พุ่งนิวไฮได้ไม่ทันไร "ราคาทองคำ" ก็ดิ่งฮวบจนน่าใจหาย กลับไปกลับมาจนตามกันแทบไม่ทัน จนน่าจับตาว่าจะร่วงลงไปได้ถึงระดับไหน? และจะกลับขึ้นมาอีกหรือไม่?

หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว เกิดปรากฏการณ์ "ราคาทองคำ" พุ่งสูง ตลาดโลกราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก ราคาเพิ่มขึ้นจากต้นปีถึง 34% และทำนิวไฮอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นจากราคาต่ำสุด 1,484 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคามที่ผ่านมา ถึง 42% ส่วนในไทยก็แตะระดับ 30,000 บาทต่อบาททองคำ เป็นประวัติการณ์ จนถูกขนามว่า ปี 2563 คือ "ปีแห่งการตื่นทอง"

และปัจจัยหลักที่เป็นตัวชักนำราคา ก็มาจาก 'นักลงทุน' ทั้งหลาย ที่ขวัญผวากับสถานการณ์วิกฤติโลกที่ถาโถม ทั้งโควิด-19 (COVID-19) ทั้งการเชือดเฉือนที่ไม่มีใครยอมใครของ 2 มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก จนต้องหอบเงินสดวิ่งกรูกันไป "ซื้อทองคำ" กับ 'กองทุนอีทีเอฟ' (ETFs) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนทองคำแห่งใหญ่ที่สุดในโลก ถือครอง 'ทองคำ' กว่า 3,800 ตัน มูลค่าประมาณ 2.4 แสนล้านดอลลลาร์สหรัฐฯ เพราะเชื่อมั่นว่า 'ทองคำ' เป็น "ที่หลบภัย" หรือ SAFE HAVEN สินทรัพย์ปลอดภัยที่จะสามารถรักษา "ความมั่งคั่ง" ของพวกเขาเอาไว้ได้

จนมีการคาดการณ์จาก 'ธนาคารแห่งอเมริกา' (Bank of America) ถึงความเป็นไปได้ที่ "ราคาทองคำ" อาจแตะถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ได้ภายในต้นปี 2565

...

แต่พอขยับมากลางสัปดาห์นี้ "ราคาทองคำ" กลับร่วงลงอย่างแรงภายในวันเดียว สวิงอย่างกับนั่งอยู่บนเครื่องเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ เครื่องหมาย 'เอช' (H) สั่นระรัว ตกมาอยู่ระดับต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ทุบ SAFE HAVEN แตกมากกว่า 5% ขณะที่ "ราคาทองคำ" ในไทย ก็ลดลงกว่า 1,400 บาท มีการปรับเปลี่ยนไปมาขึ้น/ลงถึง 42 ครั้ง ตลอดสัปดาห์ราคาตกมาอยู่ที่ราวๆ 27,000-28,650 บาทต่อบาททองคำ

ไม่กลับขึ้นไปแตะระดับ 30,000 บาทต่อบาททองคำอีกเลย!!

"ราคาทองคำ" ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2556!!

และเมื่อ "ราคาทองคำ" ร่วงแล้ว คำถามที่ตามมาคือ หลังจากนี้จะกลับมา "ขึ้น" อีกหรือไม่? หากคำตอบเป็น "ไม่" แล้ว "ราคาทองคำ" ที่ยังร่วง "มันจะร่วงลงไปต่อสุดถึงที่เท่าไร?"

มีโอกาสที่ "ราคาทองคำ" จะร่วงลงไปต่ำสุดแตะระดับ 1,484 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เหมือนอย่างวันที่ 20 มีนาคมหรือเปล่า?

