ใบพลูพลิกชีวิต จากสาวยากจน ติดพนัน สู่ข้าราชการดีเด่น พัฒนาหมู่บ้านพนัน ให้กลายเป็นแหล่งจำหน่ายใบพลูชื่อดัง ส่งขายภูเก็ต สร้างรายได้เศรษฐกิจแก่ครัวเรือน เดือนละหมื่น

"ดีที่สุดของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ขอดีด้วยหัวใจอย่างที่ทำทุกวันนี้ก็สุขใจ พอใจแล้ว” นางปิยนารถ หนูพลับ หรือ ไก่ เปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ กับหน้าที่ “นักพัฒนาชุมชน” เทศบาลตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน จ.พัทลุง ในการสร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนมากว่า 11 ปี นับตั้งแต่ปี 49 ที่ได้รับการบรรจุ จากเดิมในตำแหน่งเจ้าหน้าที่งานทะเบียน แต่ด้วยความตั้งใจอยากเป็นนักพัฒนาชุมชน ซึ่งมีแรงผลักดันจากบทเรียนชีวิตที่ผิดพลาดในอดีต โดยยึดแนวคิดและความเชื่อว่า “คนเปลี่ยนแปลงกันได้” ในปี 51 นางปิยนารถจึงสอบใหม่ และได้เป็นนักพัฒนาชุมชน 

“ความตั้งใจเป็นนักพัฒนาชุมชน เพราะอยากเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนชีวิต เพราะเราก็มาจากครอบครัวที่ฐานะยากจน มีพี่น้อง 8 คน แต่ก่อนบ้านไม่มีน้ำใช้ ไม่มีไฟฟ้าใช้ คิดว่าถ้าได้เป็นนักพัฒนาก็จะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตได้ อีกอย่างอยากให้คนในชุมชนมีคุณภาพที่ดีด้วย”

ต้นแบบ “บ้านรักษ์สุขภาพ” โครงการดีๆ ของกองทุน. สปสช.เทศบาลตำบลท่าแค
ต้นแบบ “บ้านรักษ์สุขภาพ” โครงการดีๆ ของกองทุน. สปสช.เทศบาลตำบลท่าแค

...

1 ใน 5 ต้นแบบบ้านรักษ์สุขภาพ เพื่อคนในชุมชน

เมื่อได้เป็น “นักพัฒนาชุมชน” สมเจตนา ตลอดเวลากว่า 11 ปี เธอได้อุทิศตนทำกิจกรรมต่างๆ มากมายอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งส่งเสริม ผลักดัน และทำเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชน จนปลายปี 59 เธอได้เข้าประกวด ข้าราชการท้องถิ่นดีเด่นประเภทชำนาญการ จ.พัทลุง และเป็นตัวแทน จ.พัทลุง ไปประกวดระดับภาค กระทั่งในปี 61 ก็ได้รับรางวัล “ข้าราชการดีเด่น” จ.พัทลุง จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

“ต้นแบบบ้านรักษ์สุขภาพ” คือกิจกรรมหนึ่งที่เป็นคำตอบยืนยันว่า เธอได้ทำเพื่อชุมชนจริงๆ เนื่องด้วยบ้านของเธอเป็น 1 ใน 5 หลังของหมู่บ้านบ้านคลองยาง หมู่ที่ 3 ต.ท่าแค ในการสร้างเสริมสุขภาพให้กับครอบครัวอื่น โดยปลูกพืชผักต่างๆ กินเอง และแบ่งปันคนอื่น รวมถึงเป็นบ้านต้นแบบให้คนมาศึกษาดูงานด้วย

เปลี่ยนวิถีชุมชน จากหมู่บ้านแหล่งพนัน เป็นแหล่ง “ใบพลู” ชื่อดัง

นอกจากนี้ เธอยังได้พัฒนาให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เปลี่ยนวิถีชุมชนจากหมู่บ้านแหล่งพนันให้กลายเป็นแหล่ง “ใบพลู” รับซื้อใบพลูจากชาวบ้าน โดยบวกกำไรเพียง 1 บาทต่อ กก. นำไปส่งขายภูเก็ตวันละ 300 กก. หรือประมาณ 5 กระสอบ สร้างรายได้เศรษฐกิจแก่ครัวเรือนวันละ 200-300 บาท เดือนละประมาณเกือบหมื่นบาท ช่วยทำให้เศรษฐกิจของ ต.ท่าแค และเพื่อนบ้านใน จ.พัทลุง ดีขึ้น และแม้วันนี้ราคาพลูจะไม่สูง แต่เธอกล่าวกับทีมข่าวฯ ด้วยรอยยิ้มว่า สิ่งสำคัญที่ได้รับกลับมา คือ ความคุ้มค่าที่ได้เปลี่ยนชีวิตของคน ต.ท่าแค ให้เกิดความพอเพียง มีรอยยิ้มและมีความสุข

...

