อยู่ดีๆ ‘รัสเซีย’ ก็มีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระโดดเข้าสู่ Top 10 แซงหน้า ‘จีน’ จนต้องงัดมาตรการ ‘ปิดเมือง’ มาสกัด การใช้ชีวิตต้องปรับเปลี่ยน ไม่เว้นแม้แต่ดินแดนอันหนาวเหน็บอย่าง ‘ไซบีเรีย’
เดือนเมษายน 2563 นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ ‘รัสเซีย’ หลังตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว จากตัวเลขหลักพันต้นๆ สะสมรวม 1,836 รายในวันที่ 30 พฤษภาคม เพียง 1 เดือน ทะลุแสนราย และในวันนี้ (3 พ.ค.) มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 134,687 ราย แค่วันเดียวผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มถึง 10,633 ราย และมีเสียชีวิตสะสม 1,280 ราย กลายเป็นอันดับ 7 ประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมมากที่สุดในโลก แซงหน้าจีน, ตุรกี และอิหร่านไปแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นสูง มาตรการ ‘ปิดเมือง’ หรือ ‘ล็อกดาวน์’ (Lockdown) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคงไว้ ประธานาธิบดี ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ แห่งรัสเซีย ประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม และหลังจากนั้นจะค่อยๆ ทยอยผ่อนปรน แต่หากว่าประชาชนไม่ยอม "โดดเดี่ยวตัวเอง" หรือ Self-Isolation ในช่วงวันหยุด หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะขยายมาตรการต่อไปอีก
...
การอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ของชาวเมืองรัสเซียเป็นอย่างไร? และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว?
เปิดมุมมองและชีวิตช่วงปิดเมืองผ่าน ‘ยลรดี ธุววงศ์’ นักศึกษาไทยในรัสเซีย ที่มักจะเล่าเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ผ่านเพจ ‘ข้ามอัลไตไปไซบีเรีย’ แต่ในวันนี้มาเล่าผ่าน ‘ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์’
‘ยลรดี’ เริ่มต้นบทสนทนาจากดินแดนอันหนาวเหน็บ ‘ไซบีเรีย’ ว่า ช่วงนี้อากาศที่รัสเซียเริ่มอุ่นๆ แล้ว ซึ่งที่ไซบีเรียอากาศค่อนข้างเหวี่ยงๆ บางวัน 10 องศาเซลเซียส และบางวันก็ 20 องศาเซลเซียส
แต่หากถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ ในรัสเซีย ณ เวลานี้ ‘ยลรดี’ ยอมรับว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น มีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในเมืองที่เธออาศัยอยู่นั้น มีผู้ป่วยติดเชื้อราวๆ 400 ราย
จากตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ ดังกล่าว หากเป็นของจังหวัดในเมืองไทยคงเกิดความตึงเครียดกันทั่วหน้า แตกต่างกับชาวเมืองในดินแดนหนาวเหน็บแห่งนั้น ที่ ‘ยลรดี’ บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ว่า ไม่ค่อยตึงเครียดกันสักเท่าไร ยังคงใช้ชีวิตกันแบบชิลๆ และด้วยอากาศที่เริ่มอุ่น ก็ทำให้มีชาวเมืองออกมาเดินเล่นบนถนนกันเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยกังวลนัก เพราะมองว่าจุดสาหัสที่สุด คือ ‘มอสโก’ ซึ่งค่อนข้างห่างไกล
ถ้าย้อนกลับไปดูตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ ของรัสเซีย เห็นได้ว่า ในช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา มีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000-6,000 รายต่อวัน ทำให้สะสมรวมทะลุแสนรายในวันสิ้นเดือน 30 เมษายนพอดิบพอดี
...
ทำไมตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ของรัสเซียถึงเพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดนั้น?
เหตุผลที่ "รัฐบาลรัสเซีย" ให้คำตอบกับชาวเมืองคืออะไร?
‘ยลรดี’ บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ว่าเป็นเพราะทางการรัสเซียมีการไล่ติดตามตรวจบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ รายก่อนหน้านั่นเอง ที่สำคัญจากข้อมูลรายละเอียดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ พบว่า หลายคนถูกตรวจพบตั้งแต่ยังไม่มีอาการ
ซึ่งจากมาตรการเชิงรุกของทางการรัสเซีย ทำให้ชาวเมืองหลายๆ คน รวมถึง ‘ยลรดี’ เองยังคงมั่นใจว่าจะสามารถรับมือการแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ นี้ได้
"ที่เห็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เยอะ เป็นเพราะทางการรัสเซียกว้านตรวจเยอะมาก ถ้านับจำนวนการตรวจหาผู้ติดเชื้อทั้งหมด ณ เวลานี้ รัสเซียอยู่อันดับ 2 ของโลก แล้วทางการรัสเซียเองก็พยายามบอกว่า สาเหตุที่ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อเยอะ นั่นเพราะว่าตรวจผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งส่วนหนึ่งเจอตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ที่น่าเป็นห่วงอาจมีแค่ที่มอสโกแห่งเดียว ที่อาจจะมีอุปกรณ์การแพทย์รองรับไม่พอ"
...
