"การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ" ... ประโยคที่ได้ยินมาช้านาน และไม่อาจหาข้อโต้แย้งมาเถียงได้ ไม่มีใครอยากมีโรค ไม่มีใครอยากเป็นคนป่วย แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะหนีมันพ้น ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวคราวคนดัง คนบันเทิง ป่วยด้วย "โรคร้าย" กันอยู่หลายคน ซึ่งหนึ่งในโรคร้ายที่ว่านั้นก็ไม่ใช่โรคใหม่หรือโรคแปลกอะไร ยังคงเป็นโรคเดิมที่คุ้นชื่อดี ‘มะเร็ง’
‘มะเร็ง’ ชื่อนี้มีแต่คนขยาด ไม่มีใครอยากเป็น บางคนไม่คิดจะไปตรวจ เพราะกลัวผลออกมาว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้ป่วยโรคร้าย กลัวทำใจรับสภาพที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ความที่เราหลีกหนี ไม่ตรวจ ไม่สนใจ เพิกเฉยอะไรหลายๆ อย่าง มันไม่ได้ช่วยให้หนี ‘มะเร็ง’ พ้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็น "ระยะที่ 4" เสียแล้ว
...
ฉะนั้น การรู้ตัวก่อน รักษาไว ย่อมส่งผลดีกว่า ... แล้วเราจะสังเกตตัวเองอย่างไร?
สถาบันมะเร็งแห่งชาติให้ข้อมูล "7 สัญญาณอันตรายของโรคมะเร็ง" ที่สังเกตง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง เริ่มตั้งแต่
- ระบบขับถ่าย : ท้องผูกสลับท้องเดินเรื้อรัง อาจเป็น "มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก" และปัสสาวะขัดเรื้อรัง อาจเป็น "มะเร็งต่อมลูกหมาก"
- แผล : แผลเรื้อรังในช่องปากนานเกิน 2 สัปดาห์ อาจเป็น "มะเร็งช่องปาก", แผลเรื้อรังบริเวณผิวหนัง อาจเป็น "มะเร็งผิวหนัง" และแผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร อาจเป็น "มะเร็งกระเพาะอาหาร"
- มีก้อนตุ่ม : ก้อนบริเวณรักแร้ ขาหนีบ คอเรื้อรัง อาจเป็น "มะเร็งต่อมน้ำเหลือง", ก้อนเต้านม อาจเป็น "มะเร็งเต้านม" และตุ่ม ก้อนบริเวณผิวหนัง อาจเป็น "มะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน"
- กินกลืนอาหาร : กลืนอาหารไม่ลงหรือติดขัด อาจเป็น "มะเร็งหลอดคอ หรือ มะเร็งหลอดอาหาร", ท้องอืด ปวดท้องเรื้อรัง อาจเป็น "มะเร็งระบบทางเดินอาหาร" และน้ำหนักลด เบื่ออาหาร อาจเป็น "มะเร็งหลายชนิด"
- ทวารทั้งหลายมีเลือดไหล
- ไฝ หูด เปลี่ยนไป
- ไอ เสียงแหบ : ไอเกิน 2 สัปดาห์ อาจเป็น "มะเร็งปอด" และเสียงแหบเรื้อรัง อาจเป็น "มะเร็งหลอดคอ หรือ มะเร็งกล่องเสียง"
นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด ‘มะเร็ง’ หลักๆ มีอยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ
ข้อ 1 ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมภายนอก จากพวกอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค หรือสารก่อมะเร็งต่างๆ
ข้อ 2 ปัจจัยภายในร่างกาย อาจมาจากความผิดปกติของพันธุกรรม หรือความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน แต่ในปัจจัยนี้ยังคงมีเป็นส่วนน้อย
| ความเข้าใจผิดๆ ชายไม่เป็น "มะเร็งเต้านม"
หลายๆ คนคงพอทราบดีอยู่แล้วว่า "มะเร็งเต้านม" เป็นภัยร้ายอันดับ 1 ของผู้หญิง และจากทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล ปี 2560 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ก็เผยให้เห็นว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับบริการมากที่สุด คือ "มะเร็งเต้านม" ส่วนมากจะพบในระยะที่ 2 ถึงระยะที่ 4 และผู้ป่วยส่วนใหญ่รวมถึงคนทั่วไปมักมีความเข้าใจผิดๆ กันว่า "มะเร็งเต้านม" ผ่าตัดออกแล้วจะไม่เป็นซ้ำ หรือแม้แต่ "ผู้ชายไม่เป็นมะเร็งเต้านม" เกิดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น
จากความเข้าใจผิดๆ ที่ว่านี้ นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ผู้ชายก็เป็น "มะเร็งเต้านม" ได้ เพียงแต่โอกาสน้อยกว่าผู้หญิง เทียบประชากร 100-150 คน จะพบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านม 99 คน และผู้ชาย 1 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายที่มีอายุมากแล้ว อายุน้อยไม่ค่อยพบ ในส่วนความเสี่ยงนั้น กรรมพันธุ์ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น
...
