วันที่ 15 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการเดินพาเหรดตบเท้าอย่างกึกก้อง ดังสะท้านไปทั่วทั้งจตุรัส "คิม อิล ซุง" กลางกรุงเปียงยาง ในวันเฉลิมฉลองแห่งชาติ The day of the sun หรือ "วันแห่งสุริยะ" ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 105 ปี ของผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ
ซึ่งโดยปกติมักจะสร้างความน่าประหวั่นพรั่นพรึงให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านบนคาบสมุทรเกาหลี จากการเบ่งกล้ามโชว์แสนยานุภาพที่ขนกันมาทั้งกองทัพ แต่ในปีนี้...กลับเกิดเรื่องผิดปกติ ที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวโลก โดยเฉพาะ "บรรดาหน่วยงานข่าวกรองของตะวันตก" และพันธมิตรผู้ใกล้ชิดอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง
นั่นเป็นเพราะ... เหตุไฉน? ผู้นำคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือ "คิม จอง อึน" วัย 35 ปี จึงไม่ออกมาปรากฏตัว ปรบมือต้อนรับแสนยานุภาพอันเกรียงไกรกองทัพเกาหลีเหนือ ที่ริมระเบียงห้องสมุดมหาประชาชนเหนือจตุรัส "คิม อิล ซุง"!
"ระเบียง" ซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานะการสืบทอดอำนาจบนดินแดนโสมแดงอย่างเป็นทางการของเขาต่อชาวโลกเมื่อปี 2010
...
ผู้สืบสายเลือดจากผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ และชายผู้อยู่ในฐานะหลาน ซึ่งก้าวเท้าขึ้นสู่อำนาจต่อจากพ่อ "คิม จอง อิล" ในฐานะรุ่นที่ 3 ของตระกูลคิม มาตั้งแต่อายุเพียง 27 ปี มีเหตุผลอะไร? จึงไม่สามารถออกมาปรากฏตัวในวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศเช่นนี้ได้?
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพียง 4 วัน สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือเพิ่งฉายภาพของท่านผู้นำ "คิม จอง อึน" ไปปรากฏตัวเพื่อเข้าร่วมการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์อยู่เลย
อะไรคือ สิ่งที่ซุกซ่อน "ภายใต้เงามืด" ในเครื่องหมายคำถามโตๆ ที่ว่านี้กันแน่?
เสียชีวิต ป่วยหนัก หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายใน ทั้งหมดคือ หนึ่งในความพยายามค้นหาคำตอบของคำถามที่หน่วยข่าวกรองตะวันตก รวมถึงเกาหลีใต้และญี่ปุ่น กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ "เพื่อเจาะปราการอันแแข็งแกร่ง" เข้าไปไล่ล่าหาข้อมูล
หลังยังคง "ไร้ความพยายาม" ที่จะ "ตอบสนอง" ต่อ "คำถาม" เหล่านั้นจากเปียงยาง หรือแม้แต่ มหามิตรผู้แสนใกล้ชิดอย่างจีน ที่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หรือแม้กระทั่ง "พยายาม" ทำให้เกิดความชัดเจนท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้นทั้งมวล
ไม่มีทั้งการตอบรับ ปฏิเสธ หรืออย่างน้อยที่สุด แค่พยายามโชว์ภาพการทำกิจกรรมอะไรก็ได้ของ ท่านผู้นำคนปัจจุบัน เพื่อสยบ "ทุกข้อสงสัย"
ไม่มี ไม่มี และยังไม่มี ไม่มีคำตอบใดๆ จากเปียงยาง
การหายตัวปริศนาโลกตะลึง ในงานเฉลิมฉลองวันแห่งสุริยะนี้ เหตุไฉนมันจึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดนักน่ะหรือ?
งั้นเราลองย้อนเวลากลับไปในยามที่ประเทศเกาหลีเหนือเกิดเหตุการณ์ในลักษณะที่ "ใกล้เคียง" กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปี 2020 กันดู
...
ปี 2008
ในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี การก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ อดีตผู้นำรุ่นที่ 2 คือ "คิม จอง อิล" ไม่ไปปรากฏตัวในงานดังกล่าว ท่ามกลางความสงสัยของชาวโลกเรื่อง "ปัญหาด้านสุขภาพ" ก่อนที่ทางการเปียงยางจะประกาศยอมรับกับชาวโลกในเวลาต่อมา ว่า ท่านผู้นำรุ่น 2 มีอาการป่วยหนักจากโรคเส้นเลือดในสมองแตก
จากนั้น "ปัญหาด้านสุขภาพ" ของท่านผู้นำ "คิม จอง อิล" ก็ค่อยๆ แย่ลง ตราบจนกระทั่งเสียชีวิตลงในปี 2011
...
