ฟ้าหลังฝน “คนเคยทำงานวงการบันเทิง” ชีวิตพังเพราะยา เสพหนักวันละ 100 เม็ด ฮึดสู้ 1 เดือน เอาชนะยานรกได้อย่างถาวรเพื่อตัวเองและพ่อ เผยความคิดเริ่มจากศูนย์ หากไม่มี “วันพระ” คงไม่ได้สานฝันส่งต่อสุขภาพดีๆ เพื่อคนอื่น

ดอกแก้ว (นามสมมติ) วัย 40 ปี เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เพื่อเป็นบทเรียนต่อสังคม เล่าถึงความผิดพลาดอย่างมหันต์ เข้าไปพัวพันวงจรการพนันและยาเสพติดจนเป็นหนี้ 1 ล้าน และเกือบเอาชีวิตไม่รอดว่า ในช่วงวัยรุ่นอายุ 19 ปี เธอมีสังคมเที่ยวกลางคืนเพราะครอบครัวเพื่อนสนิทเปิดบ่อนการพนัน ทำให้รู้มุมมืดและธุรกิจเทาๆ ซึ่งช่วงนั้นเธอไม่ได้ทำงานจึงเข้าออกในบ่อนเป็นประจำ ประกอบกับชอบเสี่ยงดวง จึงเริ่มเล่นการพนันทั้งแทงบอล เกมพนัน ตู้ม้า

...

วงจรธุรกิจสี “เทา” เริ่มจาก 100 สู่หนี้ 1 ล้าน

เธอยึดอาชีพรับแทงบอลส่งโต๊ะบอลใหญ่ๆ แต่ละคืนมีคนแทงบอลเป็นจำนวนมาก มีเงินหมุนเวียนสะพัดหลายแสน ทำให้เธอมีรายได้หลักหมื่นต่อคืน เมื่อเห็นจำนวนเงินที่ฟู่ฟ่า เธอจึงทุ่มเทหนักศึกษาหนังสือบอล วิเคราะห์บอล จนเก่งและชำนาญ เคยแทงบอลถูกมากสุดถึง 30 คู่ แต่สังคมกลางคืน สิ่งที่มักควบคู่มาด้วยคือ “ยาเสพติด” ซึ่งทำให้ชีวิตเธอพลิกผัน จากที่มีรายได้ต่อเดือนเกือบครึ่งล้าน กลายเป็นหนี้ 1 ล้าน

“ถ้าไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้องชีวิตก็จะไม่รวน แรกๆ แค่รับแทงบอลก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเสพยาหนัก ไม่นอน 3-4 วัน ก็เบลอๆ รับแทงบอลแต่ลืมส่ง เริ่มแทงบอลเองด้วยเพราะได้เงินเยอะกว่ารับแทงบอล ก็ยิ่งเล่นยาหนัก ติดยาจนหลอน พอได้เงินเยอะก็หมดไปกับการเสพยา เที่ยวกลางคืน เล่นแทงม้าจนติดหนี้เป็น 1 ล้าน” 

วงจรชีวิต หลงผิด 10 ปี เสพหนักรอบละ 100 เม็ด  

หลังเริ่มเดินทางในธุรกิจสีเทาอย่างเต็มตัว จากเริ่มต้นเล่นพนันด้วยเงินหลักร้อย จนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ 1 ล้าน ช่วงนั้นชีวิตดอกแก้วย่ำแย่หนัก เธอไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด เพราะมีแบ็กหนุนหลังคอยช่วยเหลือ ซ้ำหนักกลับใช้ชีวิตดำดิ่งลงนรกเพราะรู้สึกว่า “ยาเสพติด” ช่วยสร้างความสุขให้เธอ เธอใช้ชีวิตอยู่แต่การเล่นการพนัน เสพยา เที่ยวดื่มตอนกลางคืนทุกวัน วนเวียนอยู่แบบนี้นับสิบๆ ปี จนติดยาหนักถึงขั้นเลือกคบแฟนที่ใกล้ชิดกับยาบ้า เพื่อจะได้มียาเสพในราคาต้นทุน

“ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่แต่กับยาเสพติดอย่างเดียวเลย คนเสพยาบ้าไม่นอนได้มากสุด 3 วัน พอหมดฤทธิ์ หรือยาดาวน์ลงก็จะนอนหลับอย่างเดียว 2-3 วัน ไม่ได้กินอะไร พอตื่นหายน็อกก็จะกินๆ ทุกอย่าง กินอิ่มก็เสพยาต่อ เสพยาบ้าหนักมาก เวลาเสพคนอื่นวางทีละเม็ด แต่เราวางที 10 เม็ด เคยเสพรอบละ 100 เม็ด”

"ปวดประจำเดือน" ชนวนเหตุ คิดเลิก “ยา”

เธอตกอยู่ในวงจร “คนขี้ยา” นับสิบปี กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนทำให้กลับตัว เนื่องด้วยเพื่อนใกล้ชิดมากกว่า 10 คน เริ่มทยอยเข้าคุกเพราะโดนจับ เรื่องครอบครองยา ในวันหนึ่งๆ เธอต้องวนเวียนเยี่ยมเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิงที่อยู่ในคุก 3-4 แห่ง ทั้งคลองเปรม เรือนจำกลางพิเศษ และการเข้าเยี่ยมเพื่อนๆ นี้เองจึงจุดประกายให้เธอหันหลังให้กับคำว่า “ขี้ยา”

จุดประกายแรก เกิดขึ้นเมื่อเธอไปเยี่ยมเพื่อนที่ทัณฑสถานหญิง แล้วเพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องการรักษาอาการปวดท้องประจำเดือน ว่ามีเพียงยาพาราฯ 1 เม็ดให้กินเท่านั้น ซึ่งดอกแก้วยามปวดประจำเดือน เธอมีอาการหนักถึงขั้นขาสั่นเดินไม่ไหว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเกิดความกลัวว่าหากเธอต้องติดคุก คงทรมานอย่างหนัก ซึ่งหลายคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิต แต่สำหรับดอกแก้วนั้น เธอบอกว่ามันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเธอมาก จุดประกายต่อมาคือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต ตายในคุก

...

“เพื่อนสนิทโดนจับเรื่องยา โทษ 18 ปี ใน 10 ปีแรก ก็ไปเยี่ยมตลอด แต่ก่อนถูกปล่อยตัว 2 เดือนก็ตายในคุก ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ วันที่เพื่อนตายก็ทิ้งอุปกรณ์การเสพทุกอย่างลงถังขยะ แล้วบอกตัวเองว่าจะไม่เอาอีกแล้ว ไม่แตะต้องมันอีกแล้ว”

สู้ใจตัวเองอย่างหนัก เหตุซื้อยาแก้ปวดต้องเดินไปซื้อ แต่ยาบ้ายกหูทีมาส่งถึงบ้าน

อีกทั้งความรู้สึกเบื่อวงจรชีวิต ติดหนี้ติดสิน เมื่อมีผู้ใหญ่เคลียร์ปัญหาหนี้สินให้ทุกอย่าง ดอกแก้วจึงมาทำงานสุจริตจากพี่ที่รู้จักให้โอกาสทำงานในวงการบันเทิง ทำหน้าที่รับงานเขียน รับจ๊อบประสานงาน หรือโปรดิวเซอร์ตามกองถ่ายกับผู้กำกับหนัง ละคร รายการทีวี เธอยอมรับว่าคนเคยเสพยามา 10 ปี กว่าจะเลิกได้นั้นไม่ง่าย แต่เธอก็ตั้งใจสู้กับมันด้วย “วิธีหักดิบ” ซึ่งเธอยอมรับว่ามีกลับไปใช้บ้างนานๆ ที แต่การกลับไปใช้ ไม่ใช่เพราะระงับความอยากไม่ได้ แต่นั่นคือ “การบำบัด”

...