นายแพทย์อาคม อธิบายถึงลักษณะของ "มะเร็งเต้านม" ให้เข้าใจว่า "มะเร็งเต้านม" ของผู้ชายจะมาเป็นลักษณะ "ก้อนนม" ส่วนใหญ่ก้อนที่เป็นมะเร็งจะเป็นเหมือนกันหมด ฉะนั้น การรักษาและการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมของผู้ชายและผู้หญิงใกล้เคียงกัน กรณีที่พบก้อนจะพบในผู้ชายที่มีอายุสูงวัยมากๆ บางทีไม่ใช่มะเร็ง แต่เป็นเนื้อนม หรือ นมแตกพาน แบ่งได้เป็น 3 ช่วงอายุ คือ แรกคลอด ที่ได้ฮอร์โมนจากแม่, วัยรุ่น และสุดท้าย คือ วัยชรา
อีกส่วนหนึ่ง คนชอบบอกว่า การใช้ยาจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ข้อมูลตรงนี้ยังมีไม่มากพอที่จะบอกว่ากลุ่มที่ใช้ยาพวกนี้จะเพิ่มความเสี่ยง อย่างที่บอกว่า ข้อมูลมันมีน้อย คนไข้ยังมีน้อย มีไม่เยอะ ไม่มากพอจะบอกได้ว่าการใช้ยาพวกนี้จะมีผลหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามแต่ถ้าผู้ชายเจอก้อนก็แนะนำว่า ต้องมาพบแพทย์เหมือนกัน เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน
...
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดๆ ที่บอกว่า "ผ่าตัดแล้วจะไม่เป็นซ้ำ" นั้น นายแพทย์อาคม ให้ข้อมูลว่า การผ่าตัดออกบางทีอาจมีเซลล์มะเร็งตกค้างในระดับเล็กๆ ที่ไม่สามารถตรวจเจอได้ จึงมีโอกาสที่จะกลับมาในอนาคตได้ ฉะนั้น แพทย์จึงให้ยาเคมี หรือ ยาต้าน เพื่อทำลาย ยับยั้ง "มะเร็งเต้านม" รักษาหาย แต่มีโอกาสเกิดเป็นซ้ำได้ ยาต้าน การฉายแสง ไม่ได้ช่วยให้ปลอดจากโรค หรือหายขาดได้
"การเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไม่ได้หวังผลหายขาด แต่การรักษาเป็นการยืดอายุและหวังว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องทุกข์ทรมาน ถ้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไม่ว่าชนิดไหน ไม่ได้หายขาด อย่าง ‘มะเร็งเต้านม’ ถ้าเป็นระยะสุดท้ายก็มีโอกาสอยู่ได้นานอีก 5 ปี"
| ‘มะเร็ง’ โรคร้าย แต่จ่ายแพง
‘มะเร็ง’ โรคร้ายที่มีการรักษาที่ซับซ้อน แถมพ่วงมาด้วยค่าใช้จ่ายที่แสนแพง ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้ว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษา ‘มะเร็ง’ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปี 2561 มีการชดเชยค่ารักษาถึง 9,557 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัวอย่างต่ำประมาณ 50,000 บาท ทีมข่าวฯ จึงได้ตรวจสอบอัตราค่ายาที่ใช้รักษา ‘มะเร็ง’ ที่พบมากในคนไทย รวมถึงประมาณการค่าฉายรังสี มาให้คุณผู้อ่านดูกัน เพื่อที่จะได้เตรียมวางแผนค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับอนาคตข้างหน้าที่ไม่แน่นอนว่า ‘มะเร็ง’ จะมาถึงเราเมื่อไร
...