ปี 2014
หลัง "คิม จอง อึน" ไม่ออกมาปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ท่ามกลางข่าวลือเรื่อง "ปัญหาด้านสุขภาพ" เช่นกัน
แต่แล้วคล้อยหลังเพียงไม่กี่วันต่อมา "คิม จอง อึน" กลับเร่งรีบออกมา "ปรากฏตัวต่อสาธารณชน" ทันที แม้ว่าภาพที่ออกมาท่านผู้นำจะต้องเดินโดยมีไม้เท้าช่วยพยุงตัว และทางหน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้อธิบายว่าเป็นเพราะผู้นำเกาหลีเหนือเข้ารับการผ่าตัดซีสต์ออกจากข้อเท้า
เช่นนี้แล้ว หากตัดภาพกลับมา ณ เวลาปัจจุบัน พอจะสรุปได้หรือไม่ว่า "น่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น?" เหนือเส้นขนานที่ 38!
ปัจจุบันมีข้อมูลอะไรบ้าง? ที่พยายามอธิบายถึง "การอันตรธานปริศนา" ที่อาจสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
"ปัญหาด้านสุขภาพ" กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุด ที่ถูกเชื่อมโยงถึง "การอันตรธานปริศนา" ที่ว่านี้
...
ข้อมูลปัจจุบันจากโลกตะวันตก
นายโรเบิร์ต โอเบรียล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว FOX NEWS ว่า สหรัฐฯ กำลังจับตาสถานการณ์ในเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพของผู้นำเกาหลีเหนือ ขณะที่ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เองก็ไม่ต่างกัน บอกกับสื่อว่า กองทัพสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการประเมินและตรวจสอบรายงานเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพของ "คิม จอง อึน"
ข้อมูลปัจจุบันจากเกาหลีใต้
สำนักข่าว Daily NK ของเกาหลีใต้ ที่เน้นรายงานข่าวคราวความเคลื่อนไหวภายในเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ รายงานว่า "คิม จอง อึน" มีปัญหาเรื่องสุขภาพจากการสูบบุหรี่จัด เป็นโรคอ้วน และทำงานหนัก จนต้องเข้ารับการผ่าตัดระบบหลอดเลือดหัวใจที่โรงพยาบาลฮยังซัน เมื่อวันที่ 12 เมษายน และหลังการผ่าตัด ผู้นำเกาหลีเหนือมีอาการดีขึ้นแล้ว และทางคณะแพทย์ให้กลับไปพักฟื้นและรอดูอาการ เมื่อวันที่ 19 เมษายน
"มูจองอิน" (Moon Chung-in) ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยกับสำนักข่าว CNN โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า "คิม จอง อึน" ยังคงมีชีวิตอยู่ และปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ Wonsan ตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 เมษายน และปัจจุบันยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และยังไม่สามารถติดต่อได้
ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของเว็บไซต์ 38 North เว็บไซต์ที่ช่ำชองเรื่องการรายงานความเคลื่อนไหวภายในเกาหลีเหนือ รายงานเมื่อวันที่ 19 เมษายน โดยโชว์ภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงภาพ "ขบวนรถไฟ" ที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นขบวนรถไฟของ "คิม จอง อึน" จอดอยู่ที่สถานีรถไฟในพื้นที่ เมืองวอนซัน (Wonsan) ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศของ "ตระกูลคิม" จนถึงวันที่ 21 เมษายน
พร้อมกับอ้างว่า สถานีรถไฟที่ปรากฏในภาพถ่ายดาวเทียมนั้น เป็นสถานีรถไฟที่สงวนไว้เฉพาะครอบครัวตระกูลคิมเท่านั้น รวมถึงตั้งข้อสังเกตด้วยว่า รถไฟขบวนนี้ไม่ได้ปรากฏในพื้นที่ในวันที่ 15 เมษายน แต่มาถึงในช่วงหนึ่งช่วงใดก่อนวันที่ 21 เมษายน และยังปรากฏตัวอยู่ที่นั่น จนกระทั่งถึงวันที่ 23 เมษายน ก่อนที่ในวันที่ 23 เมษายน ขบวนรถไฟมีทีท่าว่า กำลังเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง
หากเป็น "ปัญหาด้านสุขภาพ" จริง ข้อมูลอะไรที่น่าจะพอยืนยันในเรื่องดังกล่าวได้บ้าง?