โดยรวมแล้ว ‘ยลรดี’ ถือว่าไม่น่าห่วง เพราะที่ผ่านมาทางการรัสเซียก็ดูรับมือจริงจังประมาณหนึ่ง
ซึ่งที่นอกเหนือจากมาตรการเชิงรุกที่ทางการรัสเซียลุยอย่างเต็มที่แล้ว อีกหนึ่งมาตรการอย่างการ ‘ปิดเมือง’ (Lockdown) ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ‘โควิด-19’ และแน่นอน เมื่อมีการปิดเมืองก็ย่อมกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวเมือง การใช้ชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง หลายๆ อย่างอาจทำได้ยากขึ้น การไปใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บ ‘ไซบีเรีย’ ของ ‘ยลรดี’ ก็คงไม่เหมือนเดิม
ชีวิตที่นั่นเป็นอย่างไร?
ชาวเมืองมีการต่อต้านเหมือนอย่างประเทศอื่นๆ หรือไม่?
‘ยลรดี’ บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ว่า เท่าที่เห็นยังไม่มีการต่อต้านอะไรจริงจัง เพราะแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น และโดยส่วนใหญ่ ชาวเมืองก็พอเข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น แต่อาจจะมีบ่นๆ ว่าเบื่อบ้าง หรืออยากให้จบไวๆ บ้าง
...
โดยส่วนตัว ‘ยลรดี’ แล้ว เธอยอมรับว่า ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เท่าไรนัก เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่การใช้ชีวิตหลายๆ อย่างก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป เช่น การเรียนเทอมสุดท้ายของการใช้ชีวิตในไซบีเรียก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นเรียนแบบออนไลน์ หรือการออกไปซื้อของข้างนอกก็น้อยลง จากปกติที่มักจะนั่งรถออกไปซื้อของในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองก็เปลี่ยนมาซื้อของแถวที่พักแทน
แม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์ของรัสเซียจะมีการประกาศใช้ทั่วประเทศ แต่ในบางเมืองก็มีการผ่อนปรนบ้าง ไม่ได้บังคับเข้มงวดจริงจัง เช่น ดินแดนอันหนาวเหน็บ ‘ไซบีเรีย’ เมืองที่ ‘ยลรดี’ อยู่ เธอบอกว่าที่นี่จะเป็นเชิงการรณรงค์มากกว่า โดยนายกเทศมนตรีประกาศให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ใช้ขนส่งสาธารณะ แต่ที่มีผลกระทบโดยตรงคือ โรงเรียน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ
แตกต่างกับทาง ‘มอสโก’ ที่การแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ รุนแรง ทางการรัสเซียจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างจริงจังและเข้มงวดมากเป็นพิเศษ
"การเดินทางข้ามเมืองยังคงทำได้ แต่รถโดยสารจะมีน้อยกว่าปกติ ซึ่งหากใครจะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง รัสเซียจะมีการเข้มงวดมากๆ ในเขตที่มีการแพร่ระบาดหนักๆ เช่น ‘มอสโก’ ที่หากจะออกจากบ้านต้องทำหนังสือขออนุญาตก่อน แต่บางเมืองไม่มีมาตรการนี้"
ในส่วนของร้านรวงหรือร้านอาหารต่างๆ ด้วยความเป็นดินแดนอันหนาวเหน็บที่ ‘ไซบีเรีย’ จึงไม่ค่อยมีร้านอาหารแบบนั่งกินสักเท่าไร และร้านขายของก็ยังคงเปิดเป็นปกติ แต่มีการนำมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing มาใช้ เช่น การขีดเส้นให้ยืนห่างกัน และเริ่มมีการนำขวดแอลกอฮอล์เจลมาตั้งให้ลูกค้าล้างมือก่อนเข้า-ออก
"ปกติถ้าไม่มี โควิด-19 แพร่ระบาด หากเป็นช่วงหน้าหนาวก็ไม่ค่อยมีคนออกมาเดินเล่นกันอยู่แล้ว แต่ถ้าอากาศเริ่มอุ่น คือ อุณหภูมิมากกว่า 0 องศาเซลเซียส หรือประมาณช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป ก็จะเริ่มมีการออกมาเดินเล่นกันเยอะ"
ก่อนปิดท้ายการสนทนากับ ‘ยลรดี’ ทีมข่าวเฉพาะกิจฯ จึงถามถึงแพลนที่จะกลับเมืองไทย หลังมีนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศทยอยกลับกันมากพอสมควร เธอบอกว่า ตามกำหนดเดิมจะกลับช่วงต้นเดือนกรกฎาคมอยู่แล้ว จึงตัดสินใจรอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน แม้ว่าจะมีนักศึกษาไทยที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์การแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ กลับไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม
ซึ่ง ‘ยลรดี’ คาดว่าตัวเลขในรัสเซียน่าจะคุมได้ แต่ที่ยังไม่มั่นใจคือ เครื่องบินพาณิชย์จะบินได้ไหม หรือไทยจะเปิดให้เข้าโดยไม่ต้องใช้ Fit to Fly หรือไปกักตัวหรือยัง เพราะเมืองที่เธออาศัยอยู่การจะขอใบดังกล่าวต้องจองล่วงหน้า และต้องเจรจากับหมอว่าต้องการใบรับรองอย่างไร เพราะไม่ได้มีระบบแบบนี้มาก่อน
ถึงตอนสุดท้าย อีก 2 เดือนข้างหน้า สถานการณ์การแพร่ระบาด ‘โควิด-19’ ในรัสเซียและเมืองไทยจะกลับสู่ภาวะปกติได้หรือไม่คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงการให้ความร่วมมือในมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐ เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้โดยเร็ว.