มะเร็งเต้านม
- Trastuzumab : Sterile pwdr 150mg 1 ไวแอล 15,340.59 บาท, Sterile pwdr 440mg 1 ไวแอล 44,999.92 บาท
- Trastuzumab emtansine : Sterile pwdr 100mg 1 ไวแอล 62,595.00 บาท, Sterile pwdr 160mg 1 ไวแอล 101,115.00 บาท
มะเร็งปอด
- Gefitinib : tab 250mg 1 เม็ด 599.98 บาท
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
- Rituximab (MAITHERA®) : sterile sol 100 mg/10ml 1 ไวแอล 6,252.44 บาท, sterile sol 500 mg/50ml 1 ไวแอล 24,182.00 บาท, sterile sol 1400 mg/11.7ml 1 ไวแอล 30,434.44 บาท
- Rituximab (TRUXIMA®) : sterile sol 100 mg/10ml 1 ไวแอล 5,000.00 บาท, sterile sol 500 mg/50ml 1 ไวแอล 19,345.60 บาท
มะเร็งลำไส้
- Bevacizumab : Sterile sol 100 mg/4ml 1 ไวแอล 9,095.00 บาท
มะเร็งตับ
- Sorafenib : Sorafenib 200mg 1 Tablet 1,900.00-2,228.00 บาท
ประมาณการค่าฉายรังสีมะเร็งที่พบบ่อย
- มะเร็งศีรษะและลำคอ : แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ เทคนิค 3 มิติ 130,100 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี 8,500 บาท, ค่าฉีดสารทึบรังสี 2 ขวด 1,500 บาท, ค่าหน้ากาก 6,000 บาท, ค่าคำนวณ 6,000 บาท, ค่าฉายรังสี (2,500 บาท x 35 ครั้ง) 87,500 บาท, ค่า CBCT (1 ครั้ง/สัปดาห์) 12,600 บาท และ MRI Simulation 8,000 บาท) และเทคนิค IMRT/VMAT 186,600 บาท (ค่า CT Simulation 8,500 บาท, MRI Simulation 8,000 บาท, ค่าฉีดสารทึบรังสี 2 ขวด 1,500 บาท, ค่าหน้ากาก 6,000 บาท, ค่าคำนวณ 10,000 บาท, ค่าฉายรังสี (4,000 บาท x 35 ครั้ง) 140,000 บาท และค่า CBCT 12,600 บาท)
- มะเร็งเต้านม : แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ เทคนิค 3 มิติ 84,500 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี 8,500 บาท, ค่าคำนวณ 6,000 บาท, ค่าฉายรังสี (2,500 บาท x 25 ครั้ง) 62,500 บาท, Boote electron 3,500 บาท และค่า port film 4,000 บาท) และเทคนิค 2 มิติ 69,300 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี (Acuity Simulation) 2,000 บาท, ค่าคำนวณ 800 บาท, ค่าฉายรังสี (2,400 บาท x 25 ครั้ง) 60,000 บาท, Boote electron 3,500 บาท และค่า port film 3,000 บาท)
- มะเร็งปอด : แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ เทคนิค 3 มิติ 141,100 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี 8,500 บาท, ค่าเอกซเรย์ด้วยเครื่องควบคุมตามการหายใจ 25,000 บาท, ค่าฉีดสารทึบรังสี 1,500 บาท, ค่าคำนวณ 6,000 บาท, ค่าฉายรังสี (2,500 บาท x 35 ครั้ง) 87,500 บาท และค่า CBCT 12,600 บาท) และเทคนิค IMRT/VMAT 197,600 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี 8,500 บาท, ค่าเอกซเรย์ด้วยเครื่องควบคุมตามการหายใจ 25,000 บาท, ค่าฉีดสารทึบรังสี 1,500 บาท, ค่าคำนวณ 10,000 บาท, ค่าฉายรังสี (4,000 บาท x 35 ครั้ง) 140,000 บาท และค่า CBCT 12,600 บาท)
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ : เทคนิค 3 มิติ 103,000 บาท (ค่าจำลองการฉายรังสี (CT Simulation) 8,500 บาท, MRI Simulation 8,000 บาท, ค่าฉีดสารทึบรังสี 1,500 บาท, ค่าคำนวณ 6,000 บาท, ค่าฉายรังสี (2,500 บาท x 28 ครั้ง) 70,000 บาท และค่า CBCT 9,000 บาท)
ทิ้งท้าย ด้วยอีกความเชื่อผิดๆ ที่คนไทยมักแชร์ทั่วโลกโซเชียล อย่าง "มังคุดนึ่งรักษามะเร็ง" ความจริง คือ การนำมังคุดไปนึ่งอาจทำให้สารแทนนินซึมเข้าสู่เนื้อมังคุด เมื่อรับประทานเข้าไปมากๆ อาจทำให้ท้องผูก สะสมในตับและไตได้ หรืออีกความเชื่อผิดๆ "กินอาหารอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟทำให้เกิดมะเร็ง" ความจริง คือ คลื่นไมโครเวฟเหมือนคลื่นวิทยุหรือคลื่นโทรศัพท์มือถือ ที่จะวิ่งผ่านตัวของอาหาร ไม่ได้เป็นสารกัมมันตรังสีตกค้างในอาหารจนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ฉะนั้น หากมีอาการที่สงสัยว่ามีความเสี่ยงเป็น ‘มะเร็ง’ ควรไปพบแพทย์ทันที อย่าหลงเชื่อข้อความที่แชร์บนโลกโซเชียล ... ‘มะเร็ง’ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งดี ผู้ป่วยมีโอกาสหาย แต่ก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ข่าวน่าสนใจ :
- อย่ามองเป็นความรำคาญ ผลพวงน้ำท่วม เหตุฉับพลัน เสี่ยงป่วย "จิตเวช"
- "อี-สปอร์ต" เสพเกินขนาด เจ็บปวดทั้งกาย-ใจ อัพเลเวล "โรคติดเกม"
- 1 ในล้าน มีชีวิตแค่ 14 ชม. โคม่า 2 ครารอดปาฏิหาริย์ แม่เล่าวินาทีบีบหัวใจ'มาเรียม' ถึง
- "ปลาทู" "ไมโครพลาสติก" ขยะพิษจิ๋ว 1 ปีคนไทยกลืนกินเท่าบัตรเครดิต
- ใครว่า "โนรา" สูญ? ปั้นรายได้คืนละหมื่น เปิดโรง "โนราบิก" รำ "ลดอ้วน"