"แท ยองโฮ" (Thae Yong-ho) อดีตเจ้าหน้าที่ทางการทูตของเกาหลีเหนือ ที่ปัจจุบันแปรพักตร์ ไปอยู่เกาหลีใต้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว CNN ว่า "งานวันแห่งสุริยะ" นอกจากจะถือเป็นวันสำคัญของเกาหลีเหนือมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้ว ยังถือเป็นงานเฉลิมฉลองวันเกิดของ "คิม อิล ซุง" ปู่ของ "คิม จอง อึน" ด้วย
ฉะนั้น ถึงแม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า "คิม จอง อึน" มีปัญหาด้านสุขภาพหรือต้องเข้ารับการผ่าตัดจริงหรือไม่ก็ตาม แต่การที่อยู่ในสถานะ ทั้งฐานะ "หลาน" และ "ผู้นำสูงสุดของประเทศ" แต่กลับไม่ไปปรากฏตัวในงานดังกล่าว ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า "คิม จอง อึน" ไม่สามารถ "ยืน" หรือ "เดิน" ได้ด้วยตัวเอง
ขณะที่ แอนนา ฟีฟิลด์ นักข่าวผู้คร่ำหวอดสายจีนและเกาหลีเหนือ รวมถึงเป็นผู้รวบรวมข้อมูลของ ท่านผู้นำรุ่นที่ 3 จากหลายแหล่งมาเขียนหนังสือประวัติของ "คิม จอง อึน" ระบุว่า ความชื่นชอบ "ชีสเอมเมนทัล" ซึ่งเป็นรสนิยมที่ติดตัวมาตั้งแต่ไปศึกษาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ของผู้นำรุ่นที่ 3 อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จนนำไปสู่โรคอื่นๆ ตามมา
จะเกิดอะไรขึ้น หากผู้นำรุ่นที่ 3 ของเกาหลีเหนือเกิดเสียชีวิตขึ้นมาจริงๆ
ประเด็นแรก อะไรที่เคยเกิดขึ้นและต้องน่าจับตา หลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ 2 ครั้งที่ผ่านมา
ประเทศเกาหลีเหนือถือเป็นดินแดนสนธยาและเต็มไปด้วยความลี้ลับ โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เชื่อมโยงไปถึงผู้นำโสมแดงที่ผ่านมา กว่าที่โลกภายนอกจะรู้ว่า ผู้นำรุ่นที่ 1 คือ "คิม อิล ซุง" และผู้นำรุ่นที่ 2 "คิม จอง อิล" เสียชีวิต จนนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายอำนาจ ต้องใช้เวลาถึง 2 วัน ผ่านการแถลงข่าวพิเศษผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักข่าวแห่งชาติเกาหลีเหนือ
โดยเกร็ดที่น่าสนใจ สำหรับการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือ คือ ต้องจับตาไปที่ชุดแต่งกายของโฆษกแห่งชาติ "รี ชุน ฮี" (Ri Chun Hee) ที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่แถลงข่าวสำคัญของประเทศมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยหากเป็นข่าวเศร้า เช่น การเสียชีวิตของสองผู้นำก่อนหน้านี้ในปี 1994 และปี 2011 เธอจะสวมชุด "ฮันบกสีดำ" แต่หากเป็นข่าวที่น่ายินดี เช่น กรณีที่เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธ เธอจะสวมชุด "ฮันบกสีชมพู"
ใครคือ ผู้เหมาะสมสำหรับการสืบทอดอำนาจรุ่นที่ 4
เป็นที่ทราบกันดีว่า การสืบทอดตำแหน่งผู้นำของเกาหลีเหนือนั้น เป็นการสืบทอดทางสายเลือดภายในครอบครัวตระกูลคิม นับตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศเมื่อปี 1948 และที่ผ่านมา ยังไม่เคยปรากฏว่า มีผู้นำระดับสูงจากทั้งกองทัพและฝ่ายการเมือง พยายามลุกฮือเพื่อแย่งชิงอำนาจ หรือแม้เพียงพยายามจำกัดอำนาจของตระกูลคิมแต่อย่างใด
ฉะนั้น ผู้นำรุ่นที่ 4 ย่อมเป็นคนใดคนหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดบนดินแดนโสมแดง อีกอย่างแน่นอน
ใครคือตัวเลือกจาก "ตระกูลคิม" ที่น่าสนใจ
"คิม จอง อึน" เคยประกาศว่า มีลูกสามคนเป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน แต่ทั้งหมดยังเป็นเด็กและอายุน้อยมาก หากจะถูกผลักดันให้ก้าวเข้าสู่อำนาจการปกครองประเทศ
