จากกรณี นายอัศวิน นกเล็ก อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสวนลำไยกว่า 50 ไร่ ที่ตำบลวังคัน อ.ด่านช้าง และเป็นเจ้าของกิจการร้านขายปุ๋ย สินค้าทางการเกษตร ที่ อ.ด่านช้าง ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 27 ก.ย.61 เนื่องจากเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หลังโดนมดตะนอยกัดในสวนลำไยนั้น
ทีมข่าวเจาะประเด็น ได้พูดคุยนายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงอันตรายของมดตะนอย โดยทีมข่าวจะไล่เรียงเอาไว้ให้อ่านง่ายๆ ดังต่อไปนี้
“โดยทั่วไป ผู้ที่โดนมดตะนอยกัดจะมีอาการเจ็บแสบและมีตุ่มบวม จากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น และค่อยๆ หายไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงกว่านั้น เนื่องจากแพ้พิษ” นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าว
...
สำหรับคนที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหลังโดนมดตะนอยกัด
- ผื่นบวมแดงขึ้นตามร่างกายอย่างผิดปกติ
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียร่วมด้วย
- มือเท้าเย็น
- หายใจลำบาก อึดอัด แน่นหน้าอก
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
- หมดสติ
“หากผู้ที่มีอาการแพ้โดนมดตะนอยกัด อาการหนักถึงขั้นหายใจไม่ออก และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้” นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าว
“สำหรับคนที่แพ้รุนแรง หลังมดตะนอยกัดภายใน 5 นาที อาจมีการหายใจไม่ออก ช็อกหมดสติ ฉะนั้น ต้องรีบพาบุคคลนั้นๆ ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แต่ผู้ที่มีอาการแพ้บางราย ในคนไข้บางรายที่รู้ว่าตัวเองมีอาการแพ้ เขาจะมีเข็มยาอิพิเนฟริน เอาไว้ฉีดยาเองเลย เพื่อเพิ่มความดันของหลอดเลือด และลดอาการแพ้อย่างรุนแรง” นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าว
ฤทธิ์มดตะนอย
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เคยให้สัมภาษณ์ถึงความอันตรายของมดตะนอย ไว้ว่า “อันตรายของมดตะนอย เกิดจากการที่มดตะนอยต่อยด้วยเหล็กใน ซึ่งการต่อยของมดจะแตกต่างจากผึ้ง คือ มดเมื่อต่อยแล้วจะสามารถดึงเหล็กในกลับ ทำให้สามารถต่อยได้หลายครั้ง ผู้ถูกต่อยจะถูกต่อยซ้ำๆ ด้วยมดตัวเดิม ในขณะที่ผึ้งจะต่อยเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งเหล็กในไว้ที่แผลของผู้ถูกต่อย”
“หากบางรายที่แพ้รุนแรง หากรักษาไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ และไม่เฉพาะแต่มดตะนอยเท่านั้นที่มีเหล็กในและมีต่อมพิษ มดชนิดอื่นๆ เช่น มดคันไฟก็มีสารพิษที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน” นพ.บุญชัย กล่าว.