ในยุค 2499 ว่ากันว่าเป็นยุคอันธพาลครองเมือง โดยเฉพาะชื่อ “แดง ไบเล่” หรือ นายบัญชา ศรีสุกใส จากคำบอกเล่าของเพื่อนๆ และอดีตแฟน แดง เป็นลูกกำพร้า เติบโตอยู่ที่ตรอกโรงงานไบเล่ ใกล้กับวัดสุทัศนเทพวราราม
ภาพความน่ากลัวของ “แดง” มาจากหนังเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร โดยเนื้อหาหนังส่วนใหญ่มาจาก นิยายนักเลงของ “สุริยัน ศักดิ์ไธสง” แต่หลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 2540 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สร้างความไม่พอใจให้กับ “คนที่ยังมีชีวิต” นั่นก็คือเพื่อนของ “แดง ไบเล่” อาทิ ปุ๊ กรุงเกษม, ตุ๋ย ระเบิดขวด หล่อ สะพานขาว กลุ่มเพื่อนของแดง จึงออกมาเปิดเผยเรื่องจริงที่ต่างกันสุดขั้วจากในหนัง
3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอทุกท่านย้อนรอย เหตุการณ์จริงเมื่อปี 2499 โดยแกะรอยจากคำบอกเล่าของเพื่อนๆ รวมไปถึง “วัลภา ณ สงขลา” อดีตแฟน “แดง ไบเล่” เมื่อครั้งยังมีชีวิต
เรื่องราวของ กลุ่มนักเรียนนักเลงในสมัย 2499 ที่กลายเป็นบทภาพยนตร์โลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด...พวกเขาก็เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่ชื่นชอบดนตรี แต่งตัวทันสมัย ตาม “เจมส์ ดีน” ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ที่มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาท ของกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนตามวัย “แดง ไบเล่” ค่อยๆ สร้างชื่อ และเป็นที่รู้จัก เพราะร่วมกลุ่มกับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” และมักมีเรื่องกับเด็กต่างถิ่น ยกพวกไล่ตีกัน ซึ่งอาวุธที่ติดตัวกันส่วนมาก จะมีแค่ “มีดกับไม้” เท่านั้น เพราะในยุคนั้น อาวุธปืน เป็นอะไรที่หายากมาก
...
ศึกสิบสามห้าง!
มีอยู่วันหนึ่ง “แดง ไบเล่” ได้มีเรื่องกับ “ปุ๊ กรุงเกษม” นักเรียนนักเลงชื่อดังจากฝั่งธน ปุ๊ กรุงเกษม พร้อมเพื่อนรวม 4 คน ข้ามถิ่นมาหาซื้อผ้าเสิร์ท เพื่อตัดกางเกงนักเรียนขายาวที่ย่านบางลำพู ด้วยวัยกำลังห้าว สายตาของปุ๊ กรุงเกษม ปะทะกับ “แดง ไบเล่” ก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องแน่ แต่ในวันนั้น “แดง” อยู่กับพวก 2 คน โดยไม่มี “ปุ๊ ระเบิดขวด” เพื่อนซี้
แดง บอกกับ “ปุ๊ กรุงเกษม” ว่า มาเจอกันพรุ่งนี้ และเมื่อถึงเวลา.. แดง พร้อมพวกกว่า 10 คน มารอตามนัด ในขณะที่ แก๊งฝั่งธน อย่าง “ปุ๊ กรุงเกษม” ก็ยกพวกมาพอๆ กัน เมื่อประจันหน้า สองฝ่ายเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกันก่อน หลังคุยกันสักพัก..ทำท่าจะจบลงด้วยดี แต่.. จู่ๆ “ปุ๊ กรุงเกษม” ก็เริ่มต้นเปิดฉาก ทำให้กลุ่มนักเรียนนักเลงในเวลานั้นตะลุมบอน ไล่ฟัน แทง จนเกิดความวุ่นวายในตลาดถนนสิบสามห้าง ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าอย่างออกรส โดย “ปุ๊ กรุงเกษม” และมีเพื่อนสนิทของแดง อีกคน คือ “ตุ๋ย ระเบิดขวด” นั่งอยู่ข้างกัน ในรายการทีวีรายการหนึ่ง สิ่งที่เป็นเรื่องจริงของ แดง ไบเล่ คือคำกล่าวที่อยู่ในหนัง ที่แดงบอกกับวัลภาว่า “เป็นเมียเราต้องอดทน”
วัลภา เคยให้สัมภาษณ์ว่า แดงจะพูดคำนี้กับเธอก็ต่อเมื่อเห็นเธอไม่สบายใจหรือเครียด แต่...สิ่งที่ต่างกันอย่างสุดขั้วจากในหนังคือ “แดง ไบเล่” ไม่เคยฆ่าคนตาย ไม่เคยจี้ปล้น ไม่เคยเก็บค่าคุ้มครอง
“ใครเขาจะจ่ายค่าคุ้มครองให้ เด็กอายุ 17-18 ปี ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กกันอยู่เลย..” เพื่อนๆ แดง ที่ยังมีชีวิตเล่าความหลัง
“แดงเป็นคนที่เงียบขรึม พูดเพราะ หน้าตาดี กินเหล้า สูบบุหรี่ได้ แต่ไม่ชอบ” นี่คือ บุคลิกของแดง ที่เพื่อนๆ และแฟน ให้คำจำกัดความ
สิ่งที่ทำให้แดง แตกหักกับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” เพราะมีอยู่วันหนึ่ง แดงไปดวลมีดกับนักเรียนนักเลงคนหนึ่ง ใกล้ๆ สนามกีฬาแห่งชาติ วันนั้น แดง ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี จนทำให้อริหลบหนีไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา “แดง” ก็รู้สึกว่า ตนเอง มีบารมีมากขึ้น ในขณะที่ “ปุ๊ ระเบิดขวด” เพื่อนรักของแดง ก็เริ่มไม่พอใจ ที่แดง เริ่มตีตัวออกห่าง
“กฎในกลุ่มพวกเรา คือ จะไม่เล่นการพนัน จะไม่ทะเลาะกันเพราะผู้หญิง” เพื่อนๆ แดงเคยพูดย้ำคำนี้ ฉะนั้น ที่บอกว่า “แดง” ทะเลาะกับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” เพราะเรื่องวัลภา จึงไม่ใช่เรื่องจริง
ซึ่งวัลภาเอง ก็เคยยอมรับว่าเธอรู้จักกับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” ก่อน และเป็นคนแนะนำให้รู้จักแดง แต่พอ “แดง” เริ่มห่างเหินกับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” แดงได้เปิดอกคุยว่า “นายมีอะไรให้คุยกับเราตรงๆ อย่าทำร้าย หรือไปรังแก วัลภา ซึ่งเธอไม่เกี่ยวข้องด้วย”
...