“คนสูงอายุก็ปลูก คนในหมู่บ้านเคยเล่นการพนันก็พากันปลูกพลูขาย ก็ไม่หันไปเล่นการพนัน พักหลังยางพาราราคาไม่ดี ได้พลูมาเป็นรายได้เสริม ทำให้หลายครอบครัวมีความสุข เพราะรายได้เพิ่ม ช่วยให้คนท่าแคอยู่ได้จนทุกวันนี้ พี่รับซื้อจากคนในหมู่บ้านแล้วเอาไปขายต่อ บวกกำไรบาทเดียว ไม่เอาเยอะ เพราะอยากให้คนในชุมชนมีอาชีพ มีรายได้”

นางปิยนารถ หนูพลับ ลงพื้นที่ รณรงค์ลดความรุนแรงในครอบครัว
นางปิยนารถ หนูพลับ ลงพื้นที่ รณรงค์ลดความรุนแรงในครอบครัว

...

เรียนรู้จากวงพนัน "ใจ" คืออาวุธพิชิตชัยชนะ

บทบาทหน้าที่ “นักพัฒนาชุมชน” ประสบความสำเร็จ ณ ปัจจุบันได้ เธอบอกกับทีมข่าวฯ นั่นเป็นเพราะผลของความเชื่อที่ว่า “คนเปลี่ยนแปลงกันได้” และรวมถึงแรงผลักดันจากบทเรียนชีวิตที่ผิดพลาดในอดีตของเธอด้วยที่หลงทางผิดมัวเมากับ “การพนัน” ที่ผูกพันตั้งแต่อ้อนแต่ออก เพราะเกิดและโตในวงพนัน

เธอจึงเล่นพนันเป็นแทบทุกอย่าง ทั้งไพ่ผสมสิบ ดัมมี่ และใช้การพนันเป็นเครื่องมือหารายได้พิเศษให้มีกิน จากชั้นมัธยมจนเรียนปริญญาตรี ชวนเพื่อนเล่นไพ่และออกอุบายใครแพ้ต้องซื้อข้าวเลี้ยง เมื่อเรียนจบปริญญาตรีได้มารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่งานทะเบียน ชีวิตยังผูกพันกับวงการพนัน แต่ไม่ได้เล่นแบบเปิดเผย กระทั่งวันหนึ่งเธอถูกเพื่อนร่วมกันโกงจนหมดเงินเป็นแสนจึงรู้สึกผิดหวัง รวมถึงสามีที่ทั้งเล่นการพนัน และดื่มเหล้า มีเรื่องชู้สาวจนเกิดการระหองระแหง หึงหวงกัน เธอและสามีจึงตัดสินใจเลิกเล่นการพนันเพื่อครอบครัว และสิ่งสำคัญที่สุดคือเพื่อ “ลูก”

นางปิยนารถ หนูพลับ รับรางวัล
นางปิยนารถ หนูพลับ รับรางวัล "ข้าราชการดีเด่น" จังหวัดพัทลุง

...

“ชวนแฟนเลิกเลย บอกเขา ถ้ายังเล่นการพนันอยู่ ลูกเกิดมาคงลำบาก เงินที่ได้จากการพนันมันไม่ใช่เงินเย็น ไม่ได้นิ่ง มันเคลื่อนไหวตลอด วันไหนชนะก็เลี้ยงเพื่อน เพื่อนยินดีด้วย แต่วันไหนแพ้ ไม่มีเพื่อนมาแลแม้แต่คนเดียว เลยเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ทุกคนล้วนอยากได้เงินคนอื่น แต่การเล่นพนันมันทำให้ขาดสติ ถึงจะฉลาดขนาดไหน จะมีสติแค่ไหน ไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมการโกงหรอก

การจะเลิกเล่นพนัน มันไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น มันอยู่ที่เรา ขอบคุณทุกความดีของตัวเอง ครอบครัวและคนในชุมชนที่ร่วมกันสร้างจนมาถึงวันนี้ ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองได้ หลายคนบอก จากที่เคยเล่นการพนันเดี๋ยวนี้เลิกได้จริงหรือ บอกได้เต็มปากว่าเลิกเด็ดขาดจริงๆ มันไม่ได้ยาก แค่เราเลือกที่จะเปลี่ยนเท่านั้นเอง

เส้นทางชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ทุกการกระทำจะเป็นตัวนำพาให้เกิดความสุขในชีวิต ทุกอย่างเริ่มที่ตัวเรา คนเล่นการพนัน ให้มองที่ครอบครัวก่อน เริ่มจากตัวเอง ปรับเปลี่ยนเลิกได้เด็ดขาดแน่นอน” นักพัฒนาชุมชน ข้าราชการดีเด่นฝากทิ้งท้าย

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง 

สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่

reporter.thairath@gmail.com  หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