บาดแผลความเจ็บปวดของ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) โดนกรีดเปิดอีกครั้ง... เมื่อ ‘มิตร’ ในวันวาน กลับไปเป็น ‘นักรบ’ แถวหน้าให้ ‘ศัตรู’ ในวันนี้ เส้นทางตลอด 2 ปี กับการถูกตราหน้า ‘สายลับจีน’ ที่แฝงเร้นใน ‘เทคโนโลยี’

แม้ฐานะทางสังคมของ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) จะเป็นถึงยักษ์ใหญ่เทเลคอมของมหาอำนาจ ‘จีน’ แถมยังเป็นผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบด้านเทเลคอมอันดับ 1 ของโลก และผู้ผลิตโทรศัพอันดับ 2 ของโลก แต่กลับไร้ ‘มิตรแท้’ หวานชื่นเพียงแป๊บเดียว ก็พากัน ‘ส่ายหน้า’ หนีไปอยู่กับ ‘ศัตรูถาวร’ อย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ จับมือกัน ‘แบน’ สุดแสนจะชอกช้ำ

ล่าสุด ‘มิตร’ ในวันวานอย่าง ‘สหราชอาณาจักร’ ก็เป็นไปกับเขาด้วย ประกาศ ‘แบนหัวเว่ย’ จากการดำเนินการโครงข่าย 5G ทั้งหมด เสมือน ‘หมัดฮุก’ ที่กระแทกเข้าใส่หน้า ‘จีน’ แบบเต็มๆ พังทลายความหวังและความปรารถนาที่จะได้ขึ้นแท่นเป็น ‘ผู้นำ’ ด้านเทคโนโลยีไร้สายของโลกเละไม่เป็นท่า

หากย้อนกลับไป 2 ปีที่แล้ว ‘มิตร’ รายแรกที่ ‘หักหลัง’ และปล่อย ‘หมัดฮุก’ ให้ ‘หัวเว่ย’ แบบหนักๆ กรีดบาดแผลแรกให้เป็น ‘แผลเป็น’ จนทุกวันนี้ ก็คือ ‘เอทีแอนด์ที’ (AT&T) ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของ ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่ออกมาประกาศถอนตัวจากการเป็น ‘คู่ค้า’ งดวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนของ ‘หัวเว่ย’ อ้างว่ากังวลด้านความปลอดภัย สร้างความเจ็บปวดจน ‘ริชาร์ด หยู’ ถึงกับออกมาแสดงความเสียใจที่สูญเสีย ‘มิตร’ ไป

...

ก่อนที่เดือนต่อมาของปีเดียวกัน ‘คริส เวรย์’ ผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนคดีอาญา หรือ ‘เอฟบีไอ’ (FBI) จะออกมาเตือนและไม่เห็นด้วยที่ชาวอเมริกันจะ ‘ซื้อ’ โทรศัพท์ยี่ห้อ ‘หัวเว่ย’ และ ‘แซดทีอี’ (ZTE)

ใช่แล้ว... ทั้ง 2 ยี่ห้อ เป็น ‘โทรศัพท์สัญชาติจีน’

เพราะ FBI กังวลว่านี่อาจเป็น ‘สายลับจีน’ ที่แฝงเร้นมาในคราบเทคโนโลยี เพื่อหวังเข้ามาดูดเอาข่าวกรองและข้อมูลสำคัญๆ ส่งกลับไปให้กับ ‘รัฐบาลจีน’

และแล้ว ‘หัวเว่ย’ ก็พบกับความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อ ‘เบสท์ บาย’ (Best Buy) ร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็น ‘คู่ค้า’ ก็ออกมาประกาศ ‘หยุดขาย’ สมาร์ทโฟนหัวเว่ยตาม AT&T ไปอีกราย

แต่คราวนี้ ‘หัวเว่ย’ ไม่ได้ออกมาโต้แย้งอะไรมาก แค่กล้ำกลืนความเจ็บปวดและเอ่ยปากยกย่อง ‘Best Buy’ เป็น ‘คู่ค้าที่มีค่า’

การสูญเสีย ‘มิตร’ ไป 2 ครั้งติดๆ ทำให้นักวิเคราะห์ทั่วโลกถึงกับเรียกว่า ‘โศกนาฏกรรมหัวเว่ย’

ยามนั้นมีแค่ ‘สหรัฐอเมริกา’ เพียงประเทศเดียวที่ออกมาประกาศตัวเป็น ‘ศัตรู’ กับ ‘หัวเว่ย’ อย่างชัดเจน

ส่วนประเทศอื่นๆ น่ะหรือ?

ไม่เคยคิดที่จะร่วมวงด้วยหรอก หันหน้ายิ้มจับมือเป็น ‘มิตร’ แบบเรียงคิว ทำให้ธุรกิจ 5G ของ ‘หัวเว่ย’ เติบโตดีวันดีคืน จับปากกาทำสัญญาพัฒนาโครงข่าย 5G ร่วมกันกับบริษัทเทเลคอมหลายแห่งทั่วโลก รวมแล้วมากถึง 91 สัญญา ซึ่งมากกว่าครึ่ง หรือ 47 สัญญา อยู่ในยุโรป อีก 27 สัญญา อยู่ในเอเชีย และ 17 สัญญา ในประเทศอื่นๆ

ขนาด ‘เฟซบุ๊ก’ (Facebook) ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียสัญชาติอเมริกัน ยังแอบๆ หลบหลีกสายตาประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ มาทำสัญญาร่วมกัน จนกระทั่งมีคนแอบรู้เห็น และเปิดเผยรายงานออกมาว่า ความสัมพันธ์ของ ‘เฟซบุ๊ก’ กับ ‘หัวเว่ย’ นี่ไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่ว่า "ให้สิทธิพิเศษในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้กันเลยทีเดียว"

...

หวานชื่นดีใช่หรือไม่?

ก็คงจะใช่! เพราะเวลานั้น ยอดขาย ‘หัวเว่ย’ เรียกว่าถล่มทลาย มียอดขนส่งสินค้าสูงกว่า 100 ล้าน แถมยังปล่อยหมัด ‘น็อก’ ยักษ์ใหญ่ ‘แอปเปิล’ (Apple) จนร่วง แล้วขึ้นแท่นอันดับ 2 ยอดขายโทรศัพท์สูงสุดในโลกแทน

แต่การมี ‘มิตรแท้’ ของ ‘หัวเว่ย’ กลับเป็นแค่ภาพลวงตา...

เมื่อวุฒิสภาสหรัฐฯ เรียกสอบพยานหลักฐานจาก ‘เฟซบุ๊ก’ พ่วงมาด้วย ‘ทวิตเตอร์’ (Twitter) ทันที

แถมปลายปี 2561 ยังร้อนระอุสะเทือนเป็นข่าวใหญ่ทั้งโลก คงยังจำกันได้กับพาดหัวตัวโตๆ "แคนาดารวบตัวซีเอฟโอหัวเว่ย"

‘เหมิง หวันโจว’ ซีเอฟโอหัวเว่ย ที่ถูกจับกุมที่ ‘แคนาดา’ ตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของ ‘สหรัฐอเมริกา’ ด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงแทรกแซงอำนาจในอิหร่าน แต่สุดท้ายก็ได้ประกันตัวด้วยวงเงินสูงถึง 317 ล้านบาท

...

แม้แต่ใน ‘โปแลนด์’ ก็ไม่รอด!

พนักงานหัวเว่ยถูกจับกุม ด้วยข้อกล่าวหาเป็น ‘สายลับ’ จากนั้น 3 วันต่อมา ‘หัวเว่ย’ ก็รีบไล่พนักงานคนนั้นออกทันที ...เป็นนัยว่า "ฉันไม่เกี่ยวนะ..."

อ้อ... อดีตมิตรอย่าง ‘แคนาดา’ นอกจากจะจับกุม ‘ซีเอฟโอหัวเว่ย’ แล้ว ยัง ‘แบน’ เทคโนโลยี 5G อีกด้วย ทำเอา ‘หัวเว่ย’ กัดฟันจนเส้นเลือดปูดโปน แถมขู่ฟ่อๆ ระวังจะโดนสวนกลับ

กลับมาที่ ‘สหราชอาณาจักร’ กันอีกรอบ ที่เริ่มต้นมิตรภาพกับ ‘หัวเว่ย’ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 กับการตกลงร่วมมือกันพัฒนาโครงข่าย 5G แต่อยู่ดีๆ ก็กลับลำ ลืมสิ้นความเป็น ‘มิตร’ ตัดสัมพันธ์กันฉึบๆ! แถมยังตัดหลังจาก ‘สหรัฐอเมริกา’ ลงโทษขั้นสูงสุดกับ ‘จีน’ ไปแบบสดๆ ร้อนๆ ด้วย

จน ‘หัวเว่ย’ ถึงกับออกปากเลยว่า "ปี 2563 นี่ยากจริงๆ"

โดยการตัดสินใจ ‘แบนหัวเว่ย’ ของ ‘สหราชอาณาจักร’ ในครั้งนี้ ก็เหมือนเป็น ‘ตัวกระตุ้น’ ให้เหล่านายทุนสัญชาติยุโรปทั้งหลายต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่กันอีกรอบ ว่าจะเดินหน้าต่อไปดีไหม?

...