ในขณะที่ น้องสาว คือ "คิม โย จอง" (Kim Yo Jong) หนึ่งในที่ปรึกษาที่ทำงานใกล้ชิด และมักได้รับบทบาทสำคัญในการทำงานเป็นผู้แทนด้านการทูตและการเมือง รวมทั้งยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ ดูแล้วน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หากแต่ตามขนบตั้งแต่โบราณของเกาหลี นั้น เคยไม่ปรากฏให้ผู้หญิงขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศมาก่อน
มีอีกไหม ใครคนอื่น ที่โดดเด่น
"คิม พยอง อิล" (Kim Pyong Il) ผู้เป็นอาของ "คิม จอง อึน" และพี่ชายต่างมารดาของ "คิม จอง อิล" อดีตผู้นำรุ่นที่ 2 ที่ผ่านมา ถูกส่งไปทำหน้าที่เอกอัครราชทูตในหลายประเทศของยุโรป แต่หลังจากถูกเรียกตัวกลับกรุงเปียงยาง ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลย และเมื่อประกอบกับตำแหน่งหน้าที่ก่อนหน้านี้ หนทางสู่อำนาจในฐานะผู้นำรุ่นที่ 4 จึงน่าจะไม่ใกล้เคียงความจริงแต่อย่างใด
ใครคือ แคนดิเดตที่น่าสนใจ หากเป็นบุคคลนอกตระกูลคิม
ปัจจุบัน "คิม จอง อึน" ยังไม่ได้กำหนดตัว ผู้สืบทอดอำนาจ แต่ "โช รยอง แฮ" (Choe Ryong Hae)" ผู้มีอำนาจลำดับที่ 2 ของเกาหลีเหนือ ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการบริหารสูงสุดของโปลิตบูโร และรองประธานอันดับ 1 แห่งสำนักงานกิจการแห่งรัฐ ถือเป็นอีกบุคคลสำคัญของรัฐบาล และอาจมีความเกี่ยวดองกับ "ตระกูลคิม" ด้วย เนื่องจากสื่อเกาหลีใต้เคยรายงานว่า ลูกชายของ "โช รยองแฮ" เป็นสามีของ "คิม โย จอง" น้องสาวของ "คิม จอง อึน" แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า "คิม โย จอง" แต่งงานแล้วหรือไม่
อะไรคือ "ตัวตน" ที่โลกรู้ เกี่ยวกับชีวิตของ "คิม จอง อึน" บ้างแล้ว
คิม จอง อึน เป็นลูกชายลำดับที่ 3 ของ คิม จอง อิล อดีตผู้นำรุ่นที่ 2 ของเกาหลีเหนือ แต่กลับถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจรุ่นที่ 3 เนื่องจาก คิม จอง นัม พี่ชายคนแรก ซึ่งเป็นพี่ต่างมารดา และตามขนบควรได้รับการสืบทอดนั้น สร้างวีรกรรม “น่าขายหน้า” เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชอบร่ำสุรา ถึงขนาดถูกผู้เป็นพ่อลงโทษ ด้วยการกักบริเวณในบ้าน 1 เดือน และถูกขู่ว่า จะถูกส่งไปทำงานที่เหมืองในค่ายใช้แรงงานของนักโทษการเมือง
แต่ที่พีคของพีคที่สุด จนต้องกระเด็นออกจาก เส้นทางสู่อำนาจ คือ การใช้พาสปอร์ตปลอมของโดมินิกัน ภายใต้ชื่อ “ป้าง เชวียง” เพื่อหวังพาลูกและภรรยา ลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่น แต่ดันพลาดถูกจับได้ แต่ที่น่าจะสร้างความโกรธเคืองแก่ผู้เป็นบิดามากๆ คือ การยอมรับว่า ที่ทำลงไปเพราะ “อยากไปเที่ยวที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์” ทั้งๆ ที่ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตของ เกาหลีเหนือมาโดยตลอด
แต่อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา หลัง คิม จอง อึน ขึ้นสู่อำนาจได้ไม่นาน พี่ชายต่างมารดาคนนี้ ถูกลอบสังหารด้วยยาพิษปริศนา ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ในปี 2017 ท่ามกลางเสียงครหา ว่า อาจจะใบสั่งมาจาก “เหนือเส้นขนานที่ 38”
ส่วน พี่ชายแม่เดียวกัน อีกคน คือ คิม จอง ชอล นั้น ในสายตาของผู้เป็นพ่อ มองว่า "ลูกชายคนนี้ เหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง" เนื่องจากไร้ความทะยานอยาก และไม่เปล่งแสงแห่งความเป็นผู้นำออกมา และเมื่อบวกกับ การเป็น บิ๊กแฟน ของ เอริค แคลปตัน นักดนตรีและมือกีตาร์ระดับโลก คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า....
