สิ้นไปแล้วเกือบ 3 ปี แต่ชื่อเสียงเธอยังคงอยู่ สำหรับ “หมอดูอีที” หรือ นางส่วย ส่วย วิน
เธอทิ้งคำนายไว้กับโลกเรามากมายราวกับตาเห็น เช่น ทำนายถึง นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าจะรุ่งเรืองเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ฟ้าไม่ปรานีจรลีไปต่างแดน คำทำนายในช่วงรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะมีการต่อสู้ทางการเมือง 2 ฝ่าย เกิดการสูญเสีย จากนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และผู้ครองอำนาจในเวลานั้นจะสูญหายไม่เหลือซาก
ใช่แล้ว 3 นาทีคดีดัง โดยทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านไปรู้จัก "หมอดูอีที" กับเรื่องราวชีวิตของเธอ..
หมอดูอีที เธอเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นผู้จัดการธนาคารในเมียนมา และแม้ว่าร่างกายจะมีอวัยวะผิดสัดส่วนไปจากปกติทั่วไป ตัวเล็ก ขาและนิ้วคดงอ เดินไม่คล่อง รวมถึงมีพัฒนาการด้านการพูดช้ากว่าปกติ และไม่ได้มีพลังวิเศษหยั่งรู้อนาคตมาแต่กำเนิด
ความสามารถแห่งการทำนายนี้ เริ่มต้นเมื่อ อายุ 15 ปี หลังกลับมาจากไหว้พระ จู่ๆ เธอก็มีอาการป่วยเป็นไข้สูง จนกระทั่งค่อยๆ ทำให้เธอมีอาการหูหนวกและพูดได้น้อยลง
...
คำทำนายแรกที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นก็คือ เมื่อครั้งที่พ่อของเธอย้ายไปทำงานที่เมืองแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าได้เกิดเหตุการณ์ข้าวของเครื่องใช้ของทางราชการสูญหาย
และไม่ว่าทางเจ้าหน้าที่จะเพียรพยายามสืบค้นเท่าไร ก็ไม่พบแม้แต่เงา เมื่อถึงตาจน จึงมีคนมาสอบถามเอากับ หมอดูอีที
จนได้รับคำทำนายว่า ขณะนี้สิ่งของเหล่านั้นกำลังอยู่บนเรือ กำลังล่องไปตามแม่น้ำ ให้รีบตามไปสกัดจับคนร้ายโดยเร็ว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตามไป ก็สามารถสกัดจับคนร้ายได้จริงๆ
ชื่อเสียงของเธอ ถูกพูดต่อจากหมู่บ้านเล็กๆ ขยายไปสู่ระดับตำบล จังหวัด และระดับประเทศ ก่อนที่จะขจรขจายไปสู่ต่างแดน
สำหรับวิธีการดูหมอของ “หมอดูอีที” แตกต่างจากคนทั่วไป คือ เพราะเธอไม่จำเป็นต้องรู้วันเดือนปีเกิด หรือตัวเลขที่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเพียงเห็นหน้าบุคคล ก็สามารถทำนายทายทักบุคคลผู้นั้นได้แล้ว
โดยการถ่ายทอดคำทำนาย แม่หมอจะใช้วิธีเขียนสิ่งที่ได้เห็นจากพลังพิเศษ ลงบนกระดาษ หรือพูดให้น้องสาวของเธอ อ่านริมฝีปากตีความหมาย แล้วนำไปถ่ายทอดกับบรรดาลูกค้าต่ออีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ สิ่งที่ว่า หมอดูอีที สามารถทำนายได้แม่นยำ และเธอมักจะใช้เรียกศรัทธาบรรดาลูกค้าอยู่เสมอ ก็คือ การทำนายเลขธนบัตรในกระเป๋าเงิน
โดยใช้วิธีเพียงเอามือจับที่กระเป๋าเท่านั้น ซึ่งว่ากันว่าคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย หากแต่ใครที่คิดจะให้แม่หมอทำนายทายทักอนาคตนั้น จะต้องมีวาสนาที่ต้องกันกับเธอ
ฉะนั้น แม้มีเงินล้นฟ้า หรือใหญ่บิ๊กเบิ้มมาจากไหน จะมาสั่งให้เธอดูดวงให้ได้ ก็ใช่ว่าเธอจะทำนายให้
โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เธอมองว่า มันสุ่มเสี่ยงที่จะสร้างอันตรายให้กับตัวเองเปล่าๆ
หากแต่มันก็คงมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง สำหรับบรรดาบิ๊กๆ ในเมียนมา และแน่นอน บรรดาคอนเน็กชั่นทางการเมืองที่ยึดโยงกับผู้นำทางทหารของเมียนมาทั้งหลาย ด้วยความเกรงอกเกรงใจ
สำหรับ ค่าครู ในการทำนาย อยู่ในเรตราคาที่สูงมาก ประมาณ 30,000 - 300,000 บาท ภายในเวลา 15 นาทีเท่านั้น! แถมในวันวันหนึ่ง จะรับลูกค้าผู้ที่มีดวงชะตาต้องกัน เพียง 7-8 คนเท่านั้น ส่วนรายได้เหลือคณานับที่ได้จากการดูดวงนั้น หมอดูชื่อดังนำไปใช้ทำนุบำรุงศาสนาด้วยการสร้างวัดในประเทศเมียนมา
ว่ากันว่า เมื่อเธอใช้พลังสำหรับการทำนายอนาคตเสร็จสิ้นลงในแต่ละวัน แม่หมอจะมีอาการเหนื่อยอ่อนลงมากฉะนั้นในเวลาพัก เธอจะต้องสวดมนต์และนั่งปฏิบัติสมาธิอยู่เสมอ ส่วนเวลาที่เหลือนอกเหนือจากการดูดวง เธอจะหมดไปกับการสะสมของที่ชื่นชอบ เช่น เสื้อผ้าที่ออกแบบเอง ตุ๊กตา โดยเฉพาะคิตตี้ และการดูซีรีส์เกาหลี
สำหรับคำทำนายสุดท้าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 คือทำนายว่า หลังจากนี้อาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ หรือสงครามโลก
เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องรอวันเวลาพิสูจน์ ที่สำคัญคือ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ชม 3 นาทีคดีดังที่น่าสนใจ
...