ผลกระทบจากการเสพยามาหลายปี ทำให้เธอเสียบุคลิกภาพ มือสั่น ปากสั่น พูดลิ้นรัว จนทำงานไม่ได้จึงต้องแวบใช้จนเสียงาน เพราะบางวันไปไม่ได้ หรือไปกองสาย เธอจึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อต่อสู้อย่างจริงจัง จนกระทั่งเพียง 1 เดือน เธอก็ตัดขาดยาเสพติดได้สำเร็จ เพื่อตัวเองและ “พ่อ” ที่เพิ่งตรวจเจอมะเร็ง จึงเป็นช่วงที่เธอต้องทำงานเป็นหลักเป็นฐานหาเงินมารักษาพ่อ

“ใจต้องไม่เอาถึงจะเลิกได้ ออกกำลังกาย กินอาหารแทนเมื่ออยากยา ตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้องต่อสู้กับตัวเองหนักมาก มันไม่ง่ายเลย ใจต้องแข็ง ต้องไม่เอาจริงๆ เพราะซื้อยาแก้ปวดยังต้องเดินออกไปซื้อ แต่ยาบ้ายกหูทีมาส่งให้ถึงหน้าบ้านแล้ว

จากเหลือเงิน 50 สตางค์ พลิกผันสู่เจ้าของ "คาเฟ่เห็ด"  

ดอกแก้วย้อนเล่าถึงชีวิตช่วงตกต่ำสุด เพราะการพนันและยาเสพติดที่จำฝังใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เธอนั้นเคยไม่มีเงินเลยจนต้องไปหยิบผลไม้เน่าๆ ที่ศาลพระภูมิมากิน และก่อนที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ห่างไกลยาเสพติดได้ ตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 7.50 บาท ต้องซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ห่อ มากินดิบๆ เพราะไม่มีน้ำต้มกิน เหลือเงิน 50 สตางค์ โชคดีที่มีพี่ที่รู้จักให้โอกาสได้ทำงานในวงการบันเทิง

...

นับว่าเป็นความโชคดีของดอกแก้วอีกครั้ง หลังเลิกยา เธอก็ได้รับโอกาสดีๆ หลายอย่างในชีวิต ได้อยู่ในสังคมที่ดี เช่น หอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ ทำงานที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ เกือบ 5 ปี มีเงินดูแลพ่อจนวาระสุดท้ายในชีวิต จากนั้นจึงตัดสินใจออกจากงานมาเปิด “ร้านอาหารเจ” ตามความฝันเล็กๆ ของตัวเอง ที่เริ่มจากทำอาหารขายออนไลน์ เช่น หมูย่างเจ ไก่ย่างเจ หมูกรอบเจ ไม่นานจึงลองทำอาหารจะเปิดร้านเฉพาะวันพระ และวันพระใหญ่ เพราะวันเหล่านี้จะมีหลายๆ คนงดเนื้อสัตว์ แล้วหาของกินยาก

ด้วยเป็นร้านเล็กๆ ไม่ได้มีคนรู้จักเยอะ และเป็นอาหารเฉพาะกลุ่มคน หมดวันพระกลายเป็นว่าผัก เห็ดไม่หมด กินกันเองไม่ทันจนต้องทิ้ง เธอรู้สึกเสียดายจึงเปิดร้าน “คาเฟ่เห็ด” สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองจนทุกวันนี้ และมีโอกาสนำบทเรียนชีวิตของตัวเองไปร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนร่วมกับเครือข่ายหยุดพนัน

“จากประสบการณ์ตัวเองต่อให้พูดบอกใครๆ ว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวการพนัน ไม่มีใครเชื่อหรอก สิ่งที่เราทำได้คือบอกให้เขารู้ว่าชีวิตของเราเมื่อยุ่งกับการพนันแล้วต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง ไปบอกให้คนเล่นยาเลิกก็เป็นไปไม่ได้ จริงๆ คนเล่นยาจะไม่หยุดจนกว่าจะเกิดการสูญเสียสิ่งที่รัก แต่ถ้าใครคิดเลิก คนรอบข้างต้องร่วมมือ ต้องให้กำลังใจ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วให้ความผิดจางไปกับกาลเวลา และต้องชื่นชมให้เขารู้สึกว่าทำความดีแล้วมีแรง” เธอกล่าวทิ้งท้ายด้วยความห่วงใยจากความรู้สึกที่เลิกการพนันและยาเสพติดมาได้ 20 ปี.

ข่าวน่าสนใจ

สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่