เหตุไฉน น้องชายลำดับ 3 จึงฝ่าด่าน 2 พี่ชาย ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดบนแผ่นดินโสมแดงได้
ช่วงชีวิตในวัยเด็กของท่านผู้นำ คิม จอง อึน
จากคำบอกเล่า ของ ฟูจิโมโตะ เซฟซูชิ ชาวญี่ปุ่นที่เคยไปทำหน้าที่ พ่อครัว ให้กับ ครอบครัวตระกูลคิม ถึง 15 ปี ระบุว่า คิม จอง อึน ในวัยเด็กมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ถูกกักไว้ในบ้านที่กรุงเปียงยาง เรียนหนังสือที่บ้านกับครูพิเศษ และใช้เวลาหน้าร้อนคนเดียว ที่บ้านพักตากอากาศในเมืองวอนซัน ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และของเล่นนานาชนิด
นิสัยส่วนตัวในวัยเด็ก ไม่ต่างจาก ลูกคนรวยทั่วๆ ไป ที่มัก “ได้รับการเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ” นอกจาก "บาสเกตบอล" ที่เป็นกีฬาที่สุดโปรดปรานแล้ว ยังชอบเครื่องจักรกลทุกชนิด เครื่องบินและเรือจำลอง เพราะอยากรู้ว่า มันบินขึ้นไปอยู่บนฟ้า หรือ ลอยเหนือน้ำได้อย่างไร
พอเริ่มเข้า ช่วงวัยรุ่น คิม จอง อึน ถูกส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในชื่อปลอมว่า “ปัก อึน” และอยู่ภายใต้การดูแลของ น้าสาว และน้าเขย ที่ในเวลาต่อมา “แปรพักตร์” ขอลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกา
ในช่วงที่กำลังศึกษาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ท่านผู้นำรุ่นที่ 3 ถูกเพื่อนร่วมชั้นมองว่า “แปลกแยก” เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการสื่อสารด้านภาษา และมักจะชอบสวมชุดวอร์มมาเรียน แทนที่จะสวมใส่ “กางเกงยีนส์” ตามขนบวัยรุ่นตะวันตก เนื่องจาก กางเกงยีนส์ สำหรับ ชาวเกาหลีเหนือ ถือเป็น สัญลักษณ์แห่ง “นายทุน” การเรียนในช่วงแรก อยู่ในระดับปกติ แต่ขาดเรียนค่อนข้างมาก
ความคลั่งไคล้ในกีฬาบาสเกตบอล ทีมชิคาโก บูลส์ และ ไมเคิล จอร์แดน
คิม จอง อึน ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลมาก โดยมีทีมโปรด คือ "ชิคาโก บูลส์" และ "ไมเคิล จอร์แดน" คือ ไอดอล ซึ่งสามารถยืนยันได้โดย เพื่อนๆ สมัยมัธยม ที่เคยร่วมเรียนด้วยกัน ที่ สวิตเซอร์แลนด์ ยืนยันว่า คิม จอง อึน มักสวมเสื้อทีมชิคาโค บูลส์ หมายเลข 23 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัว ของ จอร์แดน พร้อมกับ รองเท้าไนกี้ รุ่น AIR JORDAN เล่นกับเพื่อนๆ เป็นประจำ บางวันเล่นกันจนถึงเวลา 20.00 น. และในยามที่ลงแข่งขัน คิม จอง อึน จะเอาจริงเอาจัง และจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน ชนิดไม่ยอมปริปากพูดกับใครเลย
ด้วยเหตุนี้ การขุด “การทูตปิงปอง” ที่สหรัฐฯเคยใช้ เปิดม่านไม้ไผ่ ของ ปักกิ่ง สำเร็จมาแล้ว จึงถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งเพื่อหวัง สร้างมิตรภาพดีๆ กับ ท่านผู้นำรุ่นที่ 3 เพียงแต่อยู่ในรูปของ “การทูตบาสเกตบอล” แทน
ด้วยเหตุนี้ แมเดลีน อัลไบรท์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สมัย ประธานาธิบดีบิล คลินตัน จึงได้นำลูกบาสเกตบอล ที่มีลายเซ็น ของ จอร์แดน ติดมือไปมอบให้กับ “ท่านผู้นำ” เพื่อหวังสร้าง Special connection ในช่วงระหว่างการเดินทางเยือนเปียงยาง เมื่อปี 2000
รวมถึง สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐฯ ยังเคยว่าจ้าง เดนนิส ร็อดแมน อดีตนักบาสชื่อดังและเพื่อนร่วมของ ไมเคิล จอร์แดน เดินทางไปพบ “ท่านผู้นำ” ถึง กรุงเปียงยาง มาแล้ว
โลกภาพยนตร์ และความบันเทิงของท่านผู้นำ
เพื่อนสมัยเรียนมัธยม ที่ สวิตเซอร์แลนด์ ยืนยันว่า ท่านผู้นำคิม จอง อึน ไม่เคยไปงานปาร์ตี้ หรือมีนิสัยเพลย์บอย รวมถึงไม่แตะแอลกอฮอล์แม้แต่หยดเดียว และเวลาว่างมัก ชอบเล่น "เกมเพลย์สเตชั่น" กับ เพื่อนสนิท ส่วน ภาพยนตร์ที่ชอบ เป็นแนวแอ็กชั่น โดยเฉพาะเรื่องที่นำแสดง โดย "เฉินหลง" และภาพยนตร์ชุดสายลับชื่อดัง "เจมส์บอนด์"
หลังการก้าวสู่อำนาจ ในฐานะผู้นำรุ่นที่ 3 เกาหลีเหนือ เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
“แจงมาดง” การสร้างตลาดอย่างน้อยหนึ่งแห่ง ในเมืองที่เล็กที่สุดจนถึงเมืองที่ใหญ่ที่สุด เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจ นี่คือ การผ่อนปรน กฎเกณฑ์อันเข้มงวด ภายใต้ ระบอบคอมมิวนิสต์ ที่ เกาหลีเหนือ ที่แต่เดิมทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของรัฐ และจะมีการแบ่งสันปันส่วนไปให้ทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม ไปสู่การยอมให้ประชาชนเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กได้
ปัจจุบัน มีตลาดที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลทั่วประเทศ รวมกันกว่า 400 แห่งแล้วในเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากขึ้น เป็นสองเท่า นับ ตั้งแต่ คิม จอง อึน อยู่ในอำนาจ และผลแห่งความสำเร็จนี้ ทำให้ประชากรเกาหลีเหนืออย่างน้อยที่สุด 40% มีรายได้จากกิจการของตัวเอง ตามการประเมินของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้
ด้วยเหตุนี้ เกาหลีเหนือ กำลังมี “ชนชั้นกลาง” มากขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เกาหลีเหนือ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละเล็ก ทีละน้อย เช่นเดียวกับที่ ประเทศจีนค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองในอดีตนั่นเอง
กูรูเกาหลีเหนือ ฟันธง “ผมมั่นใจว่า คิม จอง อึน ป่วยแน่นอน!”
ดร.ทรงจิต พูลลาภ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภูมิปัญญาบรรพชน และกลุ่มศึกษาความคิดจูเช่แห่งประเทศไทย (Thai Juche Idea Study Organization) ชาวไทย กูรูเรื่องประเทศเกาหลีเหนือ และเคยเดินทางเข้าไปประเทศแห่งความลี้ลับแห่งนี้มาแล้วหลายครั้ง “หล่นความเห็น” กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วยความมั่นอกมั่นใจ
แล้วทำไม อาจารย์ถึงมั่นใจ? ทีมข่าวฯ รีบชิงถามโดยพลัน
พอดีเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) ผมได้ไปที่สถานทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหนือ และมีโอกาสได้พูดคุยกับอุปทูตที่รู้จักกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว พอสอบถามว่า "ถามจริงๆ 'คิม จองอึน' เป็นอย่างไร?" ก็ได้คำตอบว่า "สบายดี สบายดีแล้ว"
หากมีชุดคำตอบแบบนี้ ตามการตีความส่วนตัว แปลว่า 'คิม จองอึน' มีอาการป่วย แต่หายป่วยแล้ว
แล้วทำไม เปียงยาง ถึงไม่รีบโต้ตอบ ข่าวลือ ที่เกิดขึ้นกันล่ะ? ชุดคำถามระลอกใหม่ถูกยิงใส่ทันที
นี่คือหลักการของประเทศสังคมนิยม “ที่ไม่นิยมออกมาตอบโต้ข่าวลือ” นี่คือหลักการทั่วไป ส่วนหลังจากนี้ 'คิม จอง อึน' จะออกมาเปิดตัวเพื่อกลบข่าวลือหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะเขาไม่อินังขังขอบกับโลกหรือสังคมเท่าไร เขาเอาประเทศตัวเองเป็นหลัก ความเป็นสังคมนิยมเป็นหลัก ไม่ต้องไปโต้แย้งกับใคร เรียกว่า เขาสร้างชาติมาตั้งแต่รุ่นปู่ของเขา 70 กว่าปีมาแล้ว
หากข่าวลือเป็นจริง อะไรคือสิ่งที่ต้องจับตาในลำดับต่อไป?
หากตามลำดับทายาท ของท่านผู้นำ 'คิม จอง อึน' ลำดับแรกที่น่าสนใจ คือ พี่ชายแท้ๆ ของท่านผู้นำ คือ คิม จอง ชอล ลำดับที่สอง คือ น้องสาว 'คิม โย จอง' อย่างไรก็ดี ตามมุมมองของผม การขึ้นเป็น "ผู้นำเกาหลีเหนือ" ได้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 3-4 ประการ
อันดับแรก คือ ต้องเป็น "เลขาธิการพรรคแรงงาน" เพราะพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือมีความยิ่งใหญ่มาก โดยมีสัญลักษณ์เป็นค้อน, เคียว และพู่กัน ซึ่ง 'พู่กัน' คือ นักวิจัย นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ หรือปัญญาชน
ซึ่งหากพิจารณาจากคุณสมบัติเบื้องต้น 'คิม โย จอง' มีคุณสมบัติเด่นในแง่ ผู้สืบเชื้อสาย "ตระกูลคิม" เป็นสายตรง มีพ่อเดียวกัน กับ 'คิม จอง อึน' และยังเป็นลูกสาวที่ 'คิม จอง อิล' อดีตผู้นำรุ่น 2 ไว้ใจเป็นอย่างมาก และอาจจะมากกว่าลูกชายอย่าง 'คิม จอง อึน' ด้วยซ้ำไป เพราะลูกสาวมักจะมีความใกล้ชิดกันกับพ่อ เป็นเด็กดีมาโดยตลอด คอยเอาอกเอาใจ จึงทำให้ 'คิม จอง อิล' ให้ความไว้วางใจอย่างยิ่งในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ อย่าง
ส่วนจะติดขัดจากเป็นผู้หญิงหรือไม่นั้น ในความเห็นส่วนตัว คิดว่า หากมีคุณสมบัติครบ ต่อให้ 'คิม โย จอง' เป็นผู้หญิง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะปัจจุบัน คิม โย จอง มีคุณสมบัติหลักๆ 2 ประการแล้ว คือ มาจากตระกูล 'คิม' อีกทั้ง ยังมีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ แล้ว อีกทั้ง หากได้รับการยอมรับจากฝั่งทหารเพิ่มเติม ก็จะยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นไปอีก
ส่วนทายาทที่สืบสายตรงมาจาก 'คิม จอง อึน' นั้น เท่าที่ทราบมีทายาท 2-3 คน อายุมากที่สุดประมาณ 10 ขวบ คนรองก็ประมาณ 3 ขวบ เท่านั้นเอง
แต่ใครจะได้เป็น "ผู้นำเกาหลีเหนือ" ต่อจาก 'คิม จอง อึน' ส่วนตัวคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ปกติต้องมีคุณสมบัติดังที่ว่า ต้องมีการไต่เต้าเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรต่างๆ อย่าง “เลขาธิการพรรค” ก่อน และต้องเป็นทหารระดับนายพล เพื่อควบคุมกองทัพ พลานุภาพที่สำคัญที่สุดบนดินแดนโสมแดง