เข้าสู่สมัยที่ 2 สำหรับ นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีต หัวหน้า คสช. ซึ่งที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีกระแสข่าว การปรับเปลี่ยนโผ “คณะรัฐมนตรี” อยู่หลายรอบ หลายหน จนเป็นดราม่าไล่ตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย หรือ จะเป็นพรรคเล็กๆ 2 หรือ 3 เสียง อย่างพรรคชาติพัฒนา กับพรรครักษ์ผืนป่าฯ แต่ที่แน่ๆ ศึกนอกก็ดี ศึกในก็ต้องจัดสรร เพราะคนของพลังประชารัฐเอง ก็ไม่ได้มีน้อยซะเมื่อไหร่..

เอาล่ะ! แต่ถึงวันนี้ โผต่างๆ ก็ยังไม่ลงตัวแล้ว แต่ก็พอได้ชื่อ ครม. กันมาบ้างแล้ว ส่วนจะเป็นตัวจริง ชัวร์หรือมั่ว ก็ต้องรอพิสูจน์ดู แต่..อย่างไรเสีย หากส่องตามโผ “ครม.ลุงตู่ 2/1” คนไหนเคยฝากฝีมือผลงาน “โบแดง” หรือ ฝากรอยด่างเป็น "โบดำ" ผลงานที่ถูกโจษขานไว้บ้าง มาลองไล่ดูกัน

กลายเป็นเรื่อง สำหรับ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ตามโผ ครม. อาจจะถูกสลับตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม มาเป็น รมว.พลังงาน แทนที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นสาเหตุให้กลุ่มสามมิตรไม่พอใจ กระทั่งส่งสัญญาณ "สาปส่ง" อยากให้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค โดยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นใช้คำที่รุนแรงว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรค ทำงานผิดพลาดหลายเรื่อง ไม่มีภาวะผู้นำ ทำให้พรรคแตกแยก”

...

อย่างไรก็ตาม สนธิรัตน์ เคย ป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสังคม, ที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ก่อนจะได้เป็น รมช.พาณิชย์ และ รมว.พาณิชย์ในเวลาต่อมา ช่วงที่เป็นรัฐมนตรี ผลงานที่พอจะจำชื่อนายสนธิรัตน์ ได้ก็คือ “การควบคุมราคายา” ซึ่งก็สามารถเข็นออกมาใช้ได้จนสำเร็จ

ส่วนคนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะโดนล้อกันหนักมาก กับปม “นาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขุนทหารมากบารมีที่คู่เคียง “บิ๊กตู่” ถึงแม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะไว้ใจให้เป็น รมว.กลาโหม และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่ผลงานที่ถูกพูดถึงกลับไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่ที่มากมีคือเรื่อง “นาฬิกา” ที่สุดท้ายจบ ป.ป.ช. มีการชี้แจงว่า นาฬิกายืมเพื่อนไม่ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถือเป็น “มือขวา” สายเศรษฐกิจของรัฐบาลหลายๆ ชุด ตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จนมาถึง นายทักษิณ ชินวัตร กระทั่งถึง รัฐบาล คสช. ผลงานที่ผ่านมา ส่วนมากจะเป็นระดับมหภาคซึ่งเป็นภาพรวม แต่ก็มีหลายโปรเจกต์ที่เคยพยายามผลักดัน อาทิ ครัวไทยไปครัวโลก โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่พยายามดึงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทย และยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมาย

ที่ขาดไม่ได้เลย คือ มือกฎหมายอย่าง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย โดยเริ่มจากการทำงานเป็น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร 17 เมษายน 2535 ต่อมาก็มาเป็นรองนายกฯ ให้กับ รัฐบาลทักษิณ เมื่อปี 2545 - 2548 รวมไปถึงสมัยรัฐบาล บิ๊กตู่ เมื่อปี 2557 ด้วย

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ดูเหมือนจะเป็นผลงานที่ไม่อยากจำเสียมากกว่า โดยต้องย้อนกลับไปสมัยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ด้วยการจัดซื้อ “เรือเหาะ” ซึ่งเป็นระบบตรวจการณ์มาในราคา 350 ล้านบาท เป็นตัวเรือเหาะ 260 ล้านบาท กล้องตรวจการณ์ 70 ล้านบาท และระบบภาคพื้น รถต่างๆ เมื่อปี 2552 แต่ต่อมาเกิดปัญหารั่ว และตัองเติมก๊าซฮีเลียมที่มีราคาแพง จนต้องจอดเก็บในโรงจอด ที่ พล. ร.15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กระทั่งจนต้องปลดประจำการในที่สุด

...

สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เจ้าของนโยบาย “โคล้านตัว” เมื่อครั้งนั่งตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ในปี 2546 รัฐบาล “ทักษิณ” โดยนายสมศักดิ์ ได้เสนอไอเดียนี้ เพื่อแจกให้กับครอบครัวเกษตรกร อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีการพูดถึงและมีการปรับเงื่อนไข และมีการเลื่อนที่จะแจกวัว กระทั่ง ในที่สุดแล้ว โครงการนี้ก็ถูกเลื่อน จนกระทั่ง “พับโครงการ” ไปในที่สุด

...

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ตามโผล่าสุด อาจจะได้นั่ง รมว.พลังงาน หรือ รมว.อุตสาหกรรม ที่ยังมีข่าวสลับเก้าอี้ไปมาอยู่ สำหรับผลงานที่ผ่านมา เคยเจอวิบากกรรม ร่วมนายทักษิณ ชินวัตร กรณีถูกกล่าวหาทุจริตโครงการ CTX9000 ตอนนั่งตำแหน่ง รมว.คมนาคม ซึ่งคดีนี้มีการหาข้อมูล สอบสวนอย่างยาวนาน กว่า 7 ปี โดยมีการขอความร่วมมือ จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โดยไม่มีหลักฐานยืนยันการให้ค่าตอบแทน เจ้าหน้าที่ไทย กระทั่ง ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องในที่สุด 

ข้างต้นนี้ดูเหมือนเป็นคนอดีตรัฐบาล และ สมัย คสช. คราวนี้ลองมาฝั่ง พรรคร่วมรัฐบาลบ้าง บางคนเคยทำงานในรัฐบาลหรือฝ่ายค้านมาแล้วหลายสมัย ส่วนใครมาผลงานโดดเด่น หรือ โดดด้อย บ้าง มาลองดูกัน

“เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกุล” เริ่มงานการเมืองด้วยตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.การต่างประเทศ ปี 2539, ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปี 2541, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 30 มิถุนายน 2547 ในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งในช่วงนั้น นายอนุทิน ยังถือเป็น “โนเนม” ในวงการการเมือง ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีผลงานอะไรมากนัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งนี้ นายอนุทิน พยายามเดินหน้านโยบาย “กัญชา” อย่างเต็มสูบ ซึ่งผลลัพธ์จะเป็น “หมู่หรือจ่า” ต้องรอดูอนาคต ในฐานะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข

...


ขณะที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เคยทำงานใน 2 กระทรวงใหญ่ สาธารณสุข และ ก.ศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำงานในลักษณะประคองตัว เรียกว่า “ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ” สำหรับ ครั้งนี้ การได้มานั่งในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ซึ่งถือเป็นกระทรวงสำคัญจะมีผลงานอะไรหรือไม่ คงต้องรอดู

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือ "หม่อมเต่า" หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อนจะถูกปลดโดยรัฐบาลทักษิณ ตามโผทีแรก ว่ากันว่า จะให้มานั่งในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แต่ล่าสุด อาจถูกย้ายไปนั่ง รมว.แรงงาน

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ มีหลายคนยังไม่เคยฝากฝีมือในตำแหน่งสำคัญมาก่อน อาทิ นายอัครา พรหมเผ่า รมว.ดีอี หรือ นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่เคยมีชื่อโผล่ในโผ เป็น รมว.แรงงาน แต่ล่าสุดมีข่าวว่าหลุดโผไปเรียบร้อยแล้ว

สุดท้าย ถ้าไม่เอ่ยถึงก็คงไม่ได้ คนๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คือ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้โอกาสรีเทิร์นตำแหน่ง ซึ่งช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเสียงบ่นมากมีเรื่องอารมณ์ฉุนเฉียวของลุง แต่ผลงานก็พอมีให้เห็นบ้าง อันดับแรกคือ "ความสงบเรียบร้อย" ที่เกิดขึ้นในประเทศ รองลงมาบัตรสวัสดิการต่างๆ ถึงแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ถือผลงานที่แบ่งเบาภาระให้กับประชาชนได้ ที่สำคัญ ลุงตู่ ยังไม่เคยมีข่าวมัวหมองถูกโยงเรื่องการทุจริต มีแต่บรรดาคนใกล้ชิดเท่านั้นที่ยังโดนข้อกล่าวหา ซึ่งตรงนี้อาจจุดอ่อนของรัฐบาล 

อ้อ..ที่ลืมไม่ได้ หรือไม่ได้ลืม คือ ผลงานแต่งเพลง ซึ่งปัจจุบัน มีครบ 10 เพลงแล้ว ส่วนใครจะชอบหรือชัง อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล