เรียกว่าเป็นที่พูดถึงมากในขณะนี้ สำหรับ แผน "แหกคุก" ของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่โดนคดีอุกฉกรรจ์หลายข้อหา โดยเฉพาะคดีฆ่าอำพรางนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้

หากมองย้อนกลับไปในอดีต คุกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง “เรือนจำกลางบางขวาง” ก็เคยมีนักโทษคนหนึ่ง เคยแหกคุกหนีลอยนวลไปเกือบ 10 ปี

3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอย้อนรอยเหตุการณ์ครั้งนั้น

7 สิงหาคม 2531 วันพบญาติ เป็นวันที่เหล่าผู้ต้องขังได้โอกาสได้เจอครอบครัว คนที่รัก พ่อแม่พี่น้อง อีกด้านหนึ่ง...วันนี้ ก็เป็นวันที่เหล่าพี่ใหญ่ ผู้คุมเรือนจำต้องทำงานหนักกว่าวันอื่นๆ

กลางดึกวันนั้น มีเสียงผิดปกติเล็ดลอดดังขึ้น.. แต่ไม่ดังพอที่ผู้คุมจะได้ยิน เสียงเลื่อยเหล็ก เสียงง้างลูกกรง ดังเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเงียบหายไป

กระทั่ง รุ่งสางถึงเวลาอาหาร ผู้คุมก็ต้องตื่นตระหนก เพราะมีนักโทษรายหนึ่งหายไป

“นช.ระทม หอมดี” (มีอีกหลายชื่อ อาทิ เปี๊ยก, สมศักดิ์, สันติ, เสนาะ) ไอ้เสือร้ายก่อคดีอุกฉกรรจ์มากมาย ปล้นทรัพย์ ฆ่าเจ้าทรัพย์ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลายพื้นที่ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยถูกคำพิพากษา “ประหารชีวิต” บางคดีจำคุกตลอดชีวิต เรียกว่าสะสมความผิด จนอาจไม่มีวันได้รับอิสรภาพ

ใครจะคิดว่า “คุกที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ” จะถูก “นช.ระทม” จารึกชื่อว่าเป็นนักโทษคนแรกและคนเดียว “แหก” ออกมาได้

...

เมื่อตรวจสอบพบว่า นช.ระทม ได้หายตัวไปจาก “ห้องซอย” หรือ “ห้องขังเดี่ยว” โดยมีพยานได้ยินเสียงง้างเหล็กราวตี 3 คาดว่าได้เตรียมอุปกรณ์บางอย่าง เลื่อยลูกกรงหนา 4 หุน จนสามารถง้างได้

จากการสอบสวนทราบว่า พฤติการณ์ของ นช.ระทม นั้น พบว่ามีการเตรียมตัวมานาน แม้จะถูกขังในห้องขังเดี่ยว แต่แอบเก็บเศษผ้ามาซุกไว้ใต้ที่นอน เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาแอบใช้หลบหนี ใช้ผ้าบางส่วนสำหรับโรยตัว และใช้วิธีการบางอย่างจัดการกับ “กระแสไฟฟ้า” ที่ปล่อยรอบเหนือกำแพงสูง

สิ่งที่ นช.ระทม ทิ้งไว้คือ รอยเท้า ที่ริมกำแพงคุกด้านทิศใต้ และบนกำแพงคุก ผ้าขาวม้า กองอยู่บนบ้านพัก ผู้กำกับ สภ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านติดกับเรือนจำ โดยมีตำรวจอาศัยอยู่

หลัง “นักโทษหาย” นายวิวิทย์ จตุปาริสุทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำบางขวาง ขณะนั้น ได้สั่งการให้ นายชวาเรศ จารุบุญ เพชฌฆาตมือ 2 ออกตามล่า ร่วมกับตำรวจ

ด้าน นายวิญญู พานิชการ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ปกติการป้องกันของเรือนจำแน่นหนามาก เดินไฟฟ้าไว้ตลอด อาจเป็นช่วงที่ไฟฟ้าดับก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมา โอกาสนักโทษหลบหนีมีเพียงศูนย์กว่าเปอร์เซ็นต์ หลายฝ่ายคิดว่าที่หนีไปได้เพราะเป็นวันพบญาติ แต่ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น

ทั้งนี้ ตำรวจได้แบ่งพื้นที่ค้นหาออกเป็น 3 จุด ตามที่อยู่ของญาติ คือ บ้านพ่อแม่ ที่ จ.ปราจีนบุรี แต่ก็หาไม่พบ

บ้านน้องสาว ย่านพหลโยธิน กรุงเทพฯ ก็ยังไม่เจอ และที่บ้านลุง นช.ระทม ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ยังไม่มีวี่แวว

“นักโทษชายระทม มีประวัติร้ายกาจ เป็นอันตรายต่อสังคมมากจึงประกาศขอความร่วมมือกับประชาชน หากรู้เบาะแสสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุม จะมีเงินรางวัล 1 หมื่นบาท” พ.ต.อ.ดำรง อินทปันตี ผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี กล่าว

แม้ตำรวจจะให้ข่าว ตั้งค่าหัว แต่ นช.ระทม ก็ยังลอยนวล เหมือนดำดินหนีหายไป

กระทั่ง 8 ปีต่อมา วันที่ 4 กันยายน 2539 กองปราบปราม สามารถตามจับ “นช.ระทม” หรือ ไอ้เสือระทม เสือตัวสุดท้ายแห่งเมืองกรุงได้ ที่ ปากทางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จ.ปทุมธานี

ในทีแรก เสือระทม ไม่ปริปากพูดอะไร ได้แต่ปฏิเสธ ว่าไม่ใช่คนที่แหกคุกบางขวาง แต่เมื่อเค้นหนักเข้า สุดท้ายก็คายความจริงออกมา โดยหลังออกจากคุกได้ ได้ปลอมตัวเป็นพระ และขโมยเรือชาวบ้านพายหนี จากนั้นก็ไปยึดอาชีพเป็นเซียนพระ

...

“ผมไม่อยากตายในคุก จำเป็นต้องหลบหนีให้ได้ เพราะต้องโทษประหารชีวิต ถึงแม้จะได้รับการลดโทษ แต่ก็ยังเหลือโทษจำคุกถึง 71 ปี หลังหนีออกมาได้ ก็เป็นข่าวดัง และมารู้ทีหลังว่าเป็นคนแรกที่แหกคุกบางขวางได้ ช่วงที่โดนขังเดี่ยว ได้แอบใช้มีดโกน หรือมีดเหลาดินสอ ค่อยๆ เลื่อยกรงขัง โดยใช้เป็นเดือน ส่วนผ้าขาวม้าที่พบ ก็แอบไปขโมยนักโทษคนอื่น”

ส่วนวิธีการออกมาโดยผ่านลวดไฟฟ้าที่มีกระแสไฟ 2 หมื่นโวลต์นั้น ไอ้เสือระทม สารภาพกับเจ้าหน้าที่จนสิ้น

นช.ระทม ยอมรับว่า ที่ผ่านมา เคยแหกห้องขังมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งบน สน.มักกะสัน ใช้ใบเลื่อยตัด 3 วัน ก็หนีออกมาได้ อีกครั้งที่ เป็นการแหกคุกที่ร้อยเอ็ด ครั้งนั้นเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ที่เผลอเปิดประตูไว้ และก็ครั้งนี้ที่คุกบางขวาง เป็นการแหกคุกที่ยากและเหนื่อยที่สุด หลังสิ้นเสียงคำสารภาพ ตำรวจได้นำตัวไปดำเนินคดี

ในวันที่ 6 กันยายน 2539 เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางบางขวางพร้อมอาวุธครบมือ ไปขอรับตัว นช.ระทม ที่กองปราบปราม นำตัวมาคุมขังที่ตึกแดง หรือ ขังมืด แดน 2 เพื่อเป็นการลงโทษตามระเบียบของเรือนจำ

...

จากนั้น ตำรวจได้ขออายัดตัวไว้ และดำเนินคดีอีกหลายข้อหา โดยต้องชดใช้โทษทางอาญาที่ตัวเองก่อไว้จนหมด

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

ชมสกู๊ป 3 นาทีคดีดังที่น่าสนใจ