คำตอบจะเป็นอย่างไร? ลองมาประเมินและคำนวนกันคร่าวๆ จากตัวเลขที่ปรากฏขึ้นในรอบปีกัน

หากประเมินจาก 'ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่' (Moving Average) 50 วันของราคาทองคำปิดตลาด ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,829 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งถ้าเป็นตัวเลขนี้ก็ดูไม่น่ากลัวหรือหวือหวาอะไรมากนัก

แต่หากลองประเมินความเป็นไปได้จาก "กรณีเลวร้ายที่สุด" ของราคาทองคำ หากว่า "ราคาทองคำ" ณ ปัจจุบัน ยังคงเป็นไปในทิศทาง Downside อยู่ ก็จะได้ออกมา 2 ระดับ

ระดับที่ 1 "ราคาทองคำ" ที่คำนวณจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน ก็จะได้ราคาทองคำที่ระดับ 1,762 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

และระดับที่ 2 "ราคาทองคำ" ที่คำนวณจากค่าเฉลี่ย SMA (Simple Moving Average) 200 วัน ก็จะลงต่ำลงมาถึง 1,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

นั่นหมายความว่า ณ เวลานี้ หาก "ราคาทองคำ" ร่วงลงไปต่ำที่สุดก็อาจอยู่ที่ราวๆ ระดับ 1,600-1,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

...

แต่ถามว่า "ทำไม 'ราคาทองคำ' ถึงไม่ร่วงลงไปต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย SMA 200 วัน?"

คำตอบก็เพราะว่า 'นักลงทุน' ยังมองเห็นภาพความไม่แน่นอนชัดอยู่

และปัจจัยที่ทำให้เห็นภาพนั้น ก็มาจากความตึงเครียดทางการเมืองที่ผูกโยงเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนยังคงเดือดอยู่ และมีทีท่าว่าจะเดือดขึ้นเรื่อยๆ ที่ตอนนี้จากสงครามการค้าขยายเป็น "สงครามเทคโนโลยี" ไปแล้ว แม้ว่าโลกจะกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 อยู่ก็ตาม

อีกทั้ง "การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ" ก็ใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่า 'โจ ไบเดน' ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกมาประกาศคู่หูท้าชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ 'คามาลา แฮร์ริส' จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีและมีแรงเชียร์สนับสนุนจากประชาชนอยู่ไม่น้อย เพราะหวังว่า พวกเขา จะเข้ามาผ่อนคลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดจากการที่ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ท้ารบกับ 'รัฐบาลจีน' อย่างหนักหน่วงไม่หยุดหย่อน แต่นั่นก็ยังไม่มีอะไรเป็นเครื่องการันตีได้ว่า 'โจ ไบเดน' จะสามารถชนะการเลือกตั้ง และขึ้นเป็น "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ" คนต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น จากพิษโควิด-19 ที่ไม่ได้แค่ทำลายชีวิตมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลกอย่างยับเยิน มีแนวโน้มเชิงลบไปอีกยาว และไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้ ก็ยังทำให้ 'นักลงทุน' หวาดกลัวอยู่

ดังนั้น 'ทองคำ' จึงยังเป็น SAFE HAVEN ที่หลบภัยที่ปลอดภัยที่สุดของนักลงทุนอยู่ แม้จะมีการไหลออกหรือเทขายบ้างเมื่อต้นสัปดาห์ หลังจาก 'รัฐบาลรัสเซีย' ออกมาประกาศว่า 'วัคซีนโควิด-19' สำเร็จแล้ว จนทำให้นักลงทุนเบาใจ กระโดดกลับไปเข้าสู่ 'ตลาดหุ้น' คืนไปบางส่วน แต่ก็กลับพบข้อกังขาอีกมาก จนสุดท้ายก็อาจกระโดดกลับเข้า SAFE HAVEN 'ทองคำ' เหมือนเดิม

...

เท่าที่ดูจากสถานการณ์ ณ เวลานี้แล้ว คาดว่ายังไงเดือนกันยายน "ราคาทองคำ" ก็จะยังคง "ทรงตัว" และอาจมีการสวิงขึ้น/ลงบ้างให้สมกับเป็น "ปีแห่งการตื่นทอง".

ข่าวอื่นๆ: