ ว่าเพราะอะไร Nintendo จึงกำลังจะคิดที่จะ "ถอนสมอเรือ" ไปจากเกมมือถือในบั้นปลาย

ก้าวต่อไปของ Nintendo Switch?

หลังประสบความสำเร็จชนิดสร้างปรากฏการณ์ สิ่งที่บรรดานักลงทุนกำลังจับตาอยู่ ณ ปัจจุบัน คือ Nintendo Switch เพิ่มอีก 2 เกม BIG TITLE มาดันยอดขายเครื่องเพิ่ม อย่าง Pikmin 3 Deluxe ซึ่งเป็นเกมที่มีกลุ่ม FANBOY ของ Pokemon จำนวนมากรออุดหนุน และ Paper Mario: The Origami King ที่คราวนี้จับมาริโอมาเป็นที่พับกระดาษ ซึ่งเต็มไปด้วยความ CREATIVE นั้น จะพา Nintendo มียอดขายที่สุดแสนมหัศจรรย์ได้ต่อเนื่องอีกหรือไม่?

โดยเฉพาะการมาถึงของ PlayStation 5 และ Xbox Series X ในช่วงปลายปีนี้

ผู้เขียน: นายฮกหลง
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์

END CREDIT

คุณเคยถามตัวเองบ้างไหม เหตุใดจึงชอบเล่นเกม Animal Crossing?

จำคำนี้ไว้นะ Self-Determination Theory (ทฤษฎีความมุ่งมั่นในตัวเอง)

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งให้ความเห็นว่า เกมที่สุด MINIMOL นี้ ประสบความสำเร็จได้เพราะมันได้กลับคืนสู่หลักจิตวิทยาขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งสามารถอธิบายได้โดยทฤษฎีความมุ่งมั่นในตัวเอง (Self-Determination Theory)

โดย Edward Deci และ Richard Ryan นักจิตวิทยาผู้คิดค้นทฤษฎีนี้ในปี 1980 ได้ให้นิยามเอาไว้ว่า พฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์สามารถถูกขับเคลื่อนได้จากแรงจูงใจภายนอก เช่น การพูดชมเชย หรือการให้เงินรางวัลตอบแทน เรื่อยไปจนถึงพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นภายในด้วยความยินยอมพร้อมใจที่จะทำ เพราะรู้สึกสนุกและมีความสุขที่จะได้ทำ

ซึ่งแรงกระตุ้นจากภายในดังที่ว่านี้ จะมุ่งตอบสนองความต้องการพื้นฐาน 3 ข้อของมนุษย์ คือ

1. ความต้องการอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเอง
2. ความต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น
3. ความต้องการเป็นคนที่มีทักษะและความสามารถ

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว คุณเริ่มคุ้นๆ แล้วใช่ไหมว่า ทั้ง 3 ข้อที่ว่านี้ มันปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นในเกมที่คุณกำลังเล่นกันอยู่ ณ เวลา นี้!

อิสระที่จะให้คุณทำอะไร หรืออยู่ที่ไหนก็ได้
เกมที่คุณเล่นได้สุดแสนง่ายดาย เข้าใจก็ง่าย และรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเล่นได้เก่งกว่าเดิม
อนุญาติให้คุณโต้ตอบและเชื่อมโยงกับผู้เล่นคนอื่นๆ

โดยนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา งานวิจัยหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอเกมแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า เกมใดที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานทั้ง 3 ข้อนี้ได้ มันก็มักจะกลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จเหนือเกมอื่นๆ เสมอ

คุณว่าจริงไหมล่ะ?