แต่..ปุ๊ ไม่ได้ทำเช่นนั้น ปุ๊ เคยข่มขู่ วัลภา ครั้งหนึ่งที่ไปนั่งรวมกลุ่มกินอะไรกัน แล้วปุ๊ ให้ลูกน้องมารังแกวัลภา ด้วยการบังคับให้วัลภาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มให้ เมื่อวัลภา ไม่ยอม ปุ๊จึงให้ลูกน้องตบหัว
การกระทำของ “ปุ๊ ระเบิดขวด” หวังให้วัลภาไปเล่าให้แดงฟัง เพื่อจะเปิดศึกมีเรื่องกัน แต่ช่วงนั้น “แดง” กำลังบวชให้แม่ และอีกนัยหนึ่ง แดงกำลังหนีคดีต่างๆ ที่ตำรวจตามล่าอยู่ วัลภา ตัดสินใจ ไปขอร้องแดงให้มอบตัว ในคดีที่ทะเลาะวิวาทหลายครั้ง สาเหตุเพราะไม่อยากเห็นแดงต้องหนีตลอดชีวิต
วัลภา กล่อมแดง ได้สำเร็จและแดงได้เข้ามอบตัว เป็นที่มาของภาพถ่ายลงหนังสือพิมพ์ ที่แดง กับวัลภา นั่งอยู่คู่กัน แดงถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่ติดอยู่ข้างในจริงๆ ราวปีเศษ เพราะทำตัวดีได้รับการลดโทษ หลังออกจากคุกลาดยาว อดีตเพื่อนรักอย่าง “แดง ไบเล่” กับ “ปุ๊ ระเบิดขวด” ไม่มีโอกาสได้รบกันอีกเลย เพราะแดง ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น
...
คืนสุดท้ายของชีวิต แดง ไบเล่ มาหาวัลภาที่ ผับ ซึ่งเธอกำลังร้องเพลงอยู่ คืนนั้น วัลภา มองแดง ที่มาดื่มกินในร้าน สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือ แดง จะมีเรื่องทะเลาะวิวาท ตีกับอริที่ร้าน และสิ่งเธอกลัวก็เป็นจริง
วัลภา เล่าว่า คืนนั้นเขาเห็นแดงได้พาพรรคพวกออกจากร้าน เพราะกลัวว่าวัลภาจะเดือดร้อน หากมีเรื่องกันข้างใน ระหว่างที่มีเรื่องอยู่นั้น “แดง” มีพวกน้อยกว่า เพื่อนเขาจึงกระชากตัวขึ้นรถ แล้วขับออกไป...จากนั้น เธอก็ได้รับข่าวร้ายที่สุด คือ “แดง ไบเล่” ตายแล้ว คืนนั้นเกิดอุบัติเหตุรถประสานงากับรถบรรทุกที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แดงเสียชีวิตคาที่
ขณะที่ กลุ่มก๊วนของ “แดง ไบเล่” บางคนก็กระจัดกระจาย บางคนพ่อแม่ส่งไปเรียนเมืองนอก กลับมามีงานการทำที่ดี บางคนก็เปิดกิจการของตัวเอง แต่บางคนก็เดินสายเส้นทางนักเลงต่อไป
ซึ่งจุดจบของ “ปุ๊ ระเบิดขวด” ก็ถูกปิดฉากโดยเพื่อนของเขาคือ “ดำ เอสโซ่” หลังทั้งคู่ผิดใจกัน ปุ๊ เปิดฉากยิงดำก่อน กระสุนเข้าที่แขน แต่เพื่อนของดำ ได้ยิงปุ๊ จากข้างหลัง จากนั้นดำก็ยิงซ้ำปุ๊ เสียชีวิต ในขณะที่ “ดำ เอสโซ่” ชายพูดน้อย ที่ลงมือปราดเปรียวดั่งเสือ ก็พบจุดจบที่ทรมานกว่า เขาถูกเพื่อนหักหลัง ยิงบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนอนป่วยทรมานอยู่เป็นปี กระทั่งเสียชีวิต จากแผลกดทับและติดเชื้อ
...
เรื่องราวของยุค 2499 คงเทียบกับสมัยนี้ไม่ได้ เพราะปัจจุบันแค่มีปืนในมือ ก็ใจถึง กร่างได้ แต่สุดท้ายมักจบแบบไม่สวย..
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ชม 3 นาทีคดีดังเรื่องอื่นๆ