แต่คาดว่าจะมีประเทศอื่นๆ ตามมาแน่นอน โดยเฉพาะ ‘เยอรมนี’ และ ‘ฝรั่งเศส’

เอ่ยถึง ‘เยอรมนี’

จริงๆ แล้ว ‘สหรัฐอเมริกา’ เคยออกมาเตือนให้หยุดขายและแชร์เทคโนโลยีร่วมกันกับ ‘หัวเว่ย’ มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 แล้ว แต่ ‘แอนเจลา มาร์เคิล’ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กลับไม่สน แต่กลับเดินหน้าผลักดัน 5G ร่วมกับ ‘หัวเว่ย’

ยังคงเป็นมิตรที่ดี...จนถึงปัจจุบัน

อย่าง ‘ดอยท์เชอเทเลคอม’ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของเยอรมนี ก็พึ่งพาอุปกรณ์หัวเว่ยมากกว่า 90% ของโครงข่าย

แต่ถ้าหากว่า ‘เยอรมนี’ จะกลับลำเปลี่ยนข้างเหมือนอย่าง ‘สหราชอาณาจักร’ ก็มีความกังวลที่น่าหนักใจอยู่เหมือนกัน หากว่ากันตามจริง ‘สหราชอาณาจักร’ แบน ‘หัวเว่ย’ ก็ไม่ได้กระทบอะไรมากนัก แต่ถ้าเป็น ‘เยอรมนี’ อาจมีการโต้กลับกันเกิดขึ้น และหลายๆ คนมองแล้วว่า ‘จีน’ คงใช้วิธีทางการค้า เหมือนอย่างที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ทำ โดยปี 2562 ‘เยอรมนี’ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าไป ‘จีน’ ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท เป็นอันดับ 2 ตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดรองจากสหรัฐอเมริกา

ถ้าจะร่ายยาว ‘มิตร’ ที่กลายเป็น ‘ศัตรู’ ของ ‘หัวเว่ย’ ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ ก็คงต้องใช้กระดาษหลายแผ่นอยู่พอสมควร นอกจากที่พูดๆ มาแล้วก็ยังมีออสเตรเลียและญี่ปุ่นอีก (ไม่รวมรายบริษัทนะ...)

แต่หากถามความรู้สึก ‘หัวเว่ย’ ณ เวลานี้ เขาก็บอกเพียงแค่ว่า ‘ผิดหวัง’

แถมยังเชื่อแบบสุดใจด้วยว่า การ ‘แบนหัวเว่ย’ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก จาก ‘มิตร’ กลายเป็น ‘ศัตรู’ ก็เพราะ ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่ตั้งตัวเป็นตัวตั้งตัวตี ‘ศัตรูหัวโจก’ ที่แอบเอานโยบายการค้าไปกดดันประเทศนู้นประเทศนี้ ไล่บี้ให้คนมาร่วมด้วย ไม่ใช่ความกังวลความปลอดภัยอย่างที่เอามาอ้างหรอก

และถึงแม้ ‘หัวเว่ย’ จะโดน ‘มิตร’ หักหลัง แต่ก็ขอเหน็บ ‘สหรัฐอเมริกา’ หน่อยว่า "ที่ตามจิกกัดไม่หยุดหย่อนก็เพราะแข่งขันทางเทคโนโลยีไม่ได้ ทำได้แค่โชว์ทัศนคติแบบคนแพ้"

เรียกว่าเป็น ‘มวยคู่เอก’ ที่ห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว

อ้อ...ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ‘สหรัฐอเมริกา’ ก็ได้มีการออกมาผลักดัน "Clean Path Initiation" ที่ต้องการให้ประเทศอื่นๆ และผู้ให้บริการคมนาคมทั่วโลก รับประกันว่า การสื่อสารระหว่างสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นที่สถานทูตหรือกองทัพที่ประจำการอยู่นอกประเทศทั้งหมด จะปราศจากอุปกรณ์ของ ‘จีน’

และแน่นอนว่า พอ ‘สหราชอาณาจักร’ กระโดดมาร่วมแจมด้วย ก็นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เลยก็ว่าได้

ส่วน ‘สหราชอาณาจักร’ ที่ออกมา ‘แบนหัวเว่ย’ จะเสียอะไร ก็คงไม่มากนัก แต่อย่างน้อย 5 ปีนี้ การพัฒนาโครงข่าย 5G ก็คงไม่เกิด

สำหรับ ‘บ้านเรา’ ที่มีการทำสัญญาพัฒนาโครงข่าย 5G ร่วมกับ ‘หัวเว่ย’ เช่นกัน ยังคงไม่เห็นแวว คงต้องรอสักปีหน้าอาจจะพอเห็นภาพชัดขึ้น.

ข่าวอื